xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

โครงการในวันวานของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระกรณียกิจครั้งสุดท้ายในฐานะพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในพิธีเปิดงานมหกรรม “9 ปี สายใยรักแห่งครอบครัวฯ”  ในวันที่ 6 ธ.ค. 2557 ณ  ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วันนี้เชื่อว่าแม้ “ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี” จะลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ แต่ประชาชนชาวไทยก็ยังคงรำลึกถึงพระกรณียกิจ เมื่อครั้งดำรงอิสริยยศเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ดี เนื่องท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ มีบทบาทเด่นในเรื่องงานด้านครอบครัวและเด็ก มีกิจกรรมและโครงการมากมาย

สำหรับโครงการแรกที่ดำริขึ้น คือ “โครงการสายใยรักจากแม่สู่ลูก” ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนเป็นชื่อ “โครงการสายใยรักแห่งครอบครัวในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร”

โครงการนี้หลายคนรู้จักกันดี เนื่องจากมีชื่อเสียงในการรณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เคยพระราชทานคำขวัญแก่โครงการนี้ว่า “นมแม่คือหยดแรกของสายใยรักแห่งครอบครัว” 
 
เมื่อครั้งที่ดำรงอิสริยยศในราชวงศ์ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์เคยดำริถึงจุดมุ่งหมายของการก่อตั้งโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวไว้ว่า

“ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงปณิธานเกี่ยวกับโครงการสายใยรักฯ ในเบื้องต้นเกิดมาจากความต้องการของข้าพเจ้าที่อยากจะดูแลปัญหาเยาวชนที่ไม่มีอนาคต หรือพวกเร่ร่อนจรจัด ข้าพเจ้าตระหนักดีว่าปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ยาก คือต้องแก้ไขที่สถาบันครอบครัวซึ่งเป็นต้นเหตุโดยการให้ความอบอุ่นแก่เด็กตั้งแต่แม่เริ่มตั้งครรภ์จนคลอด และเด็กได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องซึ่งความอบอุ่นของครอบครัวจะทำให้เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีสุขภาพจิตที่ดี อันเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะติดตัวเด็กไปในอนาคต"

โครงการนี้ไม่เพียงให้ความสำคัญต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ยังให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งแก่สถาบันครอบครัว โดยมีเป้าหมายปลุกจิตสำนึกของสังคมไทยให้เห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัวและการมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กและครอบครัว การดำเนินงานของโครงการนี้ เช่น ส่งเสริมความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้องสำหรับหญิงมีครรภ์และหญิงให้นมลูก,ส่งเสริมการทำการเกษตรเพื่อบริโภคในครัวเรือน, ส่งเสริมการสร้างอาชีพเสริมสำหรับมารดาเพื่อเพิ่มรายได้ ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว

ทั้งนี้ ได้ก่อตั้งโครงการนำร่องใน 4 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่โครงการในพระองค์ 904 กทม., อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา, อ.เมือง, อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช และ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ต่อมาได้มีการขยายผล จึงได้มีพระดำริให้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้โครงการสายใยรักแห่งครอบครัวฯ เพื่อเป็นศูนย์ต้นแบบในการดำเนินงานโครงการฯ ระดับภาค 4 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง จ.ราชบุรี ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครราชสีมา และภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช

นอกจากนั้นยังเห็นปัญหาว่าประชาชนผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บุตรหลานหรือครอบครัวไม่สามารถดูแลในช่วงกลางวัน เนื่องจากมีภาระหน้าที่ในการทำงาน ทำให้ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง จึงได้ดำริให้ก่อตั้ง “ศูนย์ศรีทวีรัก” ขึ้นมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสายรักแห่งครอบครัวฯ เน้นบริการแก่ผู้สูงอายุ โดยให้บุตรหลานสามารถนำผู้สูงอายุมาฝากดูแลในเวลากลางวัน รวมถึงยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้สูงอายุได้พบปะสังสรรค์และรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนวัยเดียวกันด้วย โดยศูนย์แห่งนี้จะทำหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ทั้งทางด้านร่างกาย,อารมณ์,จิตใจ,สังคม และสติปัญญา ตลอดจนเสริมสร้างบทบาทของผู้สูงอายุให้มีคุณค่า มีศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับของลูกหลานในครอบครัว ชุมชนและสังคม

ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทอดทิ้งวัยอื่นๆ ในครอบครัว เนื่องจากเล็งเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทย ทำให้สมาชิกครอบครัวต้องออกไปประกอบอาชีพนอกบ้าน เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการจึงถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ครอบครัวขาดความเข้มแข็ง สมควรให้มีการส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการดูแลและให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมและดูแลเด็กให้ได้รับความรู้อย่างถูกวิธี จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการจัดตั้ง “ศูนย์ ๓ วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว” ขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาชีวิตของสมาชิกในครอบครัว 3 วัย อันได้แก่ วัยเด็ก วัยพ่อแม่ และวัยปู่ย่าตายาย โดยส่งเสริมให้จัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน และจัดทำแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการแก่สมาชิกวัยเด็ก วัยทำงาน และวัยผู้สูงอายุ โดยเน้นความต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นวงจรของคนทุกช่วงวัยให้อยู่ร่วมกันในครอบครัว ชุมชน และสังคม ด้วยสายใยที่รักใคร่ กลมเกลียว

นอกจากนั้น ยังเห็นความสำคัญของการดูแลทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อให้ได้ทารกไทยที่สุขภาพแข็งแรง เป็นกำลังของชาติในอนาคต สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารและท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ในสมัยที่ดำรงอิสริยยศเป็น พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทาน “กองทุนทีปังกรนภัทรบุตร” ให้นำเงินไปสนับสนุนโครงการที่ช่วยเหลือทารก เช่น “โครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารกเพื่อครอบครัวของเด็กและเยาวชนไทย” ซึ่งในอดีตพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โครงการ ถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างยิ่งแก่ทารก เพราะช่วยผลักดันให้มีการจัดทำนโยบายสาธารณสุขระดับประเทศแก่ทารกวัยตั้งแต่ 0-5 ปี รวมถึงดำเนินกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือทารกที่คลอดก่อนกำหนด, การรณรงค์ป้องกันและให้ความรู้เรื่องการคลอดก่อนกำหนด ฯลฯ

โครงการอื่นๆที่น่าสนใจอีกเช่น “โครงการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก” เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว และการพัฒนาศักยภาพของเด็กปฐมวัยเป็นหลัก ที่ผ่านมาท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ได้เคยใช้นิทานเป็นเครื่องมือสำคัญในการอภิบาลพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เมื่อครั้งทรงเจริญพระชันษาเข้าสู่ช่วงปฐมวัย โครงการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก จึงถือเกิดขึ้นมาภายใต้โครงการสานสายใยรักแห่งครอบครัว ในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่พ.ศ.2552 โดยส่งเสริมให้มีการสร้างวิทยากรกระบวนการเล่านิทาน, การพัฒนาของเล่นเด็ก, การสนับสนุนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองใส่ใจต่อพัฒนาการเด็กด้วยเล่า อ่าน และเล่นกับเด็ก ,การจัดประกวดวัยซนค้นโลก การจัดมหกรรมเล่านิทาน อ่านและเล่นกับลูก ฯลฯ

มาปีนี้ โครงการนี้ยังได้มีการวางแผนจัดงาน “มหกรรมเล่านิทาน อ่านและเล่นกับลูก ครั้งที่ 6ประจำปี 2557” ในวันที่ 18- 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่ตอนหลังได้เลื่อนการจัดงานออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ส่วนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพนั้น ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ยังให้ความสำคัญของการมีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่แข็งแรง จึงได้ก่อตั้ง “ศุโขโยคะ” ขึ้นมา ณ พื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มาออกกำลังกายมากขึ้น โดยมีศาสตร์ที่เรียกว่า “ไจโรโทนิค” (Gyrotonic) เป็นศาสตร์แห่งการออกกำลังกายแนวใหม่ที่จะทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวและเป็นธรรมชาติ โดยดำริว่าเคยลองใช้เครื่องออกกำลังกายไจโรโทนิคที่ต่างประเทศมาแล้ว จึงเห็นว่าเป็นการออกกำลังกายแบบใหม่ที่ดี น่าสนใจ จึงสั่งอุปกรณ์ชนิดนี้มาเพื่อให้บริการสำหรับสมาชิกที่ศุโขโยคะเป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยทุกหลักสูตรจะมีคณะครูฝึกที่เชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ เป็นผู้ฝึกสอน สามารถให้บริการได้มากถึง 1,300 คนต่อวัน แต่ทั้งนี้ศุโขโยคะได้ประกาศปิดให้บริการสมาชิกตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ได้ปิดฉากงานพระกรณียกิจครั้งสุดท้ายในงานพิธีเปิดมหกรรม “ 9 ปี สายใยรักแห่งครอบครัวฯ” ในวันที่ 6 ธ.ค. 2557 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ก่อนที่จะลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์

มาวันนี้ แม้กิจกรรมและโครงการเหล่านี้จะเป็นเรื่องวันวาน แต่เชื่อว่าประชาชนชาวไทยยังคงรำลึกโครงการดีๆ เหล่านี้ได้ ไม่ลืมเลือน...













กำลังโหลดความคิดเห็น