ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้บัญชาการทหารมณฑลทหารบกที่ 42 ทุบโต๊ะใช้กฎอัยการศึกแก้ปัญหานายทุนบุกรุกพื้นที่สวนป่าสิริกิติ์ (ป่าผาดำ) หลังได้รับเรื่องมีกลุ่มนายทุนเข้าทำการบุกรุก กำหนดแนวทางแก้ปัญหา 4 ขั้นตอน ขู่หากมีการฝ่าฝืนอีกเตรียมถูกคุมคุมตัว 7 วันตามกฎอัยการศึก
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่ห้องประชุมมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.มนัส คงแป้น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 และผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมมณฑลททหารบกที่ 42 เรียกประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ายังมีกลุ่มนายทุน และชาวบ้านเข้าไปบุกรุกสวนป่าพระนามาภิไธยภาคใต้ ส่วนที่ 1 สวนป่าสิริกิติ์ (ป่าผาดำ) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่จังหวัดสงขลา อัยการจังหวัดสงขลา นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่มีการบุกรุก และ ผู้แทนประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ เข้าร่วมประชุม
พล.ต.มนัส คงแป้น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่สวนป่าพระนามาภิไธยภาคใต้ ส่วนที่ 1 สวนป่าสิริกิติ์ (ป่าผาดำ) ซึ่งเป็นส่วนป่าที่ได้ประกาศเพื่อเป็นพระเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในโอกาสเจริญพระชนพรรษา 60 พรรษา เมื่อปี 2535 ซึ่งสวนป่าดังกล่าวถูกชาวบ้าน และกลุ่มนามทุนบุกรุกเรื่อยมา ทั้งๆ ที่ภาครัฐได้พยายามแก้ไขปัญหาการบุกรุกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมในลักษณะสั่งการภายใต้กฎหมายพิเศษ ใช้อำนาจของกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์มณฑลทหารบกที่ 42 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้ มาใช้ในการแก้ไขปัญหา โดยใช้อำนาจในการบูรณาการสั่งการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการแก้ปัญหาการบุกรุกสวนป่าฯ ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิ โดย มทบ.42 ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาไว้ 4 ขั้นตอน คือ 1.) เร่งกำหนดแนวเขตสวนป่าฯ และแจ้งให้ชาวบ้านผู้บุกรุกได้ทราบ และให้ออกจากพื้นที่ป่าฯ ภายในเวลาที่กำหนด 2.) เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่ ในพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่า เพื่อทำความเข้าใจและแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ทราบ 3.) จัดชุดกำลังไปเชิญกลุ่มนายกทุน และผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ป่าฯ ยกเว้นชาวบ้านที่เข้าไปถือครองและได้รับการผ่อนผันให้สามารถอยู่ทำกินในป่าได้ ตามติ ครม. ที่ระบุให้ผ่อนผันให้กับผู้ที่เข้ามาครอบครองทำกินก่อน ปี 2541 และ 4.) ดำเนินการขุดตัดทำลายถนนที่กลุ่มนายทุน และชาวบ้านทำไว้เพื่อเข้าไปในพื้นที่ป่าฯ
ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 เปิดเผยต่อไปอีกว่า เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหา เสร็จสิ้นโดยเร็ว มทบ.42 จึงอาศัยอำนาจกฎอัยการศึก กำหนดแนวทางปฏิบัติ และห้วงระยะเวลาดำเนินการ ดังนี้
1. ระหว่างวันที่ 10 -20 พ.ย. 57 ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่กำหนดแนวเขต สวนป่าฯ ที่ชัดเจน ตามที่ได้ประกาศเป็นสวนป่าฯไว้เมื่อปี 2535 และทำเครื่องหมายให้ชาวบ้านได้ทราบอย่างชัดเจน
2.วันที่ 12 พ.ย.57 กำหนดเชิญนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ 25 หมู่บ้าน ใน 4 อำเภอ ที่พบมีการบุกรุกสวนป่าฯ มาทำความเข้าใจ ชี้แจ้งแนวทางปฏิบัติ ตามมาตรการกฎอัยการศึก ในการให้ชาวบ้านผู้บุกรุกสวนป่าฯ ออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งให้ไปประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ทราบ
3. วันที่ 24 พ.ย. 57 กำหนดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดเตรียมข้อมูลชาวบ้านและจำนวนพื้นที่ที่ได้รับการผ่อนผันให้สามารถอยู่ทำกิน และเตรียมกำลัง ในการเชิญผู้บุกรุกสวนป่าฯ ออกจากพื้นที่ป่าฯ
4. วันที่ 26 พ.ย.57 เริ่มมาตรการใช้ชุดกำลังผสมทหาร ตำรวจ อาสาสมัครรักษาดินแดน และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลงพื้นที่เชิญผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ป่าฯ รวมถึงผู้ที่ได้รับการผ่อนผันแต่มีพฤติกรรมบุกรุกเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่ไม่ยินยอมออกจากพื้นที่จะใช้กฎอัยการศึกษาในการเข้าควบคุมตัว ไม่เกิน 7 วัน เพื่อทำความเข้าใจ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ใช้เวลาดำเนินการ 13 วัน จนถึงวันที่ 8 ธ.ค.57
5.วันที่ 9 ธ.ค.57 ประชุมสรุปผลการดำเนินงาน
มาตรการตามขั้นตอน และห้วงเวลาดังกล่าวข้างต้น มทบ.42 ยังจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ขุด ตัดทำลายถนน หรือเส้นทางที่กลุ่มผู้บุกรุกสวนป่าฯ ทำไว้ เพื่อไม่ให้ใช้เป็นเส้นทางเข้าพื้นที่ป่าได้อีก อีกทั้งยังจะจัดชุดลาดตระเวนในการป้องกัน ดูแลรักษาป่าอย่างเข้มงวดต่อไปอีกด้วย