ประธานบอร์ดเด็มโก้ เดินเครื่องระบบวิศวกรรมไฟฟ้า ตั้งเป้าประมูลงานรัฐเอกชนโครงการระยะยาว คาดโกยรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท/ปี พร้อมรุกอาเซียนเล็งงานไฟฟ้าในพม่า และตั้งงบกว่า 1,000 ล้านบาท ลงทุนสาธารณูปโภคในประเทศลาว แย้มเคลียร์ปัญหา WEH ภายใน 3 เดือน
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เด็มโก้ หรือ DEMCO กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าการดำเนินงานในปีนี้ที่จะเข้าประมูลงานในส่วนของระบบวิศวกรรมไฟฟ้า ระบบเสาส่งสัญญาณ และสถานีไฟฟ้า โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะได้งานทั้งโครงการในส่วนของรัฐ และ
เอกชนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการระยะยาวต่อเนื่อง 5-7 ปี และทำให้บริษัทฯ มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้งานงานในมือ และเงินปันผลจากการเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท และมีเงินปันผลจากการลงทุนในส่วนอื่นๆ อีกประมาณ 200 ล้านบาท
“ในปีนี้บริษัทฯเตรียมจะเพิ่มงานใหม่อีก 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าขยะ จำนวน 2 โรง กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ต่อโรง โดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาติสัญญาวื้อขายไฟฟ้า (PPA) ได้ในไตรมาสที่ 1-2 ปีนี้”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเข้าไปลงทุนรับงานติดตั้งสายส่งไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย โดยร่วมกับบริษัทผลิตไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่น และรัฐบาลพม่า มูลค่าโครงการ 90 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองการเข้าไปลงทุนด้านสาธารณูปโภคในประเทศลาว โดยได้ไปสำรวจพื้นที่ในเมืองเวียงจันทน์ หลวงพระบาง และปากเซ ซึ่งจะใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 เฟส ในเฟสแรก 500 ล้านบาท และจะทยอยลงทุนเพิ่มเติมในระยะ 3 ปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเซ็นสัญญาประมาณปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์
ในส่วนของกรณีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ บมจ.วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง หรือ WEH เนื่องมาจากนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ที่เป็นผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว โดยถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 9,867,494 หุ้น มูลค่า 25,174,940 บาท ของบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด โดยให้บริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยีฯ เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง หรือ WEH จำนวน 75% ขณะที่นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้นอยู่ 27% และ บมจ.เด็มโก้ ถือหุ้นอยู่ 4% โดยบริษัทฯ จะเร่งรัดในการแก้ใขปัญหาให้เร็วที่สุดภายในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้โครงการที่เกี่ยวเนื่องอยู่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ และผลักดันให้ บมจ.วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
