นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึง การแถลงผลงานครบรอบ 3 เดือนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เกือบ 4 เดือนของรัฐบาลชุดนี้ และกว่า 7 เดือน ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ขอโอกาสจากเรา โดยบอกว่าอีกไม่นานความสุขจะคืนมา แต่กลับทำเรื่องผิดพลาดมากมาย และยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม มีแต่การใช้อำนาจอย่างฟุ่มเฟือย ทุ่มงบประมาณโดยปราศจากการตรวจสอบที่ดี อ้างว่าเพื่ออนาคตประเทศไทย ซึ่งก็เป็นผลมาจากการแต่งตั้งบุคคล และเลือกใช้คนเข้ามาทำงาน ทั้งการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รวมไปถึงข้าราชการ ที่ล้วนแล้วแต่คิดไม่เป็น ทำไม่ได้
"หนำซ้ำในครม. ยังมีข่าวเกาเหลาอยู่เนืองๆ รัฐมนตรีและคนในคสช.เอง พูดกันไปคนละทิศคนละทาง สะท้อนให้เห็นถึงการขาดความสามัคคี เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว นายกฯประยุทธ์ และ คสช. จะสร้างความสุข ความสามัคคี หรือความปรองดองให้กับประชาชนได้อย่างไร"
นายอุเทน กล่าวด้วยว่า ปัญหาสำคัญในเวลานี้คือเรื่องปากท้อง ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนทุกหย่อมหญ้าได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้า ยกตัวอย่างเรื่องราคาพลังงาน ที่ปัจจุบันนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงเกือบครึ่ง แต่ราคาพลังงานในประเทศกลับลดลงเพียงเล็กน้อย บางชนิดปรับตัวสูงขึ้นด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาล คสช. ที่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศกลับปล่อยให้มีการบิดเบือนราคาสินค้า และค่าบริการ ทั้งที่สินค้า และบริการเหล่านั้นอ้างการขึ้นราคาเพราะราคาน้ำมันแพง แต่ ณ วันนี้น้ำมันถูกลง ก็ไม่เห็นมีสินค้า หรือบริการใด ลดราคาลงตาม โดยเฉพาะบรรดาธุรกิจขนส่ง ทั้งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถโดยสาร และ แท็กซี่มิเตอร์ เป็นต้น หรือกระทั่งค่าไฟฟ้า ที่ควรจะลดลง ในเมื่อราคารน้ำมันในตลาดโลกลดลงไปมากแล้ว
"รัฐบาล คสช. ปล่อยให้แท็กซี่มิเตอร์ขึ้นราคา ปล่อยให้ขึ้นค่าทางด่วนโทลล์เวย์ ซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชน โดยอ้างสัญญาที่มีอยู่ ทั้งที่มีอำนาจในการสั่งชะลอ หรือแก้ไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ไม่ต่างกับการแก้ไขปัญหาล็อตเตอรี่ราคาแพง ที่จนถึงตอนนี้ ก็ยังแพงกว่าราคาหน้าสลากเหมือนเดิม"
นายอุเทน ยังได้กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าครองชีพ และเงินเดือนของข้าราชการด้วยว่า ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ ส่งผลกระทบกับประชาชนรากหญ้าชัดเจน เพราะข้าราชการซึ่งมีสวัสดิการในด้านต่างๆ ดีอยู่แล้ว กลับมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2 ครั้ง ในยุครัฐบาล คสช. ขณะที่ประชาชนคนเดินถนน กลุ่มรากหญ้า และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน รายได้เท่าเดิม หรือลดลงกว่าเดิม อันเนื่องจากผลประกอบการที่แย่ลง ของนายจ้างที่ตัวเองทำงานอยู่ด้วย จากสภาวะเศรษฐกิจแต่คนสองกลุ่มนี้กลับต้องมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการในราคาเดียวกัน
"ข้าราชการ หรือคนรากหญ้าก็ต้องซื้อข้าวแกงในราคาที่เท่ากัน แต่ข้าราชการกลับมีรายได้เพิ่มขึ้น ตรงนี้คือความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น เป็นสองมาตรฐาน ที่รัฐบาลเอาอกเอาใจข้าราชการ จึงส่งผลกระทบเป็นการทำร้ายประชาชนอย่างชัดเจน " นายอุเทน กล่าว
"หนำซ้ำในครม. ยังมีข่าวเกาเหลาอยู่เนืองๆ รัฐมนตรีและคนในคสช.เอง พูดกันไปคนละทิศคนละทาง สะท้อนให้เห็นถึงการขาดความสามัคคี เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว นายกฯประยุทธ์ และ คสช. จะสร้างความสุข ความสามัคคี หรือความปรองดองให้กับประชาชนได้อย่างไร"
นายอุเทน กล่าวด้วยว่า ปัญหาสำคัญในเวลานี้คือเรื่องปากท้อง ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนทุกหย่อมหญ้าได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้า ยกตัวอย่างเรื่องราคาพลังงาน ที่ปัจจุบันนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงเกือบครึ่ง แต่ราคาพลังงานในประเทศกลับลดลงเพียงเล็กน้อย บางชนิดปรับตัวสูงขึ้นด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาล คสช. ที่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศกลับปล่อยให้มีการบิดเบือนราคาสินค้า และค่าบริการ ทั้งที่สินค้า และบริการเหล่านั้นอ้างการขึ้นราคาเพราะราคาน้ำมันแพง แต่ ณ วันนี้น้ำมันถูกลง ก็ไม่เห็นมีสินค้า หรือบริการใด ลดราคาลงตาม โดยเฉพาะบรรดาธุรกิจขนส่ง ทั้งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถโดยสาร และ แท็กซี่มิเตอร์ เป็นต้น หรือกระทั่งค่าไฟฟ้า ที่ควรจะลดลง ในเมื่อราคารน้ำมันในตลาดโลกลดลงไปมากแล้ว
"รัฐบาล คสช. ปล่อยให้แท็กซี่มิเตอร์ขึ้นราคา ปล่อยให้ขึ้นค่าทางด่วนโทลล์เวย์ ซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชน โดยอ้างสัญญาที่มีอยู่ ทั้งที่มีอำนาจในการสั่งชะลอ หรือแก้ไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ไม่ต่างกับการแก้ไขปัญหาล็อตเตอรี่ราคาแพง ที่จนถึงตอนนี้ ก็ยังแพงกว่าราคาหน้าสลากเหมือนเดิม"
นายอุเทน ยังได้กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าครองชีพ และเงินเดือนของข้าราชการด้วยว่า ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ ส่งผลกระทบกับประชาชนรากหญ้าชัดเจน เพราะข้าราชการซึ่งมีสวัสดิการในด้านต่างๆ ดีอยู่แล้ว กลับมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2 ครั้ง ในยุครัฐบาล คสช. ขณะที่ประชาชนคนเดินถนน กลุ่มรากหญ้า และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน รายได้เท่าเดิม หรือลดลงกว่าเดิม อันเนื่องจากผลประกอบการที่แย่ลง ของนายจ้างที่ตัวเองทำงานอยู่ด้วย จากสภาวะเศรษฐกิจแต่คนสองกลุ่มนี้กลับต้องมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการในราคาเดียวกัน
"ข้าราชการ หรือคนรากหญ้าก็ต้องซื้อข้าวแกงในราคาที่เท่ากัน แต่ข้าราชการกลับมีรายได้เพิ่มขึ้น ตรงนี้คือความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น เป็นสองมาตรฐาน ที่รัฐบาลเอาอกเอาใจข้าราชการ จึงส่งผลกระทบเป็นการทำร้ายประชาชนอย่างชัดเจน " นายอุเทน กล่าว