ASTV ผู้จัดการรายวัน- ผบ.ตร.ย้ำการโยกย้าย ผกก.ในสังกัด บช.น.ที่มีความผิดเรื่องป้ายไฟโฆษณาบนป้อมจราจร อยู่ในอำนาจของ ผบช.น. “ประวิตร”ย้อนย้ายบิ๊ก ผกก.ถามแล้วผิดจริงหรือเปล่า "พงศพัศ" สั่งสอบป้ายประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศกว่า 6,000 แห่ง จับตาการประชุมก.ตร.เพื่อโยกย้ายวันนี้ “นายกฯ” ระบุ ผบช.น.ต้องรับผิดชอบเสนอโยกย้าย รองผกก.-ผกก.
วานนี้ ( 6 ม.ค.) ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติชั้น 6 ร.พ.ตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในสังกัดระดับผกก. เนื่องจากการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องป้ายไฟโฆษณาบนป้อมจราจร ว่า เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนั้นเป็นเรืองของทางบช.น.ในการทำโผโยกย้าย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่เข้าไปแทรกแซง ส่วนตัวตนเชื่อว่าผบช.น.จะไม่มีอคติในการย้ายลูกน้อง ย้ายกันตามผลงานใครทำอะไรไว้ ก็ต้องรับผลที่มันจะเกิด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีผกก.บางคนบอกว่าป้ายไฟโฆษณามีมาก่อนที่ตัวเองจะย้ายมาแล้ว จะทำอย่างไร พล.ต.อ.สมยศ ตอบว่า เรื่องนี้ก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าตำรวจทุกคนจะไม่มาตั้งกลุ่มประท้วงกันให้เดือดร้อนแน่นอน
**“ประวิตร”ย้อนถามผิดจริงหรือเปล่า
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)โยกย้ายนายตำรวจที่พัวพันคดีป้ายโฆษณาติดตั้งบนป้อมจราจรออกนอกหน่วยว่า “เขาผิดหรือเปล่าละ ผมถามว่าเขาผิดหรือเปล่า ถ้าไม่ผิดเขาย้ายได้ไหม เขาผิดหรือเปล่าถึงขอความเป็นธรรม เป็นอำนาจของทางผู้บัญชาการ เขาเป็นคนทำ ซึ่งต้องตกลงรับผิดชอบ ไม่ใช่อยู่ดีๆแล้วไปย้ายคนส่งเดชได้เมื่อไหร่ การย้ายเขามีคณะกรรมการ ก.ตร.ในการตรวจสอบ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก.ตร.กำหนดประชุมเป็นระยะเวลานาน และวันที่ 7 ม.ค. ก็จะมีการประชุม แสดงว่ามีการดำเนินการมาในทุกขั้นตอนแล้ว ไม่สามารถทำผิดขั้นตอนได้ เมื่อมีการตรวจสอบแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องต่อ ผบ.ตร.ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการสานต่อโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน รองนายกฯ กล่าวว่า เขาทำไปตามกฎหมายและทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ไม่มีฮั๊ว นะ หากมีการฮั๊วก็จะมีกฎหมายเข้าไปตรวจสอบ คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ
***จับตาก.ตร.นัดถก.โผโยกย้าย
ทั้งนี้การจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ ผู้กำกับการ ถึง รองผู้บังคับการ ประจำปี 2557 ในส่วนของ บช.ก. เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วและเตรียมส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาในวันที่ 7 ม.ค.นี้ สำหรับจำนวนรายชื่อนายตำรวจที่จะถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยนั้นมีจำนวนประมาณ 100 นายเท่านั้น แต่ก็มีตำรวจระดับ ผกก.ถึงร้อยละ 50 ที่ถูกเสนอชื่อโยกย้ายเนื่องมาจากการกระทำความผิดร่วมกับเครือข่ายอดีต ผบช.ก.
ทั้งนี้โผแต่งตั้งโยกย้ายในพื้นที่ บช.น.ที่มีจำนวนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากหลายตำแหน่งกระทำความผิดทั้งในเรื่องวินัย ความผิดจากการรับขบวนเสด็จ และที่มีจำนวนมากที่สุดคือความผิดกรณีป้ายไฟโฆษณาบนป้อมตำรวจจราจร ซึ่งพบว่าหลายคนปล่อยปละละเลยให้มีการติดตั้งป้ายโฆษณาดังกล่าว รวมทั้งมีการอนุญาตลงนามในสัญญาทั้งที่ไม่มีอำนาจ เหล่านี้จึงทำให้มีจำนวนมาก
***สอบป้ายไฟป้อมจราจรทั่วประเทศ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. ในฐานะคณะกรรมการกำหนดนโยบายการใช้อาคาร สถานที่และที่ดินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมแนวทางการอนุญาตติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์บนป้อมจราจร เพื่อให้ถูกต้องและเป็นป้อมบรรทัดฐานเดียวกันทั่วประเทศ และหาข้อสรุปความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของตร. ในการพิจารณาความผิดกรณีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ตามป้อมตำรวจทั่วกรุงเทพมหานคร จนทำให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เสนอบัญชีโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ ถึงระดับสารวัตร ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
โดย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวก่อนการประชุมว่า ในวันนี้จะมีการพิจารณาด้วยกัน 3 ประเด็น ประกอบด้วย การตรวจสอบป้ายประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศว่ากรมธนารักษ์ได้มีหนังสือตอบกลับว่ามีป้ายในพื้นที่กรมธนารักษ์ทั้งหมด กว่า 6,000 ป้ายทั่วประเทศ พบทั้งการติดตั้งป้ายโฆษณาในป้อมตำรวจทั่วประเทศ 805 ป้อม ในกรุงเทพมหานคร 173 ป้อม อย่างไรก็ตามทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ตำรวจทั่วประเทศไปสำรวจการติดตั้งโฆษณาอย่างไรบ้าง พร้อมกับตรวจสอบว่า มีบริษัทใดเกี่ยวข้อง ก่อนที่จะนำเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกรมธนารักษ์ ว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่ในการติดตั้ง ตามลำดับ ซึ่งหากกรมธนารักษ์ เห็นชอบ จะต้องมีการเสียภาษีให้ถูกต้องตามขั้นตอน ส่วนประเด็นที่ 2 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือสอบถามความคืบหน้าตรวจสอบป้อมจราจรที่มีปัญหาทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ตร. อยู่ระหว่างการรวมรวมข้อมูลตอบกลับไปยัง สตง.
กรณีบริษัทเอกชนทำสัญญากับ บช.น. ว่าต้องตรวจสอบสัญญาดังกล่าวมีความถูกต้องหรือไม่ ก่อนมีการพิจารณาผ่อนผันให้ครบกำหนดของสัญญา สำหรับการพิจารณาความผิดแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งรวมถึงอดีตผู้บังคับบัญญาชา ก่อนที่จะนำเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณา อีกทั้งยอมรับว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้มีนายตำรวจที่ถูกสอบสวนเรื่องป้ายไฟโฆษณาจำนวนมาก แต่เชื่อว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะแต่งตั้งโยกย้ายด้วยความเป็นธรรม ซึ่งข้าราชการตำรวจนายใดเห็นว่าถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม ก็สามารถไปฟ้องร้องศาลปกครองได้ ซึ่งในการประชุม ก.ตร. วันที่ 7 ม.ค.นี้ จะมีแต่งตั้งโยกย้ายคาดว่าจะต้องเรียก ผู้บัญชาการทุกกองบัญชาการ เข้ามาชี้แจงภาพรวมการโยกย้ายครั้งนี้
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถวารศิริ รักษาราชการแทน ผบช.ก. กล่าวว่า ได้เตรียมข้อมูลตอบข้อซักถาม ก.ตร. ในทุกตำแหน่งที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายของ บช.ก. ไว้พร้อม โดยเฉพาะตำแหน่งที่เป็นเครือข่าย พล.ต.ท.พงพัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งมีการโยกย้ายระดับผู้กำกับประมาณ 50 ตำแหน่งออกนอกหน่วย มั่นใจ สามารถชี้แจงได้ทุกตำแหน่ง
*** “นายกฯ” ระบุ ผบช.น.ต้องรับผิดชอบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เสนอบัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.และ ผกก.ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2558 เข้าที่สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขออนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์แต่งตั้งโยกย้ายในการประชุม ก.ตร. วันที่ 7 ม.ค. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม เป็นประธานการประชุม ก.ตร. โดยมี ผกก. และรอง ผกก.ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องป้ายไฟโฆษณาอยู่ในข่ายถูกโยกย้ายออกนอก บช.น.รวมตัวร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อให้ทบทวนการพิจารณาคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว ว่า เรื่องนี้ต้องไปดูว่าการโยกย้ายนั้นมีความผิดอะไร เป็นเรื่องของตำรวจที่เสนอเรื่องขึ้นมาก็เป็นการรับฟังโดยเป็นประเด็นว่ามีการกระทำความผิด ทางตำรวจก็มีการเสนอย้ายขึ้นมา
“ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ในจะมีผลกระทบอะไร ผมบอกมาตลอดว่าอย่าเอาการกระทำความผิดที่ต้องได้รับโทษมาบอกว่าจะทำให้เกิดความไม่มั่นคง ไม่ได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยมองอย่างนี้มาตลอด วันนี้ไม่ได้ผิดก็คือผิดต้องถูกลงโทษแล้วจบ ต้องยอมรับกระบวนการลงโทษวันหน้าก็กลับมาทำงานปกติต่อไป คนเราต้องยอมรับความผิด ไม่ยอมรับแล้วจะเอาคนออกมาสู้กันหรือ เรื่องนี้ผมถามไปแล้วว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ทางตำรวจยืนยันว่าไม่มีปัญหาทางตำรวจเขารับผิดชอบ ทาง ผบช.น.เขาก็ต้องรับผิดชอบเขาเป็นคนปรับย้ายขึ้นมา ตำรวจก็มีขั้นตอนการกลั่นกรองขึ้นมา ถ้ามีการฟ้องร้องศาลก็ไปต่อสู้ในศาล ถ้าไม่ทำแล้วมีคนฟ้องว่าละเว้นไม่ลงโทษแล้วจะทำอย่างไร ถ้าท่านเป็นผบ.ช.น.เป็นผบ.ตร.จะทำอย่างไร หากมีผู้ทำผิดแล้วไม่ลงโทษ อย่าไปคิดเพียงข้างเดียวไม่ได้ แล้วอย่าเอามาพันกับความมั่นคง เพราะผมบอกแล้วว่าไม่ให้ใครทำให้เกิดความไม่มั่นคงทั้งสิ้น บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ทุกคนรู้อยู่ยังไม่ยอมลดลาวาศอกกันอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
วานนี้ ( 6 ม.ค.) ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติชั้น 6 ร.พ.ตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในสังกัดระดับผกก. เนื่องจากการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องป้ายไฟโฆษณาบนป้อมจราจร ว่า เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนั้นเป็นเรืองของทางบช.น.ในการทำโผโยกย้าย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่เข้าไปแทรกแซง ส่วนตัวตนเชื่อว่าผบช.น.จะไม่มีอคติในการย้ายลูกน้อง ย้ายกันตามผลงานใครทำอะไรไว้ ก็ต้องรับผลที่มันจะเกิด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีผกก.บางคนบอกว่าป้ายไฟโฆษณามีมาก่อนที่ตัวเองจะย้ายมาแล้ว จะทำอย่างไร พล.ต.อ.สมยศ ตอบว่า เรื่องนี้ก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าตำรวจทุกคนจะไม่มาตั้งกลุ่มประท้วงกันให้เดือดร้อนแน่นอน
**“ประวิตร”ย้อนถามผิดจริงหรือเปล่า
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)โยกย้ายนายตำรวจที่พัวพันคดีป้ายโฆษณาติดตั้งบนป้อมจราจรออกนอกหน่วยว่า “เขาผิดหรือเปล่าละ ผมถามว่าเขาผิดหรือเปล่า ถ้าไม่ผิดเขาย้ายได้ไหม เขาผิดหรือเปล่าถึงขอความเป็นธรรม เป็นอำนาจของทางผู้บัญชาการ เขาเป็นคนทำ ซึ่งต้องตกลงรับผิดชอบ ไม่ใช่อยู่ดีๆแล้วไปย้ายคนส่งเดชได้เมื่อไหร่ การย้ายเขามีคณะกรรมการ ก.ตร.ในการตรวจสอบ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก.ตร.กำหนดประชุมเป็นระยะเวลานาน และวันที่ 7 ม.ค. ก็จะมีการประชุม แสดงว่ามีการดำเนินการมาในทุกขั้นตอนแล้ว ไม่สามารถทำผิดขั้นตอนได้ เมื่อมีการตรวจสอบแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องต่อ ผบ.ตร.ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการสานต่อโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน รองนายกฯ กล่าวว่า เขาทำไปตามกฎหมายและทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ไม่มีฮั๊ว นะ หากมีการฮั๊วก็จะมีกฎหมายเข้าไปตรวจสอบ คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ
***จับตาก.ตร.นัดถก.โผโยกย้าย
ทั้งนี้การจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ ผู้กำกับการ ถึง รองผู้บังคับการ ประจำปี 2557 ในส่วนของ บช.ก. เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วและเตรียมส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาในวันที่ 7 ม.ค.นี้ สำหรับจำนวนรายชื่อนายตำรวจที่จะถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยนั้นมีจำนวนประมาณ 100 นายเท่านั้น แต่ก็มีตำรวจระดับ ผกก.ถึงร้อยละ 50 ที่ถูกเสนอชื่อโยกย้ายเนื่องมาจากการกระทำความผิดร่วมกับเครือข่ายอดีต ผบช.ก.
ทั้งนี้โผแต่งตั้งโยกย้ายในพื้นที่ บช.น.ที่มีจำนวนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากหลายตำแหน่งกระทำความผิดทั้งในเรื่องวินัย ความผิดจากการรับขบวนเสด็จ และที่มีจำนวนมากที่สุดคือความผิดกรณีป้ายไฟโฆษณาบนป้อมตำรวจจราจร ซึ่งพบว่าหลายคนปล่อยปละละเลยให้มีการติดตั้งป้ายโฆษณาดังกล่าว รวมทั้งมีการอนุญาตลงนามในสัญญาทั้งที่ไม่มีอำนาจ เหล่านี้จึงทำให้มีจำนวนมาก
***สอบป้ายไฟป้อมจราจรทั่วประเทศ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. ในฐานะคณะกรรมการกำหนดนโยบายการใช้อาคาร สถานที่และที่ดินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมแนวทางการอนุญาตติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์บนป้อมจราจร เพื่อให้ถูกต้องและเป็นป้อมบรรทัดฐานเดียวกันทั่วประเทศ และหาข้อสรุปความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของตร. ในการพิจารณาความผิดกรณีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ตามป้อมตำรวจทั่วกรุงเทพมหานคร จนทำให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เสนอบัญชีโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ ถึงระดับสารวัตร ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
โดย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวก่อนการประชุมว่า ในวันนี้จะมีการพิจารณาด้วยกัน 3 ประเด็น ประกอบด้วย การตรวจสอบป้ายประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศว่ากรมธนารักษ์ได้มีหนังสือตอบกลับว่ามีป้ายในพื้นที่กรมธนารักษ์ทั้งหมด กว่า 6,000 ป้ายทั่วประเทศ พบทั้งการติดตั้งป้ายโฆษณาในป้อมตำรวจทั่วประเทศ 805 ป้อม ในกรุงเทพมหานคร 173 ป้อม อย่างไรก็ตามทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ตำรวจทั่วประเทศไปสำรวจการติดตั้งโฆษณาอย่างไรบ้าง พร้อมกับตรวจสอบว่า มีบริษัทใดเกี่ยวข้อง ก่อนที่จะนำเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกรมธนารักษ์ ว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่ในการติดตั้ง ตามลำดับ ซึ่งหากกรมธนารักษ์ เห็นชอบ จะต้องมีการเสียภาษีให้ถูกต้องตามขั้นตอน ส่วนประเด็นที่ 2 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือสอบถามความคืบหน้าตรวจสอบป้อมจราจรที่มีปัญหาทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ตร. อยู่ระหว่างการรวมรวมข้อมูลตอบกลับไปยัง สตง.
กรณีบริษัทเอกชนทำสัญญากับ บช.น. ว่าต้องตรวจสอบสัญญาดังกล่าวมีความถูกต้องหรือไม่ ก่อนมีการพิจารณาผ่อนผันให้ครบกำหนดของสัญญา สำหรับการพิจารณาความผิดแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งรวมถึงอดีตผู้บังคับบัญญาชา ก่อนที่จะนำเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณา อีกทั้งยอมรับว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้มีนายตำรวจที่ถูกสอบสวนเรื่องป้ายไฟโฆษณาจำนวนมาก แต่เชื่อว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะแต่งตั้งโยกย้ายด้วยความเป็นธรรม ซึ่งข้าราชการตำรวจนายใดเห็นว่าถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม ก็สามารถไปฟ้องร้องศาลปกครองได้ ซึ่งในการประชุม ก.ตร. วันที่ 7 ม.ค.นี้ จะมีแต่งตั้งโยกย้ายคาดว่าจะต้องเรียก ผู้บัญชาการทุกกองบัญชาการ เข้ามาชี้แจงภาพรวมการโยกย้ายครั้งนี้
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถวารศิริ รักษาราชการแทน ผบช.ก. กล่าวว่า ได้เตรียมข้อมูลตอบข้อซักถาม ก.ตร. ในทุกตำแหน่งที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายของ บช.ก. ไว้พร้อม โดยเฉพาะตำแหน่งที่เป็นเครือข่าย พล.ต.ท.พงพัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งมีการโยกย้ายระดับผู้กำกับประมาณ 50 ตำแหน่งออกนอกหน่วย มั่นใจ สามารถชี้แจงได้ทุกตำแหน่ง
*** “นายกฯ” ระบุ ผบช.น.ต้องรับผิดชอบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เสนอบัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.และ ผกก.ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2558 เข้าที่สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขออนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์แต่งตั้งโยกย้ายในการประชุม ก.ตร. วันที่ 7 ม.ค. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม เป็นประธานการประชุม ก.ตร. โดยมี ผกก. และรอง ผกก.ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องป้ายไฟโฆษณาอยู่ในข่ายถูกโยกย้ายออกนอก บช.น.รวมตัวร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อให้ทบทวนการพิจารณาคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว ว่า เรื่องนี้ต้องไปดูว่าการโยกย้ายนั้นมีความผิดอะไร เป็นเรื่องของตำรวจที่เสนอเรื่องขึ้นมาก็เป็นการรับฟังโดยเป็นประเด็นว่ามีการกระทำความผิด ทางตำรวจก็มีการเสนอย้ายขึ้นมา
“ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ในจะมีผลกระทบอะไร ผมบอกมาตลอดว่าอย่าเอาการกระทำความผิดที่ต้องได้รับโทษมาบอกว่าจะทำให้เกิดความไม่มั่นคง ไม่ได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยมองอย่างนี้มาตลอด วันนี้ไม่ได้ผิดก็คือผิดต้องถูกลงโทษแล้วจบ ต้องยอมรับกระบวนการลงโทษวันหน้าก็กลับมาทำงานปกติต่อไป คนเราต้องยอมรับความผิด ไม่ยอมรับแล้วจะเอาคนออกมาสู้กันหรือ เรื่องนี้ผมถามไปแล้วว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ทางตำรวจยืนยันว่าไม่มีปัญหาทางตำรวจเขารับผิดชอบ ทาง ผบช.น.เขาก็ต้องรับผิดชอบเขาเป็นคนปรับย้ายขึ้นมา ตำรวจก็มีขั้นตอนการกลั่นกรองขึ้นมา ถ้ามีการฟ้องร้องศาลก็ไปต่อสู้ในศาล ถ้าไม่ทำแล้วมีคนฟ้องว่าละเว้นไม่ลงโทษแล้วจะทำอย่างไร ถ้าท่านเป็นผบ.ช.น.เป็นผบ.ตร.จะทำอย่างไร หากมีผู้ทำผิดแล้วไม่ลงโทษ อย่าไปคิดเพียงข้างเดียวไม่ได้ แล้วอย่าเอามาพันกับความมั่นคง เพราะผมบอกแล้วว่าไม่ให้ใครทำให้เกิดความไม่มั่นคงทั้งสิ้น บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ทุกคนรู้อยู่ยังไม่ยอมลดลาวาศอกกันอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว