วานนี้ (3 ธ.ค.) นายมลชัย จัสอรุณฉาย เจ้าของที่ดินริมถนนธนบุรี-ปากท่อ ได้เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาแก้ปัญหาที่ดินจำนวน 5 แปลง เนื้อที่ประมาณ 21 ไร่ ที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งถูกกรมทางหลวงเวนคืนอย่างไม่เป็นธรรม
นายมลชัย เปิดเผยว่าได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว เมื่อปี32 ตามโฉนดที่ดิน 5 ฉบับ ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด นครไทยสมุทร ซึ่งถือหุ้นร่วมกับลูกชาย โดยที่ดินดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแนวเขตการก่อสร้างถนน ต่อมากรมทางหลวงได้เวนคืนที่ดินดังกล่าว ระบุว่า เพื่อสร้างสถานีบริการแก๊สและน้ำมัน โดยจะให้เอกชนดำเนินการ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะผิดกฎหมายการเวนคืน ที่กำหนดให้เวนคือเพื่อสาธารณะประโยชน์ ต่อมาได้อ้างในชั้นศาลว่า เวนคืนที่ดิน เพื่อสร้างสำนักงานกรุงเทพมหานคร ซึ่งจนบัดนี้ผ่านมากว่า 20 ปี ยังไม่มีการก่อสร้าง หรือใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว
"ผมและบุตรชายได้ฟ้องต่อศาลปกครอง จนสุดท้ายศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ผมเป็นฝ่ายแพ้คดี เพราะเป็นการเวนคืนตามกฎหมาย ตามที่กรมทางหลวงอ้างว่า เพื่อสร้างสำนักงาน ซึ่งผิดจากข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์ในที่ดิน แม้จะผ่านมากว่า 20 ปีแล้วก็ตาม จนผมต้องถูกฟ้องร้องจากเจ้าหนี้ เนื่องจากดินที่แปลงดังกล่าวติดจำนองสถาบันการเงิน ถูกบังคับให้นำหลักทรัพย์เป็นที่ดินในต่างจังหวัดมาวางจำนองเพิ่มเติม 250 ไร่ จนมีหนี้สิน และไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ เป็นเหตุให้ถูกฟ้องล้มละลาย และถูกพิทักษ์ทรัพย์จนถึงปัจจุบัน อันเป็นผลมาจากเวนคืนที่ดินของกรมทางหลวง" นายมลชัย กล่าว
นายมลชัย กล่าวด้วยว่าตนได้ต่อสู้มาทุกหนทางแล้ว มานานกว่า 10 ปี จนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ตนและลูกชายไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้ว นอกจากวิงวอนขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยเหลือ เพราะมีอำนาจที่จะดำเนินการได้
" ที่ดินดังกล่าวซื้อมาจากเงินทองที่สะสมมาทั้งชีวิต ต้องมีสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะการกระทำของหน่วยงานของรัฐ เหมือนกรณีของยายไฮ ขันจันทา ที่ไม่ได้รับความเป็นธรม ซึ่งส่วนราชการก็ยอมคืนที่ดินให้ ที่ดินของผมจึงน่าจะทำได้เช่นเดียวกัน มีพล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่จะช่วยให้พ้นจากทุกข์ได้ เพื่อปลดเวรกรรมที่ส่วนราชการทำไว้กับประชาชน อย่าให้เกิดโศกนาฏกรรมที่รุนแรงอีกเลย" นายมลชัย ระบุ
นายมลชัย เปิดเผยว่าได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว เมื่อปี32 ตามโฉนดที่ดิน 5 ฉบับ ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด นครไทยสมุทร ซึ่งถือหุ้นร่วมกับลูกชาย โดยที่ดินดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแนวเขตการก่อสร้างถนน ต่อมากรมทางหลวงได้เวนคืนที่ดินดังกล่าว ระบุว่า เพื่อสร้างสถานีบริการแก๊สและน้ำมัน โดยจะให้เอกชนดำเนินการ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะผิดกฎหมายการเวนคืน ที่กำหนดให้เวนคือเพื่อสาธารณะประโยชน์ ต่อมาได้อ้างในชั้นศาลว่า เวนคืนที่ดิน เพื่อสร้างสำนักงานกรุงเทพมหานคร ซึ่งจนบัดนี้ผ่านมากว่า 20 ปี ยังไม่มีการก่อสร้าง หรือใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว
"ผมและบุตรชายได้ฟ้องต่อศาลปกครอง จนสุดท้ายศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ผมเป็นฝ่ายแพ้คดี เพราะเป็นการเวนคืนตามกฎหมาย ตามที่กรมทางหลวงอ้างว่า เพื่อสร้างสำนักงาน ซึ่งผิดจากข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์ในที่ดิน แม้จะผ่านมากว่า 20 ปีแล้วก็ตาม จนผมต้องถูกฟ้องร้องจากเจ้าหนี้ เนื่องจากดินที่แปลงดังกล่าวติดจำนองสถาบันการเงิน ถูกบังคับให้นำหลักทรัพย์เป็นที่ดินในต่างจังหวัดมาวางจำนองเพิ่มเติม 250 ไร่ จนมีหนี้สิน และไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ เป็นเหตุให้ถูกฟ้องล้มละลาย และถูกพิทักษ์ทรัพย์จนถึงปัจจุบัน อันเป็นผลมาจากเวนคืนที่ดินของกรมทางหลวง" นายมลชัย กล่าว
นายมลชัย กล่าวด้วยว่าตนได้ต่อสู้มาทุกหนทางแล้ว มานานกว่า 10 ปี จนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ตนและลูกชายไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้ว นอกจากวิงวอนขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยเหลือ เพราะมีอำนาจที่จะดำเนินการได้
" ที่ดินดังกล่าวซื้อมาจากเงินทองที่สะสมมาทั้งชีวิต ต้องมีสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะการกระทำของหน่วยงานของรัฐ เหมือนกรณีของยายไฮ ขันจันทา ที่ไม่ได้รับความเป็นธรม ซึ่งส่วนราชการก็ยอมคืนที่ดินให้ ที่ดินของผมจึงน่าจะทำได้เช่นเดียวกัน มีพล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่จะช่วยให้พ้นจากทุกข์ได้ เพื่อปลดเวรกรรมที่ส่วนราชการทำไว้กับประชาชน อย่าให้เกิดโศกนาฏกรรมที่รุนแรงอีกเลย" นายมลชัย ระบุ
