ยะลา - ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ยะลา เผยพบพื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกทำลายใน อ.ธารโต อ.เบตง จ.ยะลา กว่า 200 ไร่ แม้สวนป่าพระนามาภิไธยภาคใต้ พื้นที่ส่วนที่ 2 (ป่าสิริกิติ์) ก็ไม่เว้น
วันนี้ (8 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดยะลา ว่า ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ค่ายพญาลิไท จ.ยะลา ได้สรุปข้อมูลการเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกบุกรุก ในพื้นที่ อ.ธารโต และ อ.เบตง จ.ยะลา หลังจากที่ พล.ต.ต.วิชิต ปักษา ผบก.ตชด.ภาค 4 พล.ต.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผบ.กกล.ทพ.จชต. พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล ผกก.ตชด.44 ได้สั่งการให้ ร.ต.ต.อรุณ กุลกัลยา รอง สว.(ป.)กก.ตชด.41/รอง หน.ชปข.ฉก.ตชด.44
สนธิกำลังร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 สภ.อัยเยอร์เวง สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 สาขานราธิวาส และเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองเบตง เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.4 (บันนังสตา) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.7 (จันทรัตน์) เจ้าหน้าที่ สายตรวจกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัยเยอร์เวง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ปทส. เจ้าหน้าที่ตำรวจร้อย ตชด.445 เบตง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฉก.ตชด.44 ออกปฏิบัติการพิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคล บุคคลที่เข้าไปลักลอบตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำความผิดว่าด้วยกฎหมายป่าไม้ ในเขตป่าไม้ถาวร ป่าต้นน้ำลำธาร แหล่งกำเนิดน้ำเนื่องจาก ฉก.ตชด.44 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบตัดไม้ทำลายป่าไม้สมบูรณ์ เผาป่าบนภูเขาสูง ต้นน้ำลำธาร ท้องที่บ้านนากอ บ้านไอปาเซ บ้านอัยเยอร์ควีน ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา จำนวนมากหลายจุด
คณะเจ้าหน้าจึงได้ร่วมกันวางแผนในการปฏิบัติการที่นิคมสร้างตนเองเบตง แล้วจึงได้ร่วมกันออกเดินทางไปตรวจโดยเดินเท้าไปในพื้นที่ป่าไม้จากนิคมสร้างตนเองเบตง-กลุ่มบ้านลูมู หมู่บ้านย่อยบ้านอัยเยอร์ควีน หมู่ที่ 8 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันเดินเท้าไปบนภูเขาสูง ผ่านสวนยางพารา ผ่านพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายเก่า-ใหม่จำนวนหลายแปลง แล้วเดินเท้าขึ้นไปตามแนวภูเขาสูง มองเห็นพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์กำลังถูกทำลาย คณะเจ้าหน้าที่เดินเท้าถึงพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์กำลังถูกลักลอบทำลายจำนวนมาก ความสูงจากระดับทะเลปานกลางตั้งแต่ 600-1,053 เมตร
ซึ่งจากการตรวจโดยละเอียดพบต้นไม้ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ถูกตัดโค่นด้วยเครื่องโซ่เลื่อยยนต์ ต้นไม้ขนาดเล็ก ไม้ไผ่ ไม้พื้นล่าง วัชพืช ถูกตัดฟัน แผ้วถางด้วยมีดพร้า ถูกลักลอบทำลายเป็นบริเวณกว้าง แต่แนวเชิงเขาถึงแนวสันเขาสูง บางแปลงถูกเผาทำลายทั้งแปลง คาดว่าจะปลูกต้นยางพารา พบร่องรอยช้างป่า เสือ หมูป่า เก้ง ชะนี นกเงือก และสัตว์ป่าชนิดอื่นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าไปในป่าเป็นภูเขาสูงระยะทางไกลกว่าจะเข้าถึงพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลาย กลุ่มคนที่เข้าไปลักลอบตัดไม้ทำลายป่าหลบหนีเสียก่อน ตรวจยึดเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ และอุปกรณ์ตัดไม้ทำลายป่าได้จำนวนมาก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจวัดเนื้อที่ป่าไม้ถูกทำลายเสียหายด้วยเครื่องตรวจจับพิกัดดาวเทียม (GPS) ตรวจพบพื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลายจำนวนมาก และตรวจยึดคืนมาได้ ดังนี้ จุดที่ 1 ท้องที่หมู่บ้านเปาะวอ หมู่ที่ 9 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ตรวจพบพื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลาย จำนวน 5 แปลง พื้นที่ป่าไม้เสียหาย จำนวน 54 ไร่ รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 8,008,625 บาท จุดที่ 2 ท้องที่หมู่บ้านลูมู หมู่ที่ 8 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ตรวจพบพื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลาย จำนวน 5 แปลง พื้นที่ป่าไม้เสียหาย จำนวน 121 ไร่ รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 17,084,964 บาท
จุดที่ 3 ท้องที่หมู่บ้านซอยมาเล หมู่ที่ 8 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ตรวจพบพื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลาย จำนวน 2 แปลง พื้นที่ป่าไม้เสียหาย จำนวน 11 ไร่ รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 1,751,625 บาท จุดที่ 4 ท้องที่หมู่บ้านไอปาเซ หมู่ที่ 2 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ตรวจพบพื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลาย จำนวน 2 แปลง พื้นที่ป่าไม้เสียหาย จำนวน 21 ไร่ รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 3,180,750 บาท จุดที่ 5 ท้องที่หมู่บ้านปะเด็งใน หมู่ที่ 4 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา ตรวจพบพื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลาย จำนวน 3 แปลง พื้นที่ป่าไม้เสียหาย จำนวน 30 ไร่ รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงิน 4,045,875 บาท
ทั้งนี้ พื้นที่เสียหายอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร เขตป่าสงวนต้นน้ำนิคม และอยู่ในแนวเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า สวนป่าพระนามาภิไธยภาคใต้ พื้นที่ส่วนที่ 2 (ป่าสิริกิติ์) เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธาร แม่น้ำปัตตานี ทะเลสาบน้ำเขื่อนบางลาง และเขื่อนปัตตานีต้นไม้มีค่าขนาดเล็ก-ใหญ่ถูกตัดโค่นล้มแตกหักถูกเผาเสียหายอยู่ในพื้นที่ในป่าต้นน้ำลำธาร เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ตรวจชนิด ขนาด ปริมาตร และไม่ได้ตรวจยึดไม้คาตอดังกล่าวแต่อย่างใด ปล่อยให้ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุให้ผุพังไปตามธรรมชาติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบผู้หนึ่งผู้ใดในที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียง จึงไม่ทราบว่าพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายนี้เป็นของผู้ใด และไม่พบอุปกรณ์ใดๆ ในที่เกิดเหตุดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายแสดง “คืนป่า ให้พ่อ แม่ แห่งแผ่นดิน” แสดงการตรวจสอบ/ตรวจยึดไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยกล่าวหาว่าผู้ที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่ากระทำความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มาตรา 15 ฐาน ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปหาประโยชน์ ยึดถือ ครอบครองปลูกสร้าง ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินหรือทำให้เป็นอันตรายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในที่ดินภายในเขตของนิคม
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบว่าในพื้นที่ “โครงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า สวนป่าพระนามาภิไธยภาคใต้ พื้นที่ส่วนที่ 2 (ป่าสิริกิติ์)” หรือ “ป่าฮาลาบาลา” มีพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกบุกรุกทำลายในบริเวณกลางป่าอีกจำนวนมาก