“เด็มโก้” มั่นใจรายได้ไตรมาส 4/57 โตต่อเนื่อง รับเหนาะๆ ปันผลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมรอบสอง 50 ล้านบาท “พงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์” ฟันธงแนวโน้มรายได้-กำไรปี 58 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อานิสงส์ กฟผ.ทุ่มงบลงทุนสายส่งและสถานีไฟฟ้าสูงสุดในรอบ 5 ปี รวมทั้งการขยายตลาดโซลาร์ฟาร์ม 1.4 พันเมกะวัตต์ พร้อมลุยลงทุนพลังงานทดแทนทั้ง “พลังงานลม-แสงอาทิตย์-ขยะ” ตั้งเป้าเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 200 เมกะวัตต์ ไม่หวั่นข่าวผู้ถือหุ้นบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ส์ โฮลดิ้ง เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งทั้งธุรกิจรับเหมา และการลงทุนที่จะขยายตัวต่อเนื่อง
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) (DEMCO) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่าจะทำลายสถิติสูงสุดทั้งในด้านรายได้ และกำไร โดยในด้านรายได้จะมาจากการขยายขนาดของตลาด บริษัทจะได้ประโยชน์จากการลงทุนด้านสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ประกาศงบลงทุน 5 ปี มากกว่า 120,000 ล้านบาท การลงทุนจาก กฟภ. ปีละกว่า 20,000 ล้านบาท รวมถึงส่วนเพิ่มจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ตามประกาศของกระทรวงพลังงาน 1,445 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนมากกว่า 86,000 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการลงทุนบริษัทจะรับรู้รายได้ จากการถือหุ้น 15% ในโครงการพลังงานลมห้วยบง 2, 3 รวมทั้งโครงการโซลาร์ ฟาร์ม และโซลาร์รูฟ จำนวน 3 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินปันผลในปี 2558 จำนวนรวม 195 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากนโยบายภาครัฐซึ่งสนับสนุนให้มีการลงทุนในพลังงานทดแทน ทั้งโซลาร์ฟาร์ม 1,445 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าขยะ 400 เมกะวัตต์ เด็มโก้ กำลังศึกษาที่จะเข้าลงทุนในโซลาร์ฟาร์ม และโรงไฟฟ้าขยะรวม 100-200 เมกะวัตต์ ในระยะเวลา 2 ปี โดยในปี 2558 คาดว่าจะมีการลงทุนประมาณ 70 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าขยะ 16 เมกะวัตต์ โซลาร์ฟาร์ม 50 เมกะวัตต์ ซึ่งจากแผนลงทุนนี้จะทำให้บริษัทเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 140 เมกะวัตต์ ในปี 2558 และจะเพิ่มขึ้นอีก 80-100 เมกะวัตต์ ในปี 2559
“การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอนาคตนี้บริษัทเห็นว่าไม่ต้องมีการเพิ่มทุน เนื่องจากโครงสร้างเงินทุนที่ประกอบด้วย Demco-W5, Demco-W6, ESOP จำนวนรวม 1,500 ล้านบาท รวมกับหุ้น 4% จำนวน 4.2 ล้านหุ้น ที่บริษัทถืออยู่ใน WEH ซึ่งปัจจุบันซื้อขายนอกตลาดอยู่ที่ราคา 570 บาท/หุ้น จะทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดอีกไม่น้อยกว่า 2,400 ล้านบาท ซึ่งจากโครงสร้างเงินทุนที่มาจาก Warrant , ESOP และหุ้น WEH มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท จะส่งผลให้บริษัทสามารถกู้เงินราว 8,000-10,000 ล้านบาท บนอัตราส่วน DE Ratio 2.5 เท่า ทำให้บริษัทมีศักยภาพในอนาคตที่จะลงทุนในธุรกิจ 12,000-14,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาด 200-250 เมกะวัตต์ ในอนาคตได้อย่างสบาย” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
“สำหรับกระแสข่าวที่ปรากฏในสื่อที่เกี่ยวกับผู้ถือหุ้น WEH นั้น บริษัทเห็นว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อตัวผู้ถือหุ้น ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท บริษัทยังมีความมั่นใจว่า ทีมคณะกรรมการและผู้บริหารบริษัท WEH เป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูงทั้งในด้านการเงิน และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม จะผลักดันการพัฒนาโครงการพลังงานลมของ WEH ให้เป็นไปตามแผน เนื่องจากโครงการแต่ละโครงการได้ผ่านการพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ช่วงการก่อสร้างตามลำดับ” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวเสริม
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 3/57 และงวด 9 เดือน มีรายได้รวม 1,521.37 ล้านบาท และ 3,282.30 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 118.29 ล้านบาท และ 248.94 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 6,090.42 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5,888.07 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในเดือน ธ.ค.2557 บริษัทจะได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในโครงการพลังงานลมห้วยบง 2, 3 งวดที่ 2 จำนวน 50 ล้านบาท รวมเป็นเงินปันผลที่รับในปีนี้ทั้งสิ้น 166.46 ล้านบาท