นายยรรยง พวงราช อดีตรมช.พาณิชย์ ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แถลงเกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลได้เปิดเผยผลการตรวจสต๊อกข้าว ของคณะอนุกรรมการฯ ชุด ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล ที่แถลงไปเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่ามีพิรุธมาก โดยเห็นว่ามีความคลาดเคลื่อน และบิดเบือนเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาที่แถลงก็น่าสงสัยว่าต้องการชี้นำสังคมและสนช.ในการถอดถอน และอัยการสูงสุดในการพิจารณาสั่งฟ้อง อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่
ทั้งนี้ นายยรรยง ตั้งข้อสงสัยว่า ผลสรุปการตรวจสอบที่ระบุถึงปริมาณข้าวสารที่ผ่านมาตรฐานเพียงประมาณ 2 ล้านตัน แต่มีข้าวสารที่ไม่ตรงตามมาตรฐานกว่า 14 ล้านตัน เป็นการชี้นำว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวชุดนี้ ได้ทำการตรวจสอบข้าวของรัฐบาลโดยละเอียดทุกกระสอบหรือทุกเม็ด จึงสามารถระบุถึงปริมาณอย่างชัดเจน ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะวิธีการตรวจสอบครั้งนี้เป็นเพียงการสุ่มตรวจ ซึ่งมีปริมาณข้าวที่ตรวจจริงไม่มากนัก เช่น ข้าวในแต่ละโกดังมีหลายกอง กองละประมาณ 2 หมื่นกระสอบ ก็จะมีการตรวจสอบด้านลึก คือ มีการผ่ากองเพียง 1 ใน 7 กอง เท่านั้น นอกนั้นเป็นการตรวจกระสอบข้าวที่อยู่รอบนอกกองเท่านั้น ผลการตรวจสอบครั้งนี้ จึงอาจผิดพลาดคลาดเคลื่อนมาก เพราะข้าวในแต่ละกอง อาจมาจากหลายโรงสี และหลายพื้นที่ ผลการสุ่มตรวจจึงไม่สะท้อนความเป็นจริง
นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการชุด ม.ล. ปนัดดา ยังขัดแย้งกับผลการตรวจสอบของทีมตรวจสอบ ของกรมการค้าต่างประเทศ และคณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการรับจำนำข้าว ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่างชัดเจน โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้อนุมัติให้จัดทีมตรวจสอบคุณภาพข้าว และปริมาณข้าวเป็นพิเศษเพื่อตรวจเช็ค ( cross check )การตรวจสอบและรับมอบข้าวของผู้ตรวจสอบ หรือเซอเวย์เยอร์ เป็นประจำ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ( สำนักมาตรฐานสินค้า ) ได้ปฏิบัติหน้าที่ และรับงบประมาณ 58 ล้านบาท นอกจากนี้คณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการรับจำนำข้าว ก็ได้จัดชุดปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบเรื่องปริมาณ และคุณภาพข้าวอยู่เป็นประจำ รายงานผลการตรวจสอบของกรมการค้าต่างประเทศ และคณะอนุกรรมการตรวจสอบดังกล่าวไม่เคยปรากฏว่ามีข้าวที่ต่ำกว่ามาตรฐานจำนวนมากผิดปกติ เหมือนคณะอนุกรรมการ ชุด ม.ล.ปนัดดา แต่อย่างใด
นายยรรยง ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นได้ว่าการที่คณะอนุกรรมการชุด ม.ล.ปนัดดา ระบุว่า มีข้าวที่ต่ำกว่ามาตรฐานกว่า 14 ล้านตัน ก็เพื่อจะให้ชี้นำสังคม รวมทั้ง สนช. ซึ่งจะพิจารณาคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงต้นปี 2558 นี้ โดยพยายามแสดงว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นายยรรยง ยืนยันว่า ผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ ชุด ม.ล.ปนัดดา ไม่สามารถใช้ถอดถอน หรือเอาผิดกับอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ได้ เพราะรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบทางกฏหมาย หรืองบประมาณแต่อย่างใด เพราะได้กำหนดตัวผู้รับผิดชอบในสัญญาเช่าโกดัง และสัญญาฝากข้าวไว้กับโกดังอย่างชัดเจน โดยระบุไว้อย่างชัดเจนในสัญญาว่า หากมีความเสียหายจากการสูญหาย หรือเสื่อมคุณภาพ เจ้าของโกดังหรือเซอเวย์เยอร์ จะต้องรับผิดชอบ ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังได้จัดทีมตรวจสอบออกปฏิบัติการหลายทีม เช่น ทีมของกรมการค้าต่างประเทศ ทีมของอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการรับจำนำและทีมพิเศษของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โดยสรุปได้ว่าอดีตนายก รัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกถอดถอนไม่ได้เพราะไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปล่อยประละเลยจนเกิดความเสียหายแต่อย่างใด
อดีตรมช.พาณิชย์ กล่าวในตอนท้ายว่า เจ้าของโกดัง และเซอเวย์เยอร์ทั่วประเทศ ที่ได้รับความเสียหาย หรือผลกระทบจากการสรุปผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการชุด ม.ล.ปนัดดา ที่ระบุว่ามีข้าวที่ไม่ตรงตามมาตรฐานกว่า 14 ล้านตัน ซึ่งเท่ากับว่า ถูกกล่าวหาว่าทำผิดเงื่อนไขในสัญญาเช่าโกดัง และสัญญารับฝากข้าว ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องผู้ที่ตนเห็นว่าได้ทำการตรวจสอบ หรือรายงานผลอย่างไม่เป็นธรรม และทำลายชื่อเสียงในระยะยาว
ทั้งนี้ นายยรรยง ตั้งข้อสงสัยว่า ผลสรุปการตรวจสอบที่ระบุถึงปริมาณข้าวสารที่ผ่านมาตรฐานเพียงประมาณ 2 ล้านตัน แต่มีข้าวสารที่ไม่ตรงตามมาตรฐานกว่า 14 ล้านตัน เป็นการชี้นำว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวชุดนี้ ได้ทำการตรวจสอบข้าวของรัฐบาลโดยละเอียดทุกกระสอบหรือทุกเม็ด จึงสามารถระบุถึงปริมาณอย่างชัดเจน ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะวิธีการตรวจสอบครั้งนี้เป็นเพียงการสุ่มตรวจ ซึ่งมีปริมาณข้าวที่ตรวจจริงไม่มากนัก เช่น ข้าวในแต่ละโกดังมีหลายกอง กองละประมาณ 2 หมื่นกระสอบ ก็จะมีการตรวจสอบด้านลึก คือ มีการผ่ากองเพียง 1 ใน 7 กอง เท่านั้น นอกนั้นเป็นการตรวจกระสอบข้าวที่อยู่รอบนอกกองเท่านั้น ผลการตรวจสอบครั้งนี้ จึงอาจผิดพลาดคลาดเคลื่อนมาก เพราะข้าวในแต่ละกอง อาจมาจากหลายโรงสี และหลายพื้นที่ ผลการสุ่มตรวจจึงไม่สะท้อนความเป็นจริง
นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการชุด ม.ล. ปนัดดา ยังขัดแย้งกับผลการตรวจสอบของทีมตรวจสอบ ของกรมการค้าต่างประเทศ และคณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการรับจำนำข้าว ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่างชัดเจน โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้อนุมัติให้จัดทีมตรวจสอบคุณภาพข้าว และปริมาณข้าวเป็นพิเศษเพื่อตรวจเช็ค ( cross check )การตรวจสอบและรับมอบข้าวของผู้ตรวจสอบ หรือเซอเวย์เยอร์ เป็นประจำ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ( สำนักมาตรฐานสินค้า ) ได้ปฏิบัติหน้าที่ และรับงบประมาณ 58 ล้านบาท นอกจากนี้คณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการรับจำนำข้าว ก็ได้จัดชุดปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบเรื่องปริมาณ และคุณภาพข้าวอยู่เป็นประจำ รายงานผลการตรวจสอบของกรมการค้าต่างประเทศ และคณะอนุกรรมการตรวจสอบดังกล่าวไม่เคยปรากฏว่ามีข้าวที่ต่ำกว่ามาตรฐานจำนวนมากผิดปกติ เหมือนคณะอนุกรรมการ ชุด ม.ล.ปนัดดา แต่อย่างใด
นายยรรยง ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นได้ว่าการที่คณะอนุกรรมการชุด ม.ล.ปนัดดา ระบุว่า มีข้าวที่ต่ำกว่ามาตรฐานกว่า 14 ล้านตัน ก็เพื่อจะให้ชี้นำสังคม รวมทั้ง สนช. ซึ่งจะพิจารณาคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงต้นปี 2558 นี้ โดยพยายามแสดงว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นายยรรยง ยืนยันว่า ผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ ชุด ม.ล.ปนัดดา ไม่สามารถใช้ถอดถอน หรือเอาผิดกับอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ได้ เพราะรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบทางกฏหมาย หรืองบประมาณแต่อย่างใด เพราะได้กำหนดตัวผู้รับผิดชอบในสัญญาเช่าโกดัง และสัญญาฝากข้าวไว้กับโกดังอย่างชัดเจน โดยระบุไว้อย่างชัดเจนในสัญญาว่า หากมีความเสียหายจากการสูญหาย หรือเสื่อมคุณภาพ เจ้าของโกดังหรือเซอเวย์เยอร์ จะต้องรับผิดชอบ ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังได้จัดทีมตรวจสอบออกปฏิบัติการหลายทีม เช่น ทีมของกรมการค้าต่างประเทศ ทีมของอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการรับจำนำและทีมพิเศษของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โดยสรุปได้ว่าอดีตนายก รัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกถอดถอนไม่ได้เพราะไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปล่อยประละเลยจนเกิดความเสียหายแต่อย่างใด
อดีตรมช.พาณิชย์ กล่าวในตอนท้ายว่า เจ้าของโกดัง และเซอเวย์เยอร์ทั่วประเทศ ที่ได้รับความเสียหาย หรือผลกระทบจากการสรุปผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการชุด ม.ล.ปนัดดา ที่ระบุว่ามีข้าวที่ไม่ตรงตามมาตรฐานกว่า 14 ล้านตัน ซึ่งเท่ากับว่า ถูกกล่าวหาว่าทำผิดเงื่อนไขในสัญญาเช่าโกดัง และสัญญารับฝากข้าว ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องผู้ที่ตนเห็นว่าได้ทำการตรวจสอบ หรือรายงานผลอย่างไม่เป็นธรรม และทำลายชื่อเสียงในระยะยาว
