xs
xsm
sm
md
lg

รายได้หนังไทยทะลุพันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ปิดฉากอุตสาหกรรมหนังปี 2557 มูลค่าตลาดรวมทะลุ 4,200 ล้านบาท หนังไทยทะลุพันล้านบาท ค่ายยูไอพี ทุบสถิติใหม่หนังเทศที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในไ ทย ด้านจีทีเอชเข้าวินทั้ง 3 เรื่อง ด้านเมเจอร์ฯย้ำชัด ตลาดจะเติบโตดีด้วย 2 ปัจจัยหลัก หน้าหนังกับโรงหนังที่มีคุณภาพและเข้าถึงตลาด
ปี 2557 ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ตลาดอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีความคึกคักอย่างมาก ทั้งหนังไทยและหนังต่างประเทศ ที่เข้าฉายเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการขยายตัวของโรงภาพยนตร์ที่มีค่ายเมเจอร์ซ๊นีเพล็กซ์ และเอสเอฟ เป็นหัวเรือใหญ่ในการขยายสาขาใหม่ๆ และผลักดันให้ตลาดรวมทะลุ 4,200 ล้านบาท ซึ่งแยกสัดส่วนออกมาจะเป็น หนังเทศ 74% หนังไทย 25% หรือมีมูลค่าหนังไทยประมาณ 1,000 ล้านบาท และอื่นๆ 1%
***** “ยูไอพี” สร้างสถิติใหม่
นายปณณทัต พรหมสุภา ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด หรือ ยูไอพี ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2557 บริษัทฯได้นำภาพยนตร์ต่างประเทศมาฉายในประเทศไทยรวมทั้งหมด 18 เรื่อง สามารถทำรายได้รวม 770 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้มูลค่าตลาดหนังรวมทั้งไทยและเทศเข้าสู่หลัก 4,200 ล้านบาท
นอกจากนั้นยูไอพี ยังได้สร้างสถิติใหม่ในวงการภาพยนตร์ ด้วยการนำภาพยนตร์ "Transformers : Age of Extinction หรือ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 4 : มหาวิบัติยุคสูญพันธุ์" คว้าแชมป์ภาพยนตร์ต่างประเทศที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศไทย ด้วยรายได้รวมมากกว่า 320 ล้านบาท และสร้างปรากฏการณ์ใหม่เปิดตัว 3 วันแรก ทำรายได้ถึง 100 ล้านบาท, 4 วันแรก 150 ล้านบาท และ สามารถทำรายได้ 7 วันแรก 200 ล้านบาท และคว้าแชมป์ภาพยนตร์เปิดตัวสัปดาห์แรกสูงสุดตลอดกาลในประเทศไทย
แม้ว่าปี 2557 รายได้รวมของบริษัทฯจะลดลงกว่าปีที่แล้ว เพราะการเลื่อนฉายของ Fast and Furious 7 แต่ยูไอพี ก็ยังสามารถทำรายได้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ภาคต่อที่สามารถสร้างรายได้ระหว่าง 70-80 ล้านบาท เช่น Teenage Mutant Ninja Turtles (เต่านินจา), Lucy (ลูซี่ สวยพิฆาต),Noah (โนอาห์ มหาวิบัติวันล้างโลก) และ Hercules (เฮอร์คิวลีส) จึงทำให้ปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของบริษัทฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยูไอพีเป็น 1 ใน 3 ค่ายยักษ์หนังต่างประเทศในไทย ซึ่งยังไม่นับรวมค่ายใหญ่อย่าง โคลัมเบียไทรสตาร์ อีก ที่มีหนังฟอร์มดีทำเงินหลายเรื่องในปีนี้
*** “จีทีเอช”เข้าวินทั้ง3เรื่อง
หันมาดูมุมมองและความสำเร็จของค่ายหนังไทยในปี 2557 กันบ้าง
นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท จีทีเอช จำกัด ให้ความเห็นว่า ปี 1558 เป็นปีที่กล่าวได้ว่า ตลาดหนังไทยคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะมีปริมาณหนังไทยเข้าโรงภาพยนตร์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว โดยประมาณการว่าน่าจะอยู่ที่ 70 เรื่อง ขณะที่ค่ายจีทีเอชมีส่วนแบ่งในตลาดแล้วมากกว่า 50%
อย่างไรก็ตามสาเหตุหนึ่งที่หนังไทยมีปริมาณออกฉายมากและทำรายได้ดีเป็นที่ต้องการของตลาดมากในปีนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ต้นทุนการสร้างหนังไทยต่อเรื่องมีต้นทุนที่ต่ำลงกว่าในอดีต เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15-20 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 30 ล้านบาท ต่อเรื่อง ประกอบกับผลพวงจากความสำเร็จของหนังไทยอย่าง พี่มาก และ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่ทำรายได้มากมายนั้นเป็นแรงดึงดูดให้หนังไทยกลับมาได้รับความนิยมดีขึ้น และยังมีผู้สร้างหนังค่ายใหม่เกิดขึ้นเพิ่มอีกด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าหนังทุกเรื่องจะประสบความสำเร็จเสมอไป
ในส่วนของจีทีเอช ปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี กับการที่มีหนังเข้าฉายจำนวน 3 เรื่อง และแต่ละเรื่องก็ทำรายได้อย่างดี ประกอบด้วย 1. เรื่องคิดถึงวิทยา ทำรายได้ 100 ล้านบาท 2. เรื่องฝากไว้ในกายเธอ รายได้ 70 ล้านบาท และ 3.เรื่องไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ตั้งเป้า 300 ล้านบาท ขณะนี้ทำได้แล้ว 243.6 ล้านบาท โดยน่าจะส่งผลให้รายได้รวมปีนี้สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 600 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากหลายหน่วยธุรกิจ เช่น ซีรีส์, ซิทคอม, เมอชั่นไดซ์, สปอนเซอร์ชิป, โฮมวิดีโอ และออนไลน์ รวมถึงแอพลิเคชั่น และสติกเกอร์ไลน์ เป็นต้น
*** “เมเจอร์ฯ”รุกหนักเพิ่มสาขา
ฟากของผู้ประกอบการโรงหนังอย่าง เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ก็มีการรุกหนักในด้านการขยายสาขาไม่หยุดยั้ง ซึ่งปีนี้เปิดไปหลายสาขา ล่าสุด ในช่วงท้ายปีนี้ได้เปิดอีก 2 สาขาใหม่คือ ที่จังหวัดพังงา กับจังหวัดมุกดาหาร
ปัจจุบัน “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” มี 75 สาขา รวม 513 โรง แบ่งเป็นสาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 29 สาขา จำนวน 281 โรง และต่างจังหวัด 45 สาขา จำนวน 255 โรง และต่างประเทศ 1 สาขา จำนวน 7 โรง สรุปถึงสิ้นปี 2557 เมือ่เปิดที่พังงากับมุกดาหารแล้ว เมเจอร์ฯจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 77 สาขา รวม 520 โรง
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ๊ป กล่าวย้ำเสมอว่า ธุรกิจโรรงภาพยนตร์ยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเมเจอร์ฯเองก็มีแผนที่จะขยายสาขาทั้งในรูปแบบสแตนด์อโลนกับรูปแบบที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ซึ่งทุกวันนี้เมเจอร์ฯยังมีสาขาไม่ครบทั่วประเทศ จึงยังมีโอกาสอีกหลายจังหวัด ส่วนจังหวัดที่เปิดไปแล้วก็ยังมีศักยภาพที่จะเปิดสาขาที่สองได้อีกหลายแห่ง
ขณะที่แผนลงทุนปี 2558 เมเจอร์ฯ วางแผนที่จะลงทุนขยายสาขาใหม่ให้มากที่สุดนับตั้งแต่เปิดบริการมา เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ต้องมีโรงภาพยนตร์กว่า 600 โรง ภายในสิ้นปี 2558 ประกอบด้วยการขยายโรงภาพยนตร์รวม 101 โรงใน 19 สาขา เป็นโครงการใหญ่ เช่น เอ็มควอเธียร์ ซีเนอาร์ท, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล อีสท์ วิลเลจ, เซ็นทรัล ระยอง เป็นต้น
เขากล่าวว่า อุตสาหกรรมหนังขึ้นกับ 2 ปัจจัยหลักคือ หน้าหนังดีหรือไม่ และ มีโรงหนังที่มีคุณภาพที่เข้าถึงบริการผู้บริโภคได้เพียงพอหรือไม่ ซึ่งถ้า2ปัจจัยนี้ตอบโจทย์ได้ ก็จะทำให้อุตสาหกรรมหนังเติบโตไปได้ด้วยดี ส่วนหนังไทยนั้นปัจจุบันก็มีแนวโน้มดีขึ้น คนไทยยอมรับหนังไทยมากขึ้น เพราะการสร้างที่มีคุณภาพทั้งพล็อตหนังก็มีการพัฒนาขึ้นไปมาก ซึ่งเชื่อว่าในอนาคต สัดส่วนหนังไทยต้องเพิ่มขึ้น ซึงทุกวันนี้อยู่ในระดับ 25-30% แล้วแต่หน้าหนังด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น