ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีการปรับปรุงอาคารสถานที่ต่างๆภายในทำเนียบรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ค.57 ที่ประชุม คสช.ได้อนุมัติงบประมาณ 252 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงทำเนียบฯ และบ้านพิษณุโลก ตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ ซึ่งในขณะนั้นมานั่งทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล ได้เป็นผู้เสนอขออนุมัติงบฯดังกล่าว
การดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงอาคารสถานที่ต่างๆ ภายในทำเนียบรัฐบาล ได้ดำเนินการ ทั้งตึกไทยคู้ฟ้า ตึกบัญชาการ 1 และ ตึกนารีสโมร รวมถึงตึกสันติไมตรี หลังนอก และหลังใน ถูกจัดให้เป็นโครงการเร่งด่วนที่ต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เริ่มจากเดือนก.ค.-ก.ย.57 ซึ่งการดำเนินการได้แล้วเสร็จประมาณเดือนก.ย.57 ตามเป้าหมาย แต่เสร็จเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการ 1 และ ตึกนารีสโมสร รวมถึงห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 5 ห้อง 501 ที่อยู่บนตึกบัญชาการ ที่รื้อระบบทั้งหมดก็แล้วเสร็จเช่นกัน แต่คณะรัฐมนตรีสามารถเข้าประชุมได้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ย.57 เนื่องจากกลิ่นสี ทินเนอร์ ยังส่งกลิ่นเหม็น รวมถึงข้อครหาการจัดซื้อไมค์โครโฟนราคาแพง จึงทำให้การเข้าใช้ ต้องลากยาวมาถึงเดือนพ.ย.57
ขณะที่ตึกบัญชาการ 2 และโรงอาหาร ที่ใต้ตึกบัญชาการ 1 ที่ทั้งข้าราชการ ในส่วนของสำนักโฆษกประจำสำนักนายกฯ และร้านค้าต่างๆ ได้ถูกให้ย้ายออกจากอาคารชั่วคราว ตั้งแต่เดือนส.ค.57 โดยข้าราชการย้าย ไปใช้อาคารผู้แทนการค้าเก่า ขณะที่ร้านค้า ทางฝ่ายสถานที่ได้กางเต้นท์ให้ขายชั่วคราว โดยแจ้งว่าประมาณ 3 เดือน จะได้ย้ายกลับมาที่เดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดตึกบัญชาการ 2 ได้ดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จ ประมาณเดือนต.ค.57 แต่ข้าราชการในส่วนของสำนักโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังไม่สามารถย้ายกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสถานที่ แจ้งกับทางข้าราชการว่า อยู่ระหว่างการจัดหาเฟอร์นิเจอร์โต๊ะ เก้าอี้ ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากของเก่าตอนขนย้ายเกิดการชำรุดเสียหาย ไม่สามารถใช้การได้จำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้ยังไม่สามารถเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้จนถึงทุกวันนี้ จนข้าราชการข้องใจ ไม่กล้าที่จะทวงถาม แต่แจ้งผ่านสื่อให้ช่วยติดตาม
ขณะที่โรงอาหารใต้ตึกบัญชาการ 1 การดำเนินการปรับปรุงไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย และถูกปล่อยร้างไว้เช่นนั้น ทั้งข้าราชการ และสื่อมวลชนประมาณ 500 คน ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โซนดังกล่าว ต้องลำบากในการหาสถานที่รับประทานอาหาร บ้างเดินไปตลาดนางเลิ้ง เทเวศน์ หรือ โรงอาหารด้านหลัง เสียเวลามาก ขณะที่บนตึกไทยคู่ฟ้า และตึกบัญชาการ ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ เพราะได้มีการสั่งอาหารเข้ามารับประทานถึงที่
ทั้งนี้ จากความเดือดร้อนดังกล่าว ผู้สื่อข่าวในทำเนียบฯ ได้ติดตามความคืบหน้ามาหลายครั้ง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พ.ย.57 ก็ยังร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งให้เร่งดำเนินการให้ทันที โดยทางเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ และจะจัดการให้ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งข้าราชการ และนักข่าว แต่ไม่ได้ให้ความชัดเจนจะเสร็จเมื่อไร ซึ่งวันนี้จากการเข้าไปสำรวจพบว่า ห้องอาหารยังถูกปล่อยร้าง ไม่มีการดำเนินการปรับปรุง ไม่มีทีท่าว่าจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ห้องพยาบาล ที่จะมีพยาบาลมาประจำการอยู่ใต้ ตึกบัญชาการ 1 ก็หายไปพร้อมๆ กับการปรับปรุงอาคารสถานที่ในทำเนียบรัฐบาลด้วย
การดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงอาคารสถานที่ต่างๆ ภายในทำเนียบรัฐบาล ได้ดำเนินการ ทั้งตึกไทยคู้ฟ้า ตึกบัญชาการ 1 และ ตึกนารีสโมร รวมถึงตึกสันติไมตรี หลังนอก และหลังใน ถูกจัดให้เป็นโครงการเร่งด่วนที่ต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เริ่มจากเดือนก.ค.-ก.ย.57 ซึ่งการดำเนินการได้แล้วเสร็จประมาณเดือนก.ย.57 ตามเป้าหมาย แต่เสร็จเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการ 1 และ ตึกนารีสโมสร รวมถึงห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 5 ห้อง 501 ที่อยู่บนตึกบัญชาการ ที่รื้อระบบทั้งหมดก็แล้วเสร็จเช่นกัน แต่คณะรัฐมนตรีสามารถเข้าประชุมได้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ย.57 เนื่องจากกลิ่นสี ทินเนอร์ ยังส่งกลิ่นเหม็น รวมถึงข้อครหาการจัดซื้อไมค์โครโฟนราคาแพง จึงทำให้การเข้าใช้ ต้องลากยาวมาถึงเดือนพ.ย.57
ขณะที่ตึกบัญชาการ 2 และโรงอาหาร ที่ใต้ตึกบัญชาการ 1 ที่ทั้งข้าราชการ ในส่วนของสำนักโฆษกประจำสำนักนายกฯ และร้านค้าต่างๆ ได้ถูกให้ย้ายออกจากอาคารชั่วคราว ตั้งแต่เดือนส.ค.57 โดยข้าราชการย้าย ไปใช้อาคารผู้แทนการค้าเก่า ขณะที่ร้านค้า ทางฝ่ายสถานที่ได้กางเต้นท์ให้ขายชั่วคราว โดยแจ้งว่าประมาณ 3 เดือน จะได้ย้ายกลับมาที่เดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดตึกบัญชาการ 2 ได้ดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จ ประมาณเดือนต.ค.57 แต่ข้าราชการในส่วนของสำนักโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังไม่สามารถย้ายกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสถานที่ แจ้งกับทางข้าราชการว่า อยู่ระหว่างการจัดหาเฟอร์นิเจอร์โต๊ะ เก้าอี้ ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากของเก่าตอนขนย้ายเกิดการชำรุดเสียหาย ไม่สามารถใช้การได้จำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้ยังไม่สามารถเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้จนถึงทุกวันนี้ จนข้าราชการข้องใจ ไม่กล้าที่จะทวงถาม แต่แจ้งผ่านสื่อให้ช่วยติดตาม
ขณะที่โรงอาหารใต้ตึกบัญชาการ 1 การดำเนินการปรับปรุงไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย และถูกปล่อยร้างไว้เช่นนั้น ทั้งข้าราชการ และสื่อมวลชนประมาณ 500 คน ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โซนดังกล่าว ต้องลำบากในการหาสถานที่รับประทานอาหาร บ้างเดินไปตลาดนางเลิ้ง เทเวศน์ หรือ โรงอาหารด้านหลัง เสียเวลามาก ขณะที่บนตึกไทยคู่ฟ้า และตึกบัญชาการ ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ เพราะได้มีการสั่งอาหารเข้ามารับประทานถึงที่
ทั้งนี้ จากความเดือดร้อนดังกล่าว ผู้สื่อข่าวในทำเนียบฯ ได้ติดตามความคืบหน้ามาหลายครั้ง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พ.ย.57 ก็ยังร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งให้เร่งดำเนินการให้ทันที โดยทางเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ และจะจัดการให้ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งข้าราชการ และนักข่าว แต่ไม่ได้ให้ความชัดเจนจะเสร็จเมื่อไร ซึ่งวันนี้จากการเข้าไปสำรวจพบว่า ห้องอาหารยังถูกปล่อยร้าง ไม่มีการดำเนินการปรับปรุง ไม่มีทีท่าว่าจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ห้องพยาบาล ที่จะมีพยาบาลมาประจำการอยู่ใต้ ตึกบัญชาการ 1 ก็หายไปพร้อมๆ กับการปรับปรุงอาคารสถานที่ในทำเนียบรัฐบาลด้วย
