วันนี้...ได้กินกาแฟฟรีแสนอร่อย ท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นกาแฟรสเข้มข้นกลมกล่อมมาก แถมมุมคุยการเมืองก็ถกกันได้เต็มที่ นักข่าววัยใสที่กรำงานต่างประเทศพูดขึ้นว่า
“ปลายปี 2557 แล้ว สถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ส่อจะย่ำแย่เอามากๆ โดยเฉพาะมิติด้านการเมืองและเศรษฐกิจ พยากรณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า ปีหน้า...แนวโน้มจะต้องเลวร้ายลงเรื่อยๆ แน่นอน... ”
นักข่าววัยใสยกกาแฟเย็นขึ้นดื่ม ก่อนจะขยายความต่อว่า
“ตอนนี้อเมริกาถือว่าจีนเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง ดังนั้น จึงร่วมกับประเทศโลกตะวันตก ทำศึกปิดล้อมจีนทั้งทางการเมือง-เศรษฐกิจ-การพัฒนาเทคโนโลยี ฯลฯ โดยเฉพาะศักยภาพทางการทหาร ทั้งบนบก-ในน้ำ-กลางห้วงอวกาศ ดูสิ..‘พญาอินทรี’ มีเรือรบล่องหน ‘พญามังกร’ ก็มีเรือดำน้ำล่องหน ทั้งสองชาติมีเครื่องบินรบล่องหนกันแล้ว อเมริกาท่องอวกาศได้ เดี๋ยวนี้จีนก็ท่องอวกาศได้เหมือนกัน ที่สำคัญ ‘พญาอินทรี’กับ ‘พญามังกร’ แข่งกันทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องชิงแหล่งก๊าซและน้ำมันด้วยแล้ว ทั้งคู่ไม่ยอมลดราวาศอกกันแม้แต่น้อย”
นักข่าวอาวุโสวัยกว่า 70 ปี ที่นั่งนิ่งเงียบส่งเสียงเข้มๆ ขึ้นว่า
“...ตอนนี้จีนกับรัสเซีย มีความสัมพันธ์กันเหนียวแน่นมาก แถมประเทศโลกอาหรับ ก็รวมกลุ่มปฏิบัติการตอบโต้อเมริกากับชาติตะวันตก ชนิดตาต่อตา-ฟันต่อฟัน รุนแรงและเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ‘กลุ่มนักรบรัฐอิสลาม’ หรือ ‘Islamic State: IS’ ได้เข้ายึดครองพื้นที่หนึ่งในสาม ทั้งในซีเรียและอิรักไว้ได้ แถมมีชาวต่างชาติทั้งตะวันออกและตะวันตกอาสาสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก ปฏิบัติการสู้รบกับอเมริกา และชาติตะวันตกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำเอา ‘ลุงแซม’ อับจนปัญญาที่จะพิชิตศึกนักรบไอเอสกลุ่มนี้เสียแล้ว...”
นักข่าวระดับป้าเอ่ยเสริมขึ้นว่า
“อเมริกากับชาติตะวันตก เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงประเทศเล็กและอ่อนแอกว่าอย่างไร้มโนธรรมจนประเทศต่างๆ ทนไม่ไหว จึงมีการต่อต้านอเมริกากับชาติตะวันตก และรัฐบาลหุ่นของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เกิดศึกสงครามขึ้นหลายแห่งในโลก ยิ่งมีข่าวซีไอเอทำทารุณกรรมนักโทษอิสลาม ที่โดนจับตัวไปเข้าคุกลับ ในยุค ‘บุชผู้ลูก’ เป็นประธานาธิบดี ถูกแฉโพยโดยพรรคการเมืองฝ่ายเดโมแครตของประธานาธิบดีโอบามา งานนี้...ยิ่งส่งผลให้ชาวมุสลิมทั้งหลายไม่พอใจ และโกรธแค้นอเมริกามากขึ้นไปอีก...”
นักข่าวที่เชี่ยวงานต่างประเทศสรุปตบท้ายสั้นๆ ว่า
“การล้างแค้นอเมริกากับชาติตะวันตก นับวันจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นักรบมุสลิมไอเอสฆ่าตัดคอชาวตะวันตกไปคนแล้วคนเล่า นักรบมุสลิมอิรักที่ผู้นำถูกฆ่า และประเทศถูกอเมริกาถล่มจนยับเยิน และยังถูกบริษัทอเมริกาปล้นน้ำมันเอาไปเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม ที่อเมริกาบุกเข้ามาทำศึกสงครามในประเทศตัวเอง มีการทำสงคราม ‘พลีชีพ’ ตอบโต้อเมริกา และรัฐบาลหุ่นอิรักและอัฟกานิสถาน ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายอยู่ตลอดมาจนทุกวันนี้”
นักข่าวหญิงอาวุโสถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดแบบตรงไปตรงมาว่า
“ตราบใดที่อเมริกาและชาติตะวันตก ยังไม่หยุดไล่ล่าอาณานิคมเพื่อปล้นสะดมผลประโยชน์ต่อไป ชนิดไม่รู้จักพออย่างนี้ ย่อมเป็นปัจจัยที่จะนำโลกไปสู่สงคราม ที่นับวันจะยิ่งรุนแรงขยายพื้นที่ใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า นี่คือ...บทเพลงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สาม...”
นักข่าววัยรุ่นคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยแววตาและน้ำเสียงซื่อๆ ว่า
“...ประเทศไทย...จะวางตัวอย่างไรกับสถานการณ์โลก ซึ่งกำลังอันตรายด้วยสงครามมากขึ้นเรื่อยๆ?...”
นักข่าวอาวุโสยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า...
“ชาติไทยต้องได้ผู้นำดี-เก่ง-กล้า ที่เข้าใจปัญหาชาติและปัญหาโลกอย่างแท้จริง จะต้องเร่งทำให้ชาติไทยมั่นคงโดยเร็วที่สุด ‘มะเร็ง’ ร้ายของชาติไทย คือ คนชั่วได้ขึ้นปกครองและคอร์รัปชันชาติ นั่นเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนจะเดินหน้าไปสู้กับชาติอื่นๆ ท่ามกลางสถานการณ์โลกอันเลวร้ายเช่นนี้ ผู้นำไทยจึงต้องมีศาสตร์และศิลป์ การอยู่-การหยุด-การเดินไปข้างหน้า ด้วยจังหวะก้าวทั้งภายในและภายนอก อย่างถูกต้องเหมาะสม ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ ผู้นำต้องยึดมั่นด้วยความจริงใจว่า ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน ต้องมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเสมอ”
นักเขียนการ์ตูนมือฉมังนามมลังเมลือง ที่พูดน้อยแต่ต่อยหนัก เปรยขึ้นว่า
“ผู้นำที่ดี-เก่ง-กล้า...ต้องแยกถูก-ผิด-ดี-ชั่วได้ ที่สำคัญ...ต้องรู้ว่า ใครเป็นคนดีใครเป็นคนชั่วโว้ย!”
นักข่าวรุ่นป้าหยิบพายไก่กัดหนึ่งคำ ตามด้วยชาจีนอุ่นหนึ่งจิบ ก่อนพูดห้วนๆ ว่า“ผู้นำคนนั้นต้อง
ไม่ใช่ผู้นำคนนี้แน่เลย...จริงไหม?”
การ์ตูนนิสต์ “ได้ทีขี่แพะไล่” ทันทีว่า...
“ยุค ‘ปู’ มี ‘ผู้นำซ้อนผู้นำ’ คือ มีนายกรัฐมนโท ‘เหลี่ยมสั่ง’ ให้นายกรัฐมนตรี ‘ปูทำ’ ส่วนตอนนี้ ยุคผู้นำหมู่ ‘ตู่-ป๊อก-ป้อม’ น่ะ ‘บิ๊กจิ๋ว’ ไม่สนเรื่อง ‘ผู้นำซ้อนผู้นำ’ แต่กลับให้ระวัง ‘รัฐประหารซ้อนรัฐประหาร’ จะจริงหรือไม่จริง-หนูไม่รู้...แต่...แค่คิดก็ขนหัวลุกว่ะ...!”
“ปลายปี 2557 แล้ว สถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ส่อจะย่ำแย่เอามากๆ โดยเฉพาะมิติด้านการเมืองและเศรษฐกิจ พยากรณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า ปีหน้า...แนวโน้มจะต้องเลวร้ายลงเรื่อยๆ แน่นอน... ”
นักข่าววัยใสยกกาแฟเย็นขึ้นดื่ม ก่อนจะขยายความต่อว่า
“ตอนนี้อเมริกาถือว่าจีนเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง ดังนั้น จึงร่วมกับประเทศโลกตะวันตก ทำศึกปิดล้อมจีนทั้งทางการเมือง-เศรษฐกิจ-การพัฒนาเทคโนโลยี ฯลฯ โดยเฉพาะศักยภาพทางการทหาร ทั้งบนบก-ในน้ำ-กลางห้วงอวกาศ ดูสิ..‘พญาอินทรี’ มีเรือรบล่องหน ‘พญามังกร’ ก็มีเรือดำน้ำล่องหน ทั้งสองชาติมีเครื่องบินรบล่องหนกันแล้ว อเมริกาท่องอวกาศได้ เดี๋ยวนี้จีนก็ท่องอวกาศได้เหมือนกัน ที่สำคัญ ‘พญาอินทรี’กับ ‘พญามังกร’ แข่งกันทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องชิงแหล่งก๊าซและน้ำมันด้วยแล้ว ทั้งคู่ไม่ยอมลดราวาศอกกันแม้แต่น้อย”
นักข่าวอาวุโสวัยกว่า 70 ปี ที่นั่งนิ่งเงียบส่งเสียงเข้มๆ ขึ้นว่า
“...ตอนนี้จีนกับรัสเซีย มีความสัมพันธ์กันเหนียวแน่นมาก แถมประเทศโลกอาหรับ ก็รวมกลุ่มปฏิบัติการตอบโต้อเมริกากับชาติตะวันตก ชนิดตาต่อตา-ฟันต่อฟัน รุนแรงและเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ‘กลุ่มนักรบรัฐอิสลาม’ หรือ ‘Islamic State: IS’ ได้เข้ายึดครองพื้นที่หนึ่งในสาม ทั้งในซีเรียและอิรักไว้ได้ แถมมีชาวต่างชาติทั้งตะวันออกและตะวันตกอาสาสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก ปฏิบัติการสู้รบกับอเมริกา และชาติตะวันตกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำเอา ‘ลุงแซม’ อับจนปัญญาที่จะพิชิตศึกนักรบไอเอสกลุ่มนี้เสียแล้ว...”
นักข่าวระดับป้าเอ่ยเสริมขึ้นว่า
“อเมริกากับชาติตะวันตก เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงประเทศเล็กและอ่อนแอกว่าอย่างไร้มโนธรรมจนประเทศต่างๆ ทนไม่ไหว จึงมีการต่อต้านอเมริกากับชาติตะวันตก และรัฐบาลหุ่นของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เกิดศึกสงครามขึ้นหลายแห่งในโลก ยิ่งมีข่าวซีไอเอทำทารุณกรรมนักโทษอิสลาม ที่โดนจับตัวไปเข้าคุกลับ ในยุค ‘บุชผู้ลูก’ เป็นประธานาธิบดี ถูกแฉโพยโดยพรรคการเมืองฝ่ายเดโมแครตของประธานาธิบดีโอบามา งานนี้...ยิ่งส่งผลให้ชาวมุสลิมทั้งหลายไม่พอใจ และโกรธแค้นอเมริกามากขึ้นไปอีก...”
นักข่าวที่เชี่ยวงานต่างประเทศสรุปตบท้ายสั้นๆ ว่า
“การล้างแค้นอเมริกากับชาติตะวันตก นับวันจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นักรบมุสลิมไอเอสฆ่าตัดคอชาวตะวันตกไปคนแล้วคนเล่า นักรบมุสลิมอิรักที่ผู้นำถูกฆ่า และประเทศถูกอเมริกาถล่มจนยับเยิน และยังถูกบริษัทอเมริกาปล้นน้ำมันเอาไปเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม ที่อเมริกาบุกเข้ามาทำศึกสงครามในประเทศตัวเอง มีการทำสงคราม ‘พลีชีพ’ ตอบโต้อเมริกา และรัฐบาลหุ่นอิรักและอัฟกานิสถาน ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายอยู่ตลอดมาจนทุกวันนี้”
นักข่าวหญิงอาวุโสถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดแบบตรงไปตรงมาว่า
“ตราบใดที่อเมริกาและชาติตะวันตก ยังไม่หยุดไล่ล่าอาณานิคมเพื่อปล้นสะดมผลประโยชน์ต่อไป ชนิดไม่รู้จักพออย่างนี้ ย่อมเป็นปัจจัยที่จะนำโลกไปสู่สงคราม ที่นับวันจะยิ่งรุนแรงขยายพื้นที่ใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า นี่คือ...บทเพลงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สาม...”
นักข่าววัยรุ่นคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยแววตาและน้ำเสียงซื่อๆ ว่า
“...ประเทศไทย...จะวางตัวอย่างไรกับสถานการณ์โลก ซึ่งกำลังอันตรายด้วยสงครามมากขึ้นเรื่อยๆ?...”
นักข่าวอาวุโสยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า...
“ชาติไทยต้องได้ผู้นำดี-เก่ง-กล้า ที่เข้าใจปัญหาชาติและปัญหาโลกอย่างแท้จริง จะต้องเร่งทำให้ชาติไทยมั่นคงโดยเร็วที่สุด ‘มะเร็ง’ ร้ายของชาติไทย คือ คนชั่วได้ขึ้นปกครองและคอร์รัปชันชาติ นั่นเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนจะเดินหน้าไปสู้กับชาติอื่นๆ ท่ามกลางสถานการณ์โลกอันเลวร้ายเช่นนี้ ผู้นำไทยจึงต้องมีศาสตร์และศิลป์ การอยู่-การหยุด-การเดินไปข้างหน้า ด้วยจังหวะก้าวทั้งภายในและภายนอก อย่างถูกต้องเหมาะสม ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ ผู้นำต้องยึดมั่นด้วยความจริงใจว่า ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน ต้องมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเสมอ”
นักเขียนการ์ตูนมือฉมังนามมลังเมลือง ที่พูดน้อยแต่ต่อยหนัก เปรยขึ้นว่า
“ผู้นำที่ดี-เก่ง-กล้า...ต้องแยกถูก-ผิด-ดี-ชั่วได้ ที่สำคัญ...ต้องรู้ว่า ใครเป็นคนดีใครเป็นคนชั่วโว้ย!”
นักข่าวรุ่นป้าหยิบพายไก่กัดหนึ่งคำ ตามด้วยชาจีนอุ่นหนึ่งจิบ ก่อนพูดห้วนๆ ว่า“ผู้นำคนนั้นต้อง
ไม่ใช่ผู้นำคนนี้แน่เลย...จริงไหม?”
การ์ตูนนิสต์ “ได้ทีขี่แพะไล่” ทันทีว่า...
“ยุค ‘ปู’ มี ‘ผู้นำซ้อนผู้นำ’ คือ มีนายกรัฐมนโท ‘เหลี่ยมสั่ง’ ให้นายกรัฐมนตรี ‘ปูทำ’ ส่วนตอนนี้ ยุคผู้นำหมู่ ‘ตู่-ป๊อก-ป้อม’ น่ะ ‘บิ๊กจิ๋ว’ ไม่สนเรื่อง ‘ผู้นำซ้อนผู้นำ’ แต่กลับให้ระวัง ‘รัฐประหารซ้อนรัฐประหาร’ จะจริงหรือไม่จริง-หนูไม่รู้...แต่...แค่คิดก็ขนหัวลุกว่ะ...!”
