คณะทำงานร่วม ป.ป.ช.-อัยการฯนัดถกคดีจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” 25 ธ.ค.นี้ คาดรู้ผลใครส่งฟ้อง “ปานเทพ” ลั่นพร้อมฟ้องเอง หาก อสส.อิดออด ด้าน “วิชา” ยันสำนวนคดี “ปู” สมบูรณ์แล้ว ส่วนคดี "บุญทรง" จีทูจีเก๊คาดสรุปสัปดาห์นี้ ตัวแทนอัยการฯเชื่อใกล้ได้ข้อยุติ ปัดโดน รบ.จี้คดี ส่วน “ปนัดดา” โอดทำเพื่อชาติ แต่ถูกการเมืองเล่นงาน ยันข้าวผ่านแค่ 12% “หมอวรงค์” สวด “ลิ่วล้อปู” โยนบาปประจานตัวเอง เตือน “บิ๊กตู่” กลบขี้หวังปรองดอง ระวังจะเข้าตัว พณ.ปลื้ม 34 เอกชนแห่ประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล 4 แสนตันเล็งปรับเงื่อนให้ซื้อยกคลัง
วานนี้ (22 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานร่วม ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหายว่า ได้รับทราบจาก นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช.แล้วว่า มีการนัดหมายประชุมนัดสุดท้ายของคณะทำงานร่วมดังกล่าวในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ โดยจะมีการพิจารณาแนวทางการส่งฟ้องคดี
“คิดว่ารอบนี้น่าจะตกลงกันได้แล้ว จะได้ทราบเลยว่าตกลงใครจะฟ้อง ซึ่งทาง ป.ป.ช. ยังยืนยันว่าอยากให้ อสส.ฟ้อง แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ป.ป.ช.จะฟ้องเอง” นายปานเทพ ระบุ
“วิชา” มั่นใจสำนวนสมบูรณ์แบบ
ด้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คาดว่าในวันที่ 25 ธ.ค.จะจะได้ข้อสรุป เพราะ อสส.นัดประชุมด่วน ส่วน อสส.จะสั่งฟ้องเองหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ แต่ที่ผ่านมาในคณะทำงานร่วมฯ คุยกันด้วยดี โดย ป.ป.ช. ยืนยันมาตลอดว่าสำนวนมีความสมบูรณ์แล้ว และมีความมั่นใจไม่เช่นนั้นคงไม่ส่งเลขาธิการ ป.ป.ช. เข้าไปเป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช. ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีคดีไหนที่ ป.ป.ช. ส่งระดับเลขาธิการ ป.ป.ช. เข้าไปปฏิบัติหน้าที่เองแบบนี้
สำหรับความคืบหน้าการไต่สวน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก กรณีการระบายและซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นั้น นายวิชากล่าวว่า เชื่อว่าทางอนุกรรมการไต่สวนจะสรุปคดีดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าสัปดาห์หน้า เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป นอกจากนี้ จะนำตัวเลขความเสียที่อนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐบาลที่สรุปความเสียหายออกมาจำนวน 6.8 แสนล้านบาท มาสนับสนุนในสำนวนคดีนี้ด้วย
อสส.ปัดโดน “บิ๊กตู่” ไล่บี้
อีกด้าน นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งอยู่ในคณะทำงานฝ่าย อสส.กล่าวว่า ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 4 ของคณะทำงานร่วมจะพิจารณาในประเด็นที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งตนเชื่อว่าการพิจารณาใกล้เสร็จสิ้นและจะได้ข้อยุติในคดีแล้ว ส่วนจะได้ผลอย่างไรนั้นให้รอการพิจารณาของคณะทำงานร่วมในวันดังกล่าว โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานก็จะทราบผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมในครั้งนี้ทาง อสส.ขอประสานไปยัง ป.ป.ช.เป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า เป็นวาระปกติ เพราะได้ประชุมครั้งล่าสุดไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อถามต่อว่า สาเหตุที่ อสส.เรียกประชุมในครั้งนี้เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการเร่งให้ดำเนินคดีใช่หรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเป็นการพิจารณาประชุมร่วมของคณะทำงานตามปกติ โดยทางอัยการสูงสุดเองก็ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ
“หม่อมเหลน” ครวญถูกพิษการเมือง
ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกฯ ได้บรรยายพิเศษในระหว่างเปิดโอกาสให้คณะเยาวชนในโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 8 เข้าพบว่า เรื่องที่มีคนออกมาตำหนิการตรวจสอบคุณภาพข้าวนั้น ตนจะไม่ตอบโต้ เพราะตนเป็นข้าราชการประจำ ไม่ใช่นักการเมือง จะไปทะเลาะวิวาทกับใครหรือโต้ตอบใครไม่ได้ ส่วนผลการตรวจสอบข้าวที่ออกมาโดยมีการแบ่งเกรด เอ-ซี ซึ่งแบ่งตามคุณภาพ แต่หากเราจะเอาตามมาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์ล้วนๆ ก็จะผ่านเพียงแค่ 12.23 % ส่วนที่เหลือตกหมด ข้าวที่ไม่ผ่านมาตรฐานก็เสียเปล่า นั่นคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ทั้งหมดเราทำเพื่อช่วยทุเลาให้เป็นรายได้เข้าประเทศ ดีกว่าจะนำไปโยนให้เสียหายทั้งหมด ยังเป็นผลดีต่อพี่น้องเกษตรกร และรายได้ของแผ่นดิน แต่ก็ไม่แคล้วที่จะถูกฝ่ายการเมืองโจมตี
“หมอวรงค์” ซัดลิ้วล่อ “ปู”
ทางด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ และทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าไม่ต้องรับผิดชอบในโครงการรับจำนำข้าวที่เกิดความเสียหายมหาศาลว่า การโยนความรับผิดชอบให้ทางเซอร์เวเยอร์และเจ้าของโกดัง เป็นการสะท้อนถึงการปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุม กำกับติดตาม จึงทำให้ความเสียหายทั้งปริมาณและคุณภาพของข้าวกระจายไปทั้งประเทศ จนทำให้ความเสียหายในภาพรวมของข้าวและงบประมาณสูงถึง 5.19 แสนล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ เป็นผู้หาเสียง และแถลงนโยบายนี้ต่อรัฐสภาต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเร่งเอาข้อเท็จจริงเรื่องข้าวมาชี้แจงประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ตราบใดที่คนทำผิดยังไม่ยอมรับผิด รัฐบาลก็ยังจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริง หากรัฐบาลยังคิดว่าต้องการปรองดองด้วยการไม่นำข้อเท็จจริงชี้แจงให้ประชาชนเจ้าของเงินภาษีให้รับรู้ ความจริงที่เกี่ยวเรื่องข้าวจะถูกนำมาบิดเบือนย้อนศรมาทิ่มแทงรัฐบาลชุดนี้เอง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่รับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการระบายข้าว โดยการแยกขายข้าวคุณภาพดีและข้าวเกรดต่ำข เพราะถ้ารัฐบาลไปหลงกลขายเหมารวมข้าวทั้งหมด จะเข้าทางผู้ไม่หวังดีและสร้างปัญหาต่อรัฐบาลนี้ตามมาอีก
34 รายแห่ยื่นประมูลข้าวรัฐ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้มีการเปิดให้ภาคเอกชนที่สนใจเข้ายื่นประมูลซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 4/2557 โดยมีข้าวที่เปิดประมูล ได้แก่ ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวขาว 25% ข้าวขาว 15% และปลายข้าวเอวันเลิศ รวมปริมาณ 400,100 ตัน จาก 67 คลัง โดยกำหนดให้ผู้สนใจยื่นซองในช่วงเช้าและเปิดซองเสนอราคาในช่วงบ่าย ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการสนใจยื่นซองราคารวม 34 ราย แยกเป็นบริษัทจำกัด 29 ราย ห้างหุ้นส่วนจำกัด 4 ราย และบุคคลธรรมดา 1 ราย
โดย น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวภายหลังการเปิดซองเสนอราคาประมูลข้าวว่า สามารถขายได้ทันที 21 ราย จากที่ยื่นเสนอมา 34 ราย จำนวน 2.47 แสนตัน จาก 52 คลัง โดยยังคงเหลือข้าวที่เปิดประมูลครั้งนี้อีก 1.5 แสนตันใน 15 คลัง ที่มีปัญหาเสนอราคาเข้ามาเท่ากัน และบางรายเสนอราคาต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนด จึงเปิดให้เสนอราคาใหม่ แต่เชื่อว่าน่าจะขายได้เกือบทั้งหมด หรือประมาณ 3.9 แสนตัน
“กรมฯ พอใจราคาข้าวที่ผู้ประกอบการเสนอราคาซื้อเข้ามาในครั้งนี้ เพราะได้ราคาสูงกว่าที่กำหนดเอาไว้”
เล็งปรับเงื่อนไขใหม่ให้ซื้อยกคลัง
ด้าน นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวครั้งต่อไป กรมฯจะปรับเงื่อนไขการประมูล โดยจะเปิดให้มีการประมูลแบบยกคลังตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้อนุมัติไว้ และในการประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าว จะมีการปรับเกณฑ์การประมูลใหม่ด้วย เช่น เปิดให้รายเล็กรวมตัวกันประมูลได้ และจะเปิดเผยราคากลางของข้าวในแต่ละคลัง เพื่อให้เอกชนสามารถใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจยื่นแข่งราคา เป็นต้น
สำหรับการส่งออกข้าวในปี 2557 คาดว่าน่าจะทำได้ปริมาณ 10.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 60% มูลค่ากว่า 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากปีนี้สามารถระบายข้าวได้จำนวนมาก และยังมีความต้องการซื้อข้าวไทยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนปี 2558 ประเมินว่าการส่งออกข้าวจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 10.5 ล้านตัน เนื่องจากผลผลิตเกษตรทั่วโลกประสบภัยแล้ง และไทยจะมีการระบายข้าวในสตีอกได้อย่างต่อเนื่อง
วานนี้ (22 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานร่วม ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหายว่า ได้รับทราบจาก นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช.แล้วว่า มีการนัดหมายประชุมนัดสุดท้ายของคณะทำงานร่วมดังกล่าวในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ โดยจะมีการพิจารณาแนวทางการส่งฟ้องคดี
“คิดว่ารอบนี้น่าจะตกลงกันได้แล้ว จะได้ทราบเลยว่าตกลงใครจะฟ้อง ซึ่งทาง ป.ป.ช. ยังยืนยันว่าอยากให้ อสส.ฟ้อง แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ป.ป.ช.จะฟ้องเอง” นายปานเทพ ระบุ
“วิชา” มั่นใจสำนวนสมบูรณ์แบบ
ด้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คาดว่าในวันที่ 25 ธ.ค.จะจะได้ข้อสรุป เพราะ อสส.นัดประชุมด่วน ส่วน อสส.จะสั่งฟ้องเองหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ แต่ที่ผ่านมาในคณะทำงานร่วมฯ คุยกันด้วยดี โดย ป.ป.ช. ยืนยันมาตลอดว่าสำนวนมีความสมบูรณ์แล้ว และมีความมั่นใจไม่เช่นนั้นคงไม่ส่งเลขาธิการ ป.ป.ช. เข้าไปเป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช. ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีคดีไหนที่ ป.ป.ช. ส่งระดับเลขาธิการ ป.ป.ช. เข้าไปปฏิบัติหน้าที่เองแบบนี้
สำหรับความคืบหน้าการไต่สวน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก กรณีการระบายและซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นั้น นายวิชากล่าวว่า เชื่อว่าทางอนุกรรมการไต่สวนจะสรุปคดีดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าสัปดาห์หน้า เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป นอกจากนี้ จะนำตัวเลขความเสียที่อนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐบาลที่สรุปความเสียหายออกมาจำนวน 6.8 แสนล้านบาท มาสนับสนุนในสำนวนคดีนี้ด้วย
อสส.ปัดโดน “บิ๊กตู่” ไล่บี้
อีกด้าน นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งอยู่ในคณะทำงานฝ่าย อสส.กล่าวว่า ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 4 ของคณะทำงานร่วมจะพิจารณาในประเด็นที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งตนเชื่อว่าการพิจารณาใกล้เสร็จสิ้นและจะได้ข้อยุติในคดีแล้ว ส่วนจะได้ผลอย่างไรนั้นให้รอการพิจารณาของคณะทำงานร่วมในวันดังกล่าว โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานก็จะทราบผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมในครั้งนี้ทาง อสส.ขอประสานไปยัง ป.ป.ช.เป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า เป็นวาระปกติ เพราะได้ประชุมครั้งล่าสุดไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อถามต่อว่า สาเหตุที่ อสส.เรียกประชุมในครั้งนี้เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการเร่งให้ดำเนินคดีใช่หรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเป็นการพิจารณาประชุมร่วมของคณะทำงานตามปกติ โดยทางอัยการสูงสุดเองก็ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ
“หม่อมเหลน” ครวญถูกพิษการเมือง
ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกฯ ได้บรรยายพิเศษในระหว่างเปิดโอกาสให้คณะเยาวชนในโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 8 เข้าพบว่า เรื่องที่มีคนออกมาตำหนิการตรวจสอบคุณภาพข้าวนั้น ตนจะไม่ตอบโต้ เพราะตนเป็นข้าราชการประจำ ไม่ใช่นักการเมือง จะไปทะเลาะวิวาทกับใครหรือโต้ตอบใครไม่ได้ ส่วนผลการตรวจสอบข้าวที่ออกมาโดยมีการแบ่งเกรด เอ-ซี ซึ่งแบ่งตามคุณภาพ แต่หากเราจะเอาตามมาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์ล้วนๆ ก็จะผ่านเพียงแค่ 12.23 % ส่วนที่เหลือตกหมด ข้าวที่ไม่ผ่านมาตรฐานก็เสียเปล่า นั่นคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ทั้งหมดเราทำเพื่อช่วยทุเลาให้เป็นรายได้เข้าประเทศ ดีกว่าจะนำไปโยนให้เสียหายทั้งหมด ยังเป็นผลดีต่อพี่น้องเกษตรกร และรายได้ของแผ่นดิน แต่ก็ไม่แคล้วที่จะถูกฝ่ายการเมืองโจมตี
“หมอวรงค์” ซัดลิ้วล่อ “ปู”
ทางด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ และทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าไม่ต้องรับผิดชอบในโครงการรับจำนำข้าวที่เกิดความเสียหายมหาศาลว่า การโยนความรับผิดชอบให้ทางเซอร์เวเยอร์และเจ้าของโกดัง เป็นการสะท้อนถึงการปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุม กำกับติดตาม จึงทำให้ความเสียหายทั้งปริมาณและคุณภาพของข้าวกระจายไปทั้งประเทศ จนทำให้ความเสียหายในภาพรวมของข้าวและงบประมาณสูงถึง 5.19 แสนล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ เป็นผู้หาเสียง และแถลงนโยบายนี้ต่อรัฐสภาต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเร่งเอาข้อเท็จจริงเรื่องข้าวมาชี้แจงประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ตราบใดที่คนทำผิดยังไม่ยอมรับผิด รัฐบาลก็ยังจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริง หากรัฐบาลยังคิดว่าต้องการปรองดองด้วยการไม่นำข้อเท็จจริงชี้แจงให้ประชาชนเจ้าของเงินภาษีให้รับรู้ ความจริงที่เกี่ยวเรื่องข้าวจะถูกนำมาบิดเบือนย้อนศรมาทิ่มแทงรัฐบาลชุดนี้เอง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่รับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการระบายข้าว โดยการแยกขายข้าวคุณภาพดีและข้าวเกรดต่ำข เพราะถ้ารัฐบาลไปหลงกลขายเหมารวมข้าวทั้งหมด จะเข้าทางผู้ไม่หวังดีและสร้างปัญหาต่อรัฐบาลนี้ตามมาอีก
34 รายแห่ยื่นประมูลข้าวรัฐ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้มีการเปิดให้ภาคเอกชนที่สนใจเข้ายื่นประมูลซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 4/2557 โดยมีข้าวที่เปิดประมูล ได้แก่ ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวขาว 25% ข้าวขาว 15% และปลายข้าวเอวันเลิศ รวมปริมาณ 400,100 ตัน จาก 67 คลัง โดยกำหนดให้ผู้สนใจยื่นซองในช่วงเช้าและเปิดซองเสนอราคาในช่วงบ่าย ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการสนใจยื่นซองราคารวม 34 ราย แยกเป็นบริษัทจำกัด 29 ราย ห้างหุ้นส่วนจำกัด 4 ราย และบุคคลธรรมดา 1 ราย
โดย น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวภายหลังการเปิดซองเสนอราคาประมูลข้าวว่า สามารถขายได้ทันที 21 ราย จากที่ยื่นเสนอมา 34 ราย จำนวน 2.47 แสนตัน จาก 52 คลัง โดยยังคงเหลือข้าวที่เปิดประมูลครั้งนี้อีก 1.5 แสนตันใน 15 คลัง ที่มีปัญหาเสนอราคาเข้ามาเท่ากัน และบางรายเสนอราคาต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนด จึงเปิดให้เสนอราคาใหม่ แต่เชื่อว่าน่าจะขายได้เกือบทั้งหมด หรือประมาณ 3.9 แสนตัน
“กรมฯ พอใจราคาข้าวที่ผู้ประกอบการเสนอราคาซื้อเข้ามาในครั้งนี้ เพราะได้ราคาสูงกว่าที่กำหนดเอาไว้”
เล็งปรับเงื่อนไขใหม่ให้ซื้อยกคลัง
ด้าน นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวครั้งต่อไป กรมฯจะปรับเงื่อนไขการประมูล โดยจะเปิดให้มีการประมูลแบบยกคลังตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้อนุมัติไว้ และในการประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าว จะมีการปรับเกณฑ์การประมูลใหม่ด้วย เช่น เปิดให้รายเล็กรวมตัวกันประมูลได้ และจะเปิดเผยราคากลางของข้าวในแต่ละคลัง เพื่อให้เอกชนสามารถใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจยื่นแข่งราคา เป็นต้น
สำหรับการส่งออกข้าวในปี 2557 คาดว่าน่าจะทำได้ปริมาณ 10.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 60% มูลค่ากว่า 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากปีนี้สามารถระบายข้าวได้จำนวนมาก และยังมีความต้องการซื้อข้าวไทยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนปี 2558 ประเมินว่าการส่งออกข้าวจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 10.5 ล้านตัน เนื่องจากผลผลิตเกษตรทั่วโลกประสบภัยแล้ง และไทยจะมีการระบายข้าวในสตีอกได้อย่างต่อเนื่อง