ASTV ผู้จัดการรายวัน – บิ๊กบมจ.เด็มโก้คาดเคลียร์ปัญหาเกี่ยวกับ บมจ. วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ได้ภายใน 3 เดือน เพื่อเดินหน้าแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ พร้อมเปิดแผนงานทั้งปี 58 เดินหน้าเข้าประมูลงานสร้างโรงไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง คาด backlog สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 6 พันล้านบาท และทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เด็มโก้ หรือ DEMCO เปิดเผยความคืบหน้าการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ WEH โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือนเพื่อเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่มีอยู่ในมือ รวมถึงแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยปัจจุบัน DEMCO สนใจที่จะซื้อหุ้นของ WEH เพิ่มจากที่ถืออยู่ราว 4% แต่ต้องรอดูราคาเหมาะสม กระแสเงินสดในมือประกอบการตัดสินใจ
ประธานกรรมการบริหาร DEMCO คาดว่าจะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้น WEH ภายในเดือนมกราคมนี้ เพื่อปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหาร รวมถึงการลดสัดส่วนถือหุ้นของนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ซึ่งถือหุ้นในบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์ปอเรชั่น หรือ REC 75% โดย REC ถือหุ้น WEH 63% ลงเนื่องจากธนาคารจะไม่อนุมัติเงินกู้ให้กับ WEH ในการนำไปก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม
ปัจจุบัน WEH มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 12 โครงการ ดำเนินการผลิตไปแล้ว 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์ และมีอีก 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์ที่รอการก่อสร้าง ซึ่งต้องให้การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นแล้วเสร็จก่อน ขณะที่ได้รับใบอนุญาตขายไฟฟ้าแล้วอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 360 เมกะวัตต์อยู่ในมือ รวมถึงมีผลกำไรจากการลงทุนเข้ามาอีกปีละกว่า 500 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสูง
“แบงก์จะยังไม่ปล่อยเงินกู้หากยังไม่มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นของนายนพพรลง หลังจากปรับโครงสร้างแล้วคาดว่าจะมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาซื้อหุ้นต่อจากนายนพพร โดยปัจจุบันได้รับการติดต่อจากกองทุนในประเทศสิงคโปร์และญี่ปุ่นรวมถึงกองทุนส่วนบุคคลในประเทศไทย เพื่อเข้าขอซื้อหุ้นในสัดส่วนดังกล่าวแล้ว” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานปี 2558 ว่า บริษัทฯตั้งเป้าการดำเนินงานในปีนี้ที่จะเข้าประมูลงานในส่วนของระบบวิศวกรรมไฟฟ้า ระบบเสาส่งสัญญาณ และสถานีไฟฟ้า โดยบริษัทฯตั้งเป้าที่จะได้งานทั้งโครงการในส่วนของรัฐและ เอกชนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการระยะยาวต่อเนื่อง 5-7 ปี และทำให้บริษัทฯมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้งานงานในมือ และเงินปันผลจากการเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท และมีเงินปันผลจากการลงทุนในส่วนอื่นๆอีกประมาณ 200 ล้านบาท
"ในปีนี้บริษัทฯเตรียมจะเพิ่มงานใหม่อีก 2 โครงการคือโรงไฟฟ้าขยะ จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 8 เมกกะวัตต์ต่อโรง โดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาติสัญญาวื้อขายไฟฟ้า (PPA) ได้ในไตรมาสที่ 1-2 ปีนี้" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีแผนการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเข้าไปลงทุนรับงานติดตั้งสายส่งไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย โดยร่วมกับบริษัทผลิตไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่นและรัฐบาลพม่า มูลค่าโครงการ 90 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 นอกจากนี้บริษัทฯยังมองการเข้าไปลงทุนด้านสาธารณูปโภคในประเทศลาว โดยได้ไปสำรวจพื้นที่ในเมืองเวียงจันทร์ หลวงพระบาง และปากเซซึ่งจะใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 เฟต ในเฟตแรก 500 ล้านบาท และจะทยอยลงทุนเพิ่มเติมในระยะ 3 ปีคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเซ็นสัญญาประมาณปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เด็มโก้ หรือ DEMCO เปิดเผยความคืบหน้าการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ WEH โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือนเพื่อเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่มีอยู่ในมือ รวมถึงแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยปัจจุบัน DEMCO สนใจที่จะซื้อหุ้นของ WEH เพิ่มจากที่ถืออยู่ราว 4% แต่ต้องรอดูราคาเหมาะสม กระแสเงินสดในมือประกอบการตัดสินใจ
ประธานกรรมการบริหาร DEMCO คาดว่าจะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้น WEH ภายในเดือนมกราคมนี้ เพื่อปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหาร รวมถึงการลดสัดส่วนถือหุ้นของนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ซึ่งถือหุ้นในบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์ปอเรชั่น หรือ REC 75% โดย REC ถือหุ้น WEH 63% ลงเนื่องจากธนาคารจะไม่อนุมัติเงินกู้ให้กับ WEH ในการนำไปก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม
ปัจจุบัน WEH มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 12 โครงการ ดำเนินการผลิตไปแล้ว 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์ และมีอีก 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์ที่รอการก่อสร้าง ซึ่งต้องให้การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นแล้วเสร็จก่อน ขณะที่ได้รับใบอนุญาตขายไฟฟ้าแล้วอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 360 เมกะวัตต์อยู่ในมือ รวมถึงมีผลกำไรจากการลงทุนเข้ามาอีกปีละกว่า 500 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสูง
“แบงก์จะยังไม่ปล่อยเงินกู้หากยังไม่มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นของนายนพพรลง หลังจากปรับโครงสร้างแล้วคาดว่าจะมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาซื้อหุ้นต่อจากนายนพพร โดยปัจจุบันได้รับการติดต่อจากกองทุนในประเทศสิงคโปร์และญี่ปุ่นรวมถึงกองทุนส่วนบุคคลในประเทศไทย เพื่อเข้าขอซื้อหุ้นในสัดส่วนดังกล่าวแล้ว” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานปี 2558 ว่า บริษัทฯตั้งเป้าการดำเนินงานในปีนี้ที่จะเข้าประมูลงานในส่วนของระบบวิศวกรรมไฟฟ้า ระบบเสาส่งสัญญาณ และสถานีไฟฟ้า โดยบริษัทฯตั้งเป้าที่จะได้งานทั้งโครงการในส่วนของรัฐและ เอกชนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการระยะยาวต่อเนื่อง 5-7 ปี และทำให้บริษัทฯมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้งานงานในมือ และเงินปันผลจากการเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท และมีเงินปันผลจากการลงทุนในส่วนอื่นๆอีกประมาณ 200 ล้านบาท
"ในปีนี้บริษัทฯเตรียมจะเพิ่มงานใหม่อีก 2 โครงการคือโรงไฟฟ้าขยะ จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 8 เมกกะวัตต์ต่อโรง โดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาติสัญญาวื้อขายไฟฟ้า (PPA) ได้ในไตรมาสที่ 1-2 ปีนี้" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีแผนการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเข้าไปลงทุนรับงานติดตั้งสายส่งไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย โดยร่วมกับบริษัทผลิตไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่นและรัฐบาลพม่า มูลค่าโครงการ 90 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 นอกจากนี้บริษัทฯยังมองการเข้าไปลงทุนด้านสาธารณูปโภคในประเทศลาว โดยได้ไปสำรวจพื้นที่ในเมืองเวียงจันทร์ หลวงพระบาง และปากเซซึ่งจะใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 เฟต ในเฟตแรก 500 ล้านบาท และจะทยอยลงทุนเพิ่มเติมในระยะ 3 ปีคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเซ็นสัญญาประมาณปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์