xs
xsm
sm
md
lg

ขังญาติ"พงศ์พัฒน์"ค้านประกัน ยื่นปปง.สอบฟอกเงิน จ่อยึดที่ดินกว่า100แปลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (11 ธ.ค.) พ.ต.อ.มานพ เผาะช่วย ในฐานะผู้รับผิดชอบทำการสอบสวนในส่วนของคดีฟอกเงิน ตามคำสั่งที่ 631/2557 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2557 พร้อมด้วย พ.ท.ศรัทธา นิลกำแหง รองเสนาธิการกรมทหารราบที่ 11 ส่งมอบโฉนดที่ดิน 104 ฉบับ ทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ให้แก่นายนพดล อุเทน ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการงานคดี 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อนำไปตรวจสอบ

พ.ต.อ.มานพกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดทรัพย์สินจากเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หลังจากตรวจสอบแล้ววันนี้ทางพนักงานสอบสวนจะมอบโฉนดที่ดิน 104 ฉบับ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาทให้แก่ ปปง.ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาช่วงปี 2553 ขณะที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์มาดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. ที่คณะกรรมการได้มีมติให้อายัดไว้ชั่วคราวมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน

โดยโฉนดที่ดินส่วนใหญ่พบว่าเป็นที่ดินใน จ.นนทบุรี สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร ถือครองโดยเครือญาติของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ส่วนทรัพย์สินอื่น ทาง ปปง.จะรับมอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งจะทยอยส่งมอบมาให้ตรวจสอบและจัดทำบัญชีทรัพย์สินอีก 20,000 รายการ เช่น พระพุทธรูปโบราณ เครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ เพื่อตรวจสอบหาที่มาที่ไปของทรัพย์สิน

นายนพดลกล่าวว่า สำหรับโฉนดที่ดินที่เหลืออีก 32 ฉบับ จากการตรวจสอบของคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.พบว่ามีโฉนดที่ดินซึ่งได้มาก่อนวันที่ 1 ต.ค 2553 ก่อนที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์จะเข้าดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. ซึ่ง ปปง.ต้องตรวจสอบที่มาที่ไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีชื่อในทรัพย์สินหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทรัพย์สินนั้น สามารถนำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงต่อ ปปง.ถึงที่มาได้ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งทางเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่หากครบกำหนดการอายัดชั่วคราวภายใน 90 วันแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 2557 ยังไม่มีผู้ใดเข้าชี้แจง ปปง.จะส่งเรื่องให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินต่อไป

*****ฝากขัง“สุดาทิพย์” แอบอ้างสถาบันฯ

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ได้ควบคุมตัว น.ส.สุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/3 ซ.ทวีวัฒนา 49 ต.ศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ภรรยา พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล อดีต ผกก.ตม.จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 83 มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก

โดยคำร้องระบุว่า เมื่อระหว่างปี พ.ศ. 2545 - 23 พ.ย. 2557 ต่อเนื่องกัน กองกิจการในพระองค์ฯ ได้จัดซื้ออาหาร โดยมี น.ส.สุดาทิพย์ ผู้ต้องหานี้จัดหาอาหารน้ำพริกพร้อมเครื่องเคียง เช่น ผักสด ผักลวก ต่างๆ นำส่งกองกิจการในพระองค์ฯ กระทำติดต่อกันเรื่อยมา หากมีร้านค้าอื่นๆ ประสงค์ที่จะเข้ามาประมูลราคา ผู้ต้องหาก็จะพูดแอบอ้างเพื่อจะเป็นผู้จัดหาอาหาร จำพวกน้ำพริกนำส่งกองกิจการในพระองค์ฯ แต่เพียงรายเดียว การกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติที่ถูกต้อง คือจะต้องเปิดการประมู เพื่อให้มีการแข่งขันทางการค้าตามระเบียบทางราชการทั่วไป และเป็นลักษณะแอบอ้างเบื้องสูง หมิ่นสถาบันทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กองกิจการในพระองค์ฯ จึงได้มอบอำนาจให้ พล.อ.ต.วีระพันธ์ ภูวจินดา ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.สามเสน ให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.สุดาทิพย์ ม่วงนวล ผู้ต้องหากับพวก ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค. 2557 พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานี้ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2238/2557 ลงวันที่ 10 ธ.ค. 2557 ซึ่งผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับจริง

พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เหตุเกิดที่แขวงดุสิต เขตดุสิต กทม. มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จต้องสอบปากคำพยานบุคคลที่เหลืออีก 7 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้เป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 11-22 ธ.ค.นี้

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหากระทำผิดอาญาร้ายแรง และมีอัตราโทษสูง หากได้รับการประกันตัวไปเกรงจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

น.ส.สุดาทิพย์ ม่วงนวล ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อหาความผิดมีอัตราโทษสูง ทั้งผู้ต้องหาถูกจับตามหมายจับของศาล หากปล่อยชั่วคราว อาจหลบหนี เมื่อพิจารณาประกอบคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้ว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.สุดาทิพย์ ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน

***น้อง"เสี่ยโจ้" ปูดข่าวพี่อาจโดนอุ้ม

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) นายวรากร เจียรเสริมสิน หรือ โจ อายุ 41 ปี เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้แก่นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ อายุ 46 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด สหทวีค้าไม้ เลขที่103/49 ถนนนาเกลือ หมู่8 ตำบลบานา อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นกิจการอยู่หลายครั้ง จนถูกควบคุมตัวดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารตราประทับ จนถูกศาลปัตตานีพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และครอบครัวเจียรเสริมสิน พร้อมแนบหลักฐานประกอบด้วยสำเนาใบขอโอนเงินและใบเสร็จรับเงินลงวันที่21พ.ย.51และ23ก.ย.52 และใบบันทึกรายการโอนเงินทางเอทีเอ็ม ลงวันที่27 ม.ค.55 พร้อมด้วยภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งในหนังสือระบุด้วยว่ามีนายตำรวจท่านหนึ่งที่ถูกส่งมาช่วยงานตำรวจน้ำในจังหวัดปัตตานี และมีพฤติกรรมเป็นมาเฟีย โดยมอบให้แก่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.

นายวรากร กล่าวว่า กรณีที่พบรถเก๋ง ฮอนด้า แอคคอร์ด หมายเลขทะเบียน กง576 หนองคาย จอดทิ้งอยู่ริมถนน ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลานั้น ตนทราบจากอดีตภรรยา ว่ารถดังกล่าวเสียกะทันหัน และขอเงินไปซ่อมรถ แต่ตนไม่ได้ติดต่อเพื่อที่จะให้เงิน ส่วนกรณีการหายตัวไปของเสี่ยโจ้ ตนไม่คิดว่าเสี่ยโจ้จะหลบหนีไปต่างประเทศได้เพราะเสี่ยโจ้เรียนจบเพียงม.3 และไม่มีความรู้ด้านภาษา อีกทั้งยังติดหนี้สินจำนวนเงิน 400 ล้านบาท เพราะการที่จะออกนอกประเทศได้นั้น จะต้องมีหนังสือรับรองที่เป็นทางการ

นายวรากร กล่าวต่อว่า ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเสี่ยโจ้เป็นบุคคลกว้างขวาง และมีพรรคพวกเยอะ หากเทียบกับค่าหัวของเสี่ยโจ้แล้ว อาจจะมีบุคคลที่ต้องการเงิน มาแจ้งเบาะเเสเกี่ยวกับเสี่ยโจ้บ้างแล้ว แต่นี่ไม่มีเลย ส่วนทางครอบครัวของเสี่ยโจ้เอง ก็ไม่สามารถติดต่อ หรือได้รับการติดต่อจากเสี่ยโจ้ได้เลย จึงอยากจะขอร้องทุกๆหน่วยงานที่เกี่ยวในเรื่องนี้ หรือประชาชนทุกคน ที่พบเห็นหรือมีเบาะแสของเสี่ยโจ้ กรุณาแจ้งมาที่ตนโดนตรง แต่ตนกังวลว่าเสี่ยโจ้จะถูกอุ้มไปแล้ว ซึ่งในทางตรงกันข้าม ทุกคนในครอบครัวจะต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ถึงแม้ว่าการออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ จะทำให้ชีวิตไม่สงบสุข ตนก็ยังยืนยันที่จะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่ชาย ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร และยินดีที่จะให้ตรวจสอบทุกประการ ซึ่งที่ผ่านเคยโดนเจ้าหน้าที่ค้นบ้าน แล้วพบเอกสารการโอนเงิน ครั้งละไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท ประมาณ 3-4 ครั้ง ซึ่งตนไม่รู้ว่าโพยดังกล่าวมาอยู่ในบ้านได้อย่างไร เพราะตนก็ไม่ทราบว่าจะต้องเอาไปทำอะไร ซึ่งหลังจากนั้นตนและครอบครัวถูกข่มขู่และคุกคามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่ง ต่อมาชุดเอกสารการโอนเงินที่เจ้าหน้าที่พบ ถูกนำมารวมในสำนวนทางคดีได้อย่างไร หรืออาจจะเป็นเพราะนายตำรวจนายนี้ คือผู้ที่นำทหารเข้ามาบุกค้นบ้านพัก หรือเป็นเจ้าหน้าที่ๆถูกส่งมาจากนายตำรวจระดับผู้ใหญ่ส่งมา ให้ช่วยราชการตำรวจน้ำของปัตตานี

ส่วนกรณีน้ำมันเถื่อนที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าพี่ชายของตนมีความเกี่ยวข้องนั้น ส่วนตัวตนไม่ทราบว่าน้ำมันเถื่อนไม่เถื่อนดูยังไง เพราะที่ผ่านๆมา ตนได้ดูข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับน้ำมันที่นำมาในประเทศไทย ถ้าไม่ผ่านการเสียภาษีถือว่าเป็นน้ำมันเถื่อน หากว่าน้ำมันดังกล่าวอยู่ในน่านน้ำสากลจะถือว่าเถื่อนหรือไม่ อาทิเช่น น้ำมันอยู่ในน่านน้ำมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนิเซีย เขมร พวกเขาเหล่านั้นจะต้องเสียภาษีที่ใคร ซึ่งนี่คือความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้จงใจจะเปิดประเด็น
กำลังโหลดความคิดเห็น