เอเจนซีส์-2ผู้ต้องหาชาวพม่า คดีสังหารโหดนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า เขียนจดหมายถึง "อองซาน ซูจี" ขอความช่วยเหลือ พร้อมยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้น ด้านทนายความยอมรับสู้ยาก เหตุมีเวลาน้อย แถมพ่อแม่เหยื่อยังเชื่อมั่นการสืบสวนของตำรวจไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเวพิว หนึ่งในผู้ต้องหาคดีสังหารสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บนหาดทรายรี เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี วัย 21 ปี ได้เขียนจดหมายร้องเรียนถึง นางอองซาน ซูจี สตรีนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากที่ถูกจับกุมและกำลังถูกดำเนินคดี
เนื้อหาในจดหมายที่ส่งถึงนางอองซาน ซูจี มีใจความว่า เราน้อมบูชาต่อพระศรีรัตนตรัย บิดามารดา และครูบาอาจารย์ ความจริงแล้วเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย เราจึงเขียนจดหมายถึงคุณขณะถูกจำคุก เราไม่ได้พัวพันกับการก่ออาชญากรรมที่ว่านี้ เราไม่อยากติดคุกอีกต่อไป เราเชื่อว่าตัวคนฆ่าคงหนีออกนอกประเทศไปแล้ว เราคิดว่าการกักขังพวกเราคือความไม่ยุติธรรม เราต้องการความยุติธรรมและความเท่าเทียม
ตอนที่คุณกำลังอ่านจดหมายฉบับนี้ เราไม่ทราบจริงๆ ว่า คุณคิดอย่างไรกับเรา แต่หากเป็นไปได้ เราต้องการให้คุณช่วยเหลือพวกเรา และเราก็กำลังขอความช่วยเหลือจากคุณ
เราเป็นคนยากจน ที่เดินทางมาไทยเพื่อทำงานเก็บเงิน ซอลิน เพื่อนผมไม่มีพ่อ เขาต้องหาเลี้ยงแม่ที่กลายเป็นม่าย
ส่วนตัวผม (เวพิว) ต้องส่งเงินให้ย่า และพ่อแม่ ตอนแรกที่เราเดินทางมาถึงไทย เราต้องเผชิญความยากลำบากมากมาย เราไม่อยากทุกข์ยากเหมือนคนจน เราจึงพยายามขยันทำงานและส่งเงินกลับไปให้พ่อแม่เป็นประจำ เรามีความสุขมากที่ได้ทำแบบนั้น
แต่ตอนนี้ความหวังของเราต้องแตกสลาย เราเป็นห่วงพ่อแม่ ใครจะหาเลี้ยงพวกท่าน และเราคิดถึงพ่อแม่ทุกวัน เราได้แต่ร้องไห้คิดถึงพวกท่าน เราสวดมนต์แผ่เมตตาก่อนนอน โปรดขอพรให้พวกเขาหลุดพ้นจากคดีนี้ด้วย
ด้านนายนคร ชมพูชาติ ที่ปรึกษาสภาทนายความ ในฐานะหัวหน้าทีมทนาย 2 ผู้ต้องหา กล่าวว่า ฝ่ายโจทก์ไม่ได้แสดงรายชื่อพยานหรือถ้อยแถลงใดๆ ขณะที่ฝ่ายจำเลยต้องเผยรายชื่อพยานทั้งหมด และในเวลานี้ ฝ่ายจำเลยมีเอกสารความยาวเพียง 6 หน้าในการเดินเรื่องต่อศาล และไม่มีเวลามากพอสำหรับเตรียมตัวคัดค้านพยานฝ่ายโจทก์ โดยสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือฝ่ายจำเลยจะต้องเตรียมขึ้นศาล โดยที่ยังไม่ทราบว่าโจทก์เป็นใคร และตนจะเรียกใครมาเป็นพยาน
"นอกจากจำเลยเสียเปรียบในประเด็นที่ว่ามาแล้ว ทั้งสองยังถูกตอกย้ำ ภายหลังกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษเผยแพร่จดหมายของครอบครัว วิทเธอริดจ์ และมิลเลอร์ โดยพ่อแม่เหยื่อผู้เสียชีวิตได้แสดงความเชื่อมั่นต่อกระบวนการสืบสวนของตำรวจไทย กล่าวโดยสรุปแล้ว ทั้งสองครอบครัวเชื่อว่า สื่อมวลชนที่คอยแสดงความกังขาต่อการทำงานของตำรวจไทยเป็นฝ่ายผิด ขณะที่สกอตแลนด์ยาร์ดเป็นฝ่ายถูก"
ขณะที่แอนดี ฮอลล์ ที่ปรึกษาเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเข้าให้ความช่วยเหลือแก้ต่างให้จำเลย ระบุว่า เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอังกฤษชี้ว่า หากคดีนี้เป็นคดีอาญาในสหราชอาณาจักร การที่กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษช่วยเผยแพร่จดหมายของครอบครัวผู้เสียชีวิตในคดีเกาะเต่านั้นจะถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองครอบครัวไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของอัยการด้วยการเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีนี้ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในคดีฆาตกรรมชาวแคนาดา ลีโอ เดล ปินโต ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และคดีฆาตกรรมพลเมืองอังกฤษ วาเนสซา อาร์สกอตต์ และอดัม ลอยด์ ที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตเข้าร่วมเป็นโจทก์ ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถตรวจสอบเอกสารทั้งหมดในคดี และมีโอกาสได้ซักถามจำเลย ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกดำเนินคดีในทั้งสองคดีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเวพิว หนึ่งในผู้ต้องหาคดีสังหารสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บนหาดทรายรี เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี วัย 21 ปี ได้เขียนจดหมายร้องเรียนถึง นางอองซาน ซูจี สตรีนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากที่ถูกจับกุมและกำลังถูกดำเนินคดี
เนื้อหาในจดหมายที่ส่งถึงนางอองซาน ซูจี มีใจความว่า เราน้อมบูชาต่อพระศรีรัตนตรัย บิดามารดา และครูบาอาจารย์ ความจริงแล้วเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย เราจึงเขียนจดหมายถึงคุณขณะถูกจำคุก เราไม่ได้พัวพันกับการก่ออาชญากรรมที่ว่านี้ เราไม่อยากติดคุกอีกต่อไป เราเชื่อว่าตัวคนฆ่าคงหนีออกนอกประเทศไปแล้ว เราคิดว่าการกักขังพวกเราคือความไม่ยุติธรรม เราต้องการความยุติธรรมและความเท่าเทียม
ตอนที่คุณกำลังอ่านจดหมายฉบับนี้ เราไม่ทราบจริงๆ ว่า คุณคิดอย่างไรกับเรา แต่หากเป็นไปได้ เราต้องการให้คุณช่วยเหลือพวกเรา และเราก็กำลังขอความช่วยเหลือจากคุณ
เราเป็นคนยากจน ที่เดินทางมาไทยเพื่อทำงานเก็บเงิน ซอลิน เพื่อนผมไม่มีพ่อ เขาต้องหาเลี้ยงแม่ที่กลายเป็นม่าย
ส่วนตัวผม (เวพิว) ต้องส่งเงินให้ย่า และพ่อแม่ ตอนแรกที่เราเดินทางมาถึงไทย เราต้องเผชิญความยากลำบากมากมาย เราไม่อยากทุกข์ยากเหมือนคนจน เราจึงพยายามขยันทำงานและส่งเงินกลับไปให้พ่อแม่เป็นประจำ เรามีความสุขมากที่ได้ทำแบบนั้น
แต่ตอนนี้ความหวังของเราต้องแตกสลาย เราเป็นห่วงพ่อแม่ ใครจะหาเลี้ยงพวกท่าน และเราคิดถึงพ่อแม่ทุกวัน เราได้แต่ร้องไห้คิดถึงพวกท่าน เราสวดมนต์แผ่เมตตาก่อนนอน โปรดขอพรให้พวกเขาหลุดพ้นจากคดีนี้ด้วย
ด้านนายนคร ชมพูชาติ ที่ปรึกษาสภาทนายความ ในฐานะหัวหน้าทีมทนาย 2 ผู้ต้องหา กล่าวว่า ฝ่ายโจทก์ไม่ได้แสดงรายชื่อพยานหรือถ้อยแถลงใดๆ ขณะที่ฝ่ายจำเลยต้องเผยรายชื่อพยานทั้งหมด และในเวลานี้ ฝ่ายจำเลยมีเอกสารความยาวเพียง 6 หน้าในการเดินเรื่องต่อศาล และไม่มีเวลามากพอสำหรับเตรียมตัวคัดค้านพยานฝ่ายโจทก์ โดยสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือฝ่ายจำเลยจะต้องเตรียมขึ้นศาล โดยที่ยังไม่ทราบว่าโจทก์เป็นใคร และตนจะเรียกใครมาเป็นพยาน
"นอกจากจำเลยเสียเปรียบในประเด็นที่ว่ามาแล้ว ทั้งสองยังถูกตอกย้ำ ภายหลังกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษเผยแพร่จดหมายของครอบครัว วิทเธอริดจ์ และมิลเลอร์ โดยพ่อแม่เหยื่อผู้เสียชีวิตได้แสดงความเชื่อมั่นต่อกระบวนการสืบสวนของตำรวจไทย กล่าวโดยสรุปแล้ว ทั้งสองครอบครัวเชื่อว่า สื่อมวลชนที่คอยแสดงความกังขาต่อการทำงานของตำรวจไทยเป็นฝ่ายผิด ขณะที่สกอตแลนด์ยาร์ดเป็นฝ่ายถูก"
ขณะที่แอนดี ฮอลล์ ที่ปรึกษาเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเข้าให้ความช่วยเหลือแก้ต่างให้จำเลย ระบุว่า เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอังกฤษชี้ว่า หากคดีนี้เป็นคดีอาญาในสหราชอาณาจักร การที่กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษช่วยเผยแพร่จดหมายของครอบครัวผู้เสียชีวิตในคดีเกาะเต่านั้นจะถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองครอบครัวไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของอัยการด้วยการเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีนี้ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในคดีฆาตกรรมชาวแคนาดา ลีโอ เดล ปินโต ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และคดีฆาตกรรมพลเมืองอังกฤษ วาเนสซา อาร์สกอตต์ และอดัม ลอยด์ ที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตเข้าร่วมเป็นโจทก์ ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถตรวจสอบเอกสารทั้งหมดในคดี และมีโอกาสได้ซักถามจำเลย ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกดำเนินคดีในทั้งสองคดีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย
