ASTV ผู้จัดการรายวัน - ศาลอนุมัติหมายจับ นายตำรวจสังกัดบช.ก.เพิ่มอีก 9 นาย เป็นระดับผกก. 3 นาย ระดับสารวัตร 4 นาย เกี่ยวโยงบ่อนอาบูบาก้าและบ่อนย่านพระราม 9 ประสานต้นสังกัดพาเข้ามอบตัว ด้านรมว.ยุติธรรม ตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการติดตามผู้กระทำผิดมาตรา112 รวมถึงคดีผังล้มเจ้า พร้อมทำความเข้าใจกับประเทศที่ผู้ต้องหาหนีคดีใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวกระทำผิด
วานนี้ (25 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วยพ.ต.อ. ชาตรี กาณจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน และพนักงานสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวกรณีศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. นคดีปราบปรามโต๊ะพนันฟุตบอลออนไลน์อาบูบาก้าเมื่อปี2552 เพิ่มเติมอีก 9 ราย ประกอบด้วย .ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ต.จักรพันธ์ ลีลานันทวงศ์ สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.นิธิพัฒน์ กังรวมบุตร รองสว.กก.ปพ.บก.ป. พ.ต.อ.สุพัฒน์ ลิ้มอิ่ม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ เมฆประยูร สว.กก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.วัฒนา ผลงานดี สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ท.พิพัฒน์ แฉวงราษฎร์ สว.กลุ่มงานสนับสนุนเทคโนโลยี บก.ปอท. ร.ต.อ.ศักดิรินทร์ เกษรเศียร รองสว.กก.4 บก.ปคม. ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ และข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่
สำหรับแผนผังอธิบายการปฏิบัติงานของผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย ระบุว่าพ.ต.อ.วัชรพล พ.ต.อ.วรพจน์ และพ.ต.อ.อธิป ทำหน้าที่เป็นชุดสืบสวน วางแผนและสั่งการ คอยประสานงานผ่านไปยัง พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ก่อนจะประสานสั่งการต่อให้ พ.ต.ท.พิพัฒน์ พ.ต.ท.วัฒนา พ.ต.อ.จักรพันธุ์ พ.ต.ต.อภิสิทธิ์ ร.ต.อ.นิธิพัฒน์ และ ร.ต.อ.ศักรินทร์ จากนั้นจะประสานข้อมูลและผลประโยชน์ที่ได้รับทั้งหมด ส่งไปให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ แล้วส่งต่อไปยัง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งเป็นหัวหน้าเครือข่าย ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สะกดรอยตามบุคคล และบุกค้นสถานที่เป้าหมายก่อนเข้าจุบกุมโต๊ะพนันดังกล่าว เบื้องต้น นายวิฑูรย์ ได้ประสานงานไปยัง พ.ต.อ.สุพัฒน์ เพื่ออายัติและถอนบัญชีธนาคารของโต๊ะบอลดังกล่าว
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัดของข้าราชการตำรวจทั้ง 9 นายแล้ว เพื่อให้ส่งตัวมาดำเนินคดีตามหมายจับของศาลอาญา ไม่ว่าจะเป็น ผู้บังคับการกองปราบปราม ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) หากยังไม่มามอบตัว จะส่งชุดติดตามให้จับกุมตัว โดยจะดำเนินการอย่าเต็มที่ ตรงไปตรงมา หากการสอบสวนพบว่ามีผู้กระทำความผิด หรือพบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้นำเสนอกรณีศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีเดียวกันไปแล้ว 5 ราย อาทิ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. พ.ต.อ.วรพจน์ พืชผล ผกก.1บก.ปอศ. พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี อดีต ผกก.6 บก.ป. และ นายวิฑูรย์ ตระการพฤกษ์ รวมมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ 14 ราย
*** "บิ๊กต๊อก" จ่อตั้งคณะทำงาน 3 ชุด เดินหน้าเอาผิดคดี 112
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณี การตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการติดตามผู้กระทำผิดมาตรา112 ว่า จะมีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 9 ม.ค. 2558 ประกอบด้วยด้านความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อกำหนดการดำเนินการในคดีดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ประชุมเพื่อตรวตสอบข้อมูลการดำเนินการในคดีดังกล่าวว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 ชุด โดยยกระดับเป็นคณะทำงานระดับรัฐบาลได้แก่
1 คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานต่างประเทศ ทำหน้าที่ชี้แจงข้อมูลทำความเข้าใจกับต่างประเทศว่าคดีความผิดมาตรา 112 ไม่เกี่ยวข้องกับคดีการเมือง และเป็นสิ่งที่คนไทยกังวล ซึ่งต่างประเทศอาจไม่เข้าใจจิตวิญญาณของคนไทย
2 คณะทำงานเกี่ยวข้องกับกระทรวงไอซีที ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
และ3คณะทำงานชุดติดตามความคืบหน้าคดีต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอน รวมไปถึงปัญหาอุปสรรค
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า การทำงานครั้งนี้จะย้อนดูคดีต่าง ๆ ทุกคดีรวมถึงคดีผังล้มเจ้าด้วยว่ามีเหตุผลใดที่ทำให้คดีไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้จะมีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อชี้เเจง อธิบาย เกี่ยวกับผู้กระทำผิดมาตรา112 ที่เข้าไปใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวกระทำผิด เนื่องจาก ว่าคดีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับคดีทางการเมือง
วานนี้ (25 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วยพ.ต.อ. ชาตรี กาณจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน และพนักงานสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวกรณีศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. นคดีปราบปรามโต๊ะพนันฟุตบอลออนไลน์อาบูบาก้าเมื่อปี2552 เพิ่มเติมอีก 9 ราย ประกอบด้วย .ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ต.จักรพันธ์ ลีลานันทวงศ์ สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.นิธิพัฒน์ กังรวมบุตร รองสว.กก.ปพ.บก.ป. พ.ต.อ.สุพัฒน์ ลิ้มอิ่ม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ เมฆประยูร สว.กก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.วัฒนา ผลงานดี สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ท.พิพัฒน์ แฉวงราษฎร์ สว.กลุ่มงานสนับสนุนเทคโนโลยี บก.ปอท. ร.ต.อ.ศักดิรินทร์ เกษรเศียร รองสว.กก.4 บก.ปคม. ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ และข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่
สำหรับแผนผังอธิบายการปฏิบัติงานของผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย ระบุว่าพ.ต.อ.วัชรพล พ.ต.อ.วรพจน์ และพ.ต.อ.อธิป ทำหน้าที่เป็นชุดสืบสวน วางแผนและสั่งการ คอยประสานงานผ่านไปยัง พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ก่อนจะประสานสั่งการต่อให้ พ.ต.ท.พิพัฒน์ พ.ต.ท.วัฒนา พ.ต.อ.จักรพันธุ์ พ.ต.ต.อภิสิทธิ์ ร.ต.อ.นิธิพัฒน์ และ ร.ต.อ.ศักรินทร์ จากนั้นจะประสานข้อมูลและผลประโยชน์ที่ได้รับทั้งหมด ส่งไปให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ แล้วส่งต่อไปยัง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งเป็นหัวหน้าเครือข่าย ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สะกดรอยตามบุคคล และบุกค้นสถานที่เป้าหมายก่อนเข้าจุบกุมโต๊ะพนันดังกล่าว เบื้องต้น นายวิฑูรย์ ได้ประสานงานไปยัง พ.ต.อ.สุพัฒน์ เพื่ออายัติและถอนบัญชีธนาคารของโต๊ะบอลดังกล่าว
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัดของข้าราชการตำรวจทั้ง 9 นายแล้ว เพื่อให้ส่งตัวมาดำเนินคดีตามหมายจับของศาลอาญา ไม่ว่าจะเป็น ผู้บังคับการกองปราบปราม ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) หากยังไม่มามอบตัว จะส่งชุดติดตามให้จับกุมตัว โดยจะดำเนินการอย่าเต็มที่ ตรงไปตรงมา หากการสอบสวนพบว่ามีผู้กระทำความผิด หรือพบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้นำเสนอกรณีศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีเดียวกันไปแล้ว 5 ราย อาทิ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. พ.ต.อ.วรพจน์ พืชผล ผกก.1บก.ปอศ. พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี อดีต ผกก.6 บก.ป. และ นายวิฑูรย์ ตระการพฤกษ์ รวมมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ 14 ราย
*** "บิ๊กต๊อก" จ่อตั้งคณะทำงาน 3 ชุด เดินหน้าเอาผิดคดี 112
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณี การตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการติดตามผู้กระทำผิดมาตรา112 ว่า จะมีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 9 ม.ค. 2558 ประกอบด้วยด้านความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อกำหนดการดำเนินการในคดีดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ประชุมเพื่อตรวตสอบข้อมูลการดำเนินการในคดีดังกล่าวว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 ชุด โดยยกระดับเป็นคณะทำงานระดับรัฐบาลได้แก่
1 คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานต่างประเทศ ทำหน้าที่ชี้แจงข้อมูลทำความเข้าใจกับต่างประเทศว่าคดีความผิดมาตรา 112 ไม่เกี่ยวข้องกับคดีการเมือง และเป็นสิ่งที่คนไทยกังวล ซึ่งต่างประเทศอาจไม่เข้าใจจิตวิญญาณของคนไทย
2 คณะทำงานเกี่ยวข้องกับกระทรวงไอซีที ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
และ3คณะทำงานชุดติดตามความคืบหน้าคดีต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอน รวมไปถึงปัญหาอุปสรรค
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า การทำงานครั้งนี้จะย้อนดูคดีต่าง ๆ ทุกคดีรวมถึงคดีผังล้มเจ้าด้วยว่ามีเหตุผลใดที่ทำให้คดีไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้จะมีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อชี้เเจง อธิบาย เกี่ยวกับผู้กระทำผิดมาตรา112 ที่เข้าไปใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวกระทำผิด เนื่องจาก ว่าคดีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับคดีทางการเมือง