เกาะติด คดีขุดรากถอนโคนมาเฟียสีกากีอ้างเบื้องสูง “อึ้ง”ค้นบ้านพัก “พงศ์พัฒน์ - โกวิท”เจอขุมทรัพย์นับพันล้าน ธนบัตรดอลล่าร์ซุกไว้เป็นฟ่อน ทองคำแท่ง-รูปพรรณ กับวัตถุโบราณล้ำค่าเพียบ แฉแค่นายดาบคนขับรถมีสมบัติอย่างต่ำคนละ 50 ล้าน สารภาพสิ้นร่วมรับส่วยน้ำมันเถื่อนภาคใต้เดือนละ 15 ล้าน เตรียมยัดคุก-ยึดทรัพย์ปิดตำนานเจ้าพ่อสอบสวนกลาง
ความคืบหน้าคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.กับพวกที่ตกเป็นผู้ต้องหาความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลอาญามาตรา 112 และเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ มาตรา 148 และเรียกรับผลประโยชน์ มาตรา 149 และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีรายงานว่าช่วงสายวันที่ 22 พ.ย.นี้มีภาพพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กำลังถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง บุคคลที่ปรากฏในภาพคือพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่น 31 ส่วนพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ สวมเสื้อยืดสีขาวนั่งอยู่ข้างๆลักษณะเคร่งเครียดและอิดโรย นอกจากมีนายตำรวจระดับสูงกำลังสอบปากคำแล้วยังมีกำลังทหารกระจายอยู่รอบๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของการดำเนินคดีนั้นพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และผู้ต้องหาทุกคนให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาทั้งนี้สืบเนื่องจากจำนนต่อพยานหลักฐานที่ถูกค้นพบในบ้านพักส่วนใหญ่เป็นรายการทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ที่ไม่สามารถอธิบายถึงความเป็นไปได้เช่น 2 นายดาบตำรวจที่เป็นคนขับรถประจำตัวพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์และพล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก.มีทรัพย์สินกว่า 50 ล้านบาท
ส่วนอดีต ผบช.ก ค้นคฤหาสน์บ้านพักพบเงินสดเป็นธนบัตรดอลล่าห์รวมทั้งสิ้นหลายสิบล้านดอลล่าร์กับทองคำแท่ง ทองรูปพรรณอีกจำนวนมาก
เช่นเดียวกับพล.ต.ต.โกวิท ที่พบว่ามีการซุกซ่อนธนบัตรและทองคำในบ้านพักจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังพบวัตถุโบราณล้ำค่าอีกจำนวนหนึ่งประเมินว่าทรัพย์สินทั้งหมดนั้นมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาทเลยทีเดียว
สำหรับคำสารภาพที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็คือในส่วนของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจน้ำยอมรับว่า รับส่วยจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนช่วงปีที่ผ่านมาประมาณเดือนละ 2-3 ล้านบาทแต่หลังเคลียร์กันเรียบร้อยทุกเจ้ามีรายได้ตกเดือนละ 12-15 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวแบ่งให้ใครในเครือข่ายอิทธิพลตำรวจสอบสวนกลางในอดีตฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูลทั้งหมดแล้ว
มีรายงานด้วยว่าผลการเอาจริงเอาจังกับขบวนการอิทธิพล โดยแอบอ้างเบื้องสูงโดยไม่มีใครกล้าแตะต้องมาเป็นเวลานั้น นับเป็นผลงานของทางการไทยที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะมีบุคคลสำคัญเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก อีกทั้งยังนับว่านี่คือการเปลี่ยนโฉมสังคมไทยกันอย่างแท้จริง เพราะทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาแม้คนไทยจะรังเกียจการทุจริตคอรัปชัน อีกทั้งรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองทุกพรรค ก็ให้สัญญาจะปราบปรามขบวนการทุจริต แต่ในที่สุดเป็นเพียงลมปากกับนโยบายสวยหรูโดยไม่มีการเอาจริงเอาจังแม้แต่ครั้งเดียว ผลของการขุดรากถอนโคนขบวนการแอบอ้างเบื้องสูงในแวดวงสีกากีแก๊งนี้ จึงนับเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาลทหาร เพราะเชื่อว่ายังมี “เหลือบ”ที่แอบอ้างบุคคลสำคัญหากินในหน่วยงานอื่นกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอดีต ผบช.ก.กับพวกนั้นขั้นตอนต่อจากนี้เมื่อสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ แล้วจะมีความผิดฐานฟอกเงินเป็นการปิดท้ายเพื่อยึดทรัพย์ทั้งหมดตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
สำหรับประวัติพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผบช.ก.เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2499 ที่ตำบลบ้านบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นบุตรนายประวัติ และนางยุพิน ฉายาพันธ์ จบระดับประถมการศึกษาที่โรงเรียนวัดใหญ่บ้านบ่อ มัธยมศึกษาจากโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15 (ตท.15) โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 31 ร่วมรุ่นเดียวกับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตรงพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 เป็นต้น จบปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังผ่านการอบรมหลักสูตรทั้งในและต่างประเทศอย่างมากมายอาทิหลักสูตรผู้บริหารชั้นสูงของตำรวจ หลักสูตรสืบสวนหน่วยสืบราชการลับจากมหาวิทยาลัยสิบราชการลับสหรัฐอเมริกา หลักสูตรด้านการบริหารตำรวจจากวิทยาลัยตำรวจแคนนาดา เป็นต้น
เส้นทางราชการนายตำรวจผู้นี้เคยเป็นสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลท่าพระ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางขุนนท์ ผกก.1 กองปราบปราม ผกก.2 กองปราบปราม ผกก.ปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม รองผบก.กองปราบปราม รักษาราชการแทนผู้การกองปราบปราม ผู้บังคับการกองปราบปราม ก่อนขยับเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อปีพ.ศ.2553 ซึ่งในขณะนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางเพราะเส้นทางการเติบโตของนายตำรวจผู้นี้แหกกติกา ระเบียบแบบแผนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด
เช่นเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2550 ตอนที่ถูกดวางตัวเป็น ผบก.ป.แต่ไม่ครบหลักเกณฑ์เนื่องจากเป็นรองผบก.ไม่ถึง 4 ปี และยังไม่ได้เข้าโรงเรียนผู้บังคับการ อีกด้วยแต่มีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ให้ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ เส้นทางการเข้าสู่ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง”ของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ยังคืบต่อไปอย่างไม่หยุดโดยหลังจากนั้นอยู่ในตำแหน่งผบก.ป.เพียงปีเดียวก็ขยับขึ้นเป็นรองผบช.ก. ได้เพียง 6 เดือนก็ผงาดเป็นรักษาการณ์ ผบช.ก.และเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง”อย่างเต็มภาคภูมิเมื่อพ.ศ.2553 กระทั่งมาถูกคำสั่งฟ้าผ่าตอนตี 4 ดังกล่าว
ส่วนผลงานสำคัญคือจับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ "กำนันเป๊าะ"เมื่อปีก่อน และผลงานในอดีตมีเช่นทลายแก๊งปลอมดอลล่าร์ที่คนร้ายใช้เทคโนโลยีสูงสุดสามารถปลอมธนบัตรได้เหมือนจริงผู้ต้องหาคือนายอาซินลี เจ้าของฉายา “คิงคอง”เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางจำนวนมากเช่นแท่นพิมพ์ ดอลล่าร์ปลอมจนสหรัฐฯยกให้เป็นคดีประวัติศาสตร์มีผลงานแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศาสตร์หน่วยสืบราชการลับ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จับนายโรแลนด์ ลอสซิกมอล หัวหน้าเครือข่ายยาเสพติด 3 ทวีปทั้งอเมริกา ยุโรปและเอเชีย ระดับโลกยึดทรัพย์สินได้ราว 800 ล้านบาท ปี 2530 ขณะยังมียศเป็นร.ต.อ.จับกุมนักเคมีชาวไต้หวัน ร่วมกับนายทุนผลิตยาบ้า ยึดหัวเชื้อเพื่อการผลิตจำนวนมาก ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งนายตำรวจยศพ.ต.อ.ระดับหัวหน้าจังหวัด ระดับสารวัตรใหญ่ ศุลกากรจังหวัดในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและละเว้นการปฏิบัติจับกุมนายอเล็กซานเดอร์จอห์น วินสโตน หรืออเล็กซ์ อายุ 36 ปีชาวอังกฤษฐานส่งอีเมล์ข่มขู่ผู้บริหารเทสโกโลตัส เรียกเงิน 140 ล้านบาทหากไม่ได้จะนำยาพิษผสมอาหารที่ห้างโลตัสฯวางจำหน่าย คดีนี้มีการประสานกับหน่วยสก็อตแลนด์ยาร์ด ประเทศสหราชอาณาจักรจนสามารถปิดคดีได้
สมัยเป็น ผกก.1 ป.จับนายยุทธนา นึกหมาย นายสุชาติ สิทธิทองหลวง ผู้ต้องหาปล้นทองคำหนักกว่า 500 บาทเหตุเกิดร้านทองนวนคร โดยก่อนหน้าตำรวจท้องที่จับแพะเมื่อมีการร้องเรียนจึงรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่และสามารถจับผู้ต้องหาตัวจริงได้ คดีฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิงรายแรกของประเทศไทย กรณีนางณัฐกานต์ อนะมาน วางแผนจดทะเบียนกับพล.อ.ต.กิตติพัฒน์ เมืองโคตร (เมื่อปีพ.ศ.2543) และนายอรุณ ครัวกลาง (เมื่อปี 2544) ทำประกันชีวิตวงเงิน 40 ล้านบาทผู้ต้องหาลอบวางยาพิษสามีเพื่อเอาเงินประกันต่อมาชุดสืบสวนของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นำหลักการวิเคราะห์พฤติกรรมซึ่งเป็นวิชาการสืบสวนสมัยใหม่จนนางณัฐกานต์ รับสารภาพคดีนี้ศาลตัดสินจำคุกผู้ต้องหา 25 ปี นอกจากนั้นยังมีคดีฉ้อโกงบริษัทประกันภัย จับกุมนายพิเชษฐ์ พรตันติพงศ์ อายุ 38 ปีข้อหาร่วมกันฉ้อโกกงโดยผู้ต้อวงหารายนี้จะตัดนิ้วมือตัวเองเพื่อขอรับเงินประกันชีวิตที่ทำไว้วงเงิน 16 ล้านบาทในกรณีสูญเสียอวัยวะ คดีนายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท ผู้ก่อการร้ายชาวรัสเซีย ในข้อหาร่วมกันจัดหาและรวบรวมทรัพย์สินเพื่อการก่อการร้าย โดยนายวิคเตอร์ เป็นหัวหน้าแก๊งค้าอาวุธสงครามมีเครือข่ายทั่วโลก เป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และสหรัฐอเมริกาต้องการตัวมากที่สุดแต่หลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทยจนถูกจับในที่สุด
อีกคดีที่อื้อฉาวสะท้านวงการสีกากีไทยก็คือเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 ขณะทำหน้าที่รองผบช.ก.ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการประกวดราคา ตามคำสั่งกรมบัญชีกลาง ที่ สมพ./ก.252/2550 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2550 ประกอบด้วยพล.ต.ท.- กับพวกรวม 6 คนโดยกล่าวหาว่า ”ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับผลประโยชน์ กรณีกระทำผิดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ประมวลกฎหมายอาญาในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยเริ่มจากการสืบสวนข้อมูลและพฤติการณ์ในการกระทำผิดของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อรถ จยย.สายตรวจขนาด 200 ซีซี.จำนวน 19,147 คัน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2550 ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการดำเนินการของคณะกรรมการประกวดราคา มีลักษณะไม่เป็นธรรม ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ เอื้อประโยชยน์ให้กับฝ่ายตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้บริษัทเอกชนผู้ชนะการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างได้รับผลประโยชน์ ทำให้ราชการเสียหายจึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผบช.ก.ยังมีชื่อทางด้านนักวิชาการด้วยเคยสวมบทบาทเป็นอาจารย์บรรยายให้กับนักศึกษาระดับปริญญาเอกคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และเขียนตำรา-เอกสารทางวิชาการตำรวจแบบแผนใหม่อีกหลายเล่มเช่นความรู้เบื้องต้นการเฝ้าสังเกตการณ์ และสะกดรอย พ.ศ.2536 ความรู้เบื้องต้นการสืบสวนอาชญากรรม พ.ศ.2537 วิธีปฏิบัติภาคสนามสำหรับเจ้าหน้าที่เมื่อรับแจ้งเหตุ พ.ศ.2539 และอีกจำนวนมาก
นั่นคือด้านสว่างที่สังคมทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่อีกมุมหนึ่งก็มีกระแสข่าวเข้ามาเป็นระยะๆเป็นต้นว่า มีตำรวจกลุ่มหนึ่งแอบอ้างบุคคลสำคัญสร้างอิทธิพลให้กับตนกับพวกพ้อง จนหน่วยงานดังกล่าวประหนึ่งเป็นรัฐอิสระไม่มีใครกำกับดูแลได้ นอกจากนั้นยังไปพัวพันกับผลประโยชน์ต่างๆมากมายอาทิบ่อนพนันย่านถนนพระรามา 9 ในอดีตหรือแม้แต่ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งต่อมากลายเป็นภัยคุกคามต่อประเทศเมื่อหน่วยข่าวกรองมีหลักฐานเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายเพื่อสร้างความวุ่นวายเปิดช่องให้สะดวกต่อการทำผิดกฏหมาย.
ความคืบหน้าคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.กับพวกที่ตกเป็นผู้ต้องหาความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลอาญามาตรา 112 และเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ มาตรา 148 และเรียกรับผลประโยชน์ มาตรา 149 และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีรายงานว่าช่วงสายวันที่ 22 พ.ย.นี้มีภาพพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กำลังถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง บุคคลที่ปรากฏในภาพคือพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่น 31 ส่วนพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ สวมเสื้อยืดสีขาวนั่งอยู่ข้างๆลักษณะเคร่งเครียดและอิดโรย นอกจากมีนายตำรวจระดับสูงกำลังสอบปากคำแล้วยังมีกำลังทหารกระจายอยู่รอบๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของการดำเนินคดีนั้นพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และผู้ต้องหาทุกคนให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาทั้งนี้สืบเนื่องจากจำนนต่อพยานหลักฐานที่ถูกค้นพบในบ้านพักส่วนใหญ่เป็นรายการทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ที่ไม่สามารถอธิบายถึงความเป็นไปได้เช่น 2 นายดาบตำรวจที่เป็นคนขับรถประจำตัวพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์และพล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก.มีทรัพย์สินกว่า 50 ล้านบาท
ส่วนอดีต ผบช.ก ค้นคฤหาสน์บ้านพักพบเงินสดเป็นธนบัตรดอลล่าห์รวมทั้งสิ้นหลายสิบล้านดอลล่าร์กับทองคำแท่ง ทองรูปพรรณอีกจำนวนมาก
เช่นเดียวกับพล.ต.ต.โกวิท ที่พบว่ามีการซุกซ่อนธนบัตรและทองคำในบ้านพักจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังพบวัตถุโบราณล้ำค่าอีกจำนวนหนึ่งประเมินว่าทรัพย์สินทั้งหมดนั้นมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาทเลยทีเดียว
สำหรับคำสารภาพที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็คือในส่วนของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจน้ำยอมรับว่า รับส่วยจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนช่วงปีที่ผ่านมาประมาณเดือนละ 2-3 ล้านบาทแต่หลังเคลียร์กันเรียบร้อยทุกเจ้ามีรายได้ตกเดือนละ 12-15 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวแบ่งให้ใครในเครือข่ายอิทธิพลตำรวจสอบสวนกลางในอดีตฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูลทั้งหมดแล้ว
มีรายงานด้วยว่าผลการเอาจริงเอาจังกับขบวนการอิทธิพล โดยแอบอ้างเบื้องสูงโดยไม่มีใครกล้าแตะต้องมาเป็นเวลานั้น นับเป็นผลงานของทางการไทยที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะมีบุคคลสำคัญเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก อีกทั้งยังนับว่านี่คือการเปลี่ยนโฉมสังคมไทยกันอย่างแท้จริง เพราะทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาแม้คนไทยจะรังเกียจการทุจริตคอรัปชัน อีกทั้งรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองทุกพรรค ก็ให้สัญญาจะปราบปรามขบวนการทุจริต แต่ในที่สุดเป็นเพียงลมปากกับนโยบายสวยหรูโดยไม่มีการเอาจริงเอาจังแม้แต่ครั้งเดียว ผลของการขุดรากถอนโคนขบวนการแอบอ้างเบื้องสูงในแวดวงสีกากีแก๊งนี้ จึงนับเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาลทหาร เพราะเชื่อว่ายังมี “เหลือบ”ที่แอบอ้างบุคคลสำคัญหากินในหน่วยงานอื่นกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอดีต ผบช.ก.กับพวกนั้นขั้นตอนต่อจากนี้เมื่อสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ แล้วจะมีความผิดฐานฟอกเงินเป็นการปิดท้ายเพื่อยึดทรัพย์ทั้งหมดตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
สำหรับประวัติพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผบช.ก.เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2499 ที่ตำบลบ้านบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นบุตรนายประวัติ และนางยุพิน ฉายาพันธ์ จบระดับประถมการศึกษาที่โรงเรียนวัดใหญ่บ้านบ่อ มัธยมศึกษาจากโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15 (ตท.15) โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 31 ร่วมรุ่นเดียวกับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตรงพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 เป็นต้น จบปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังผ่านการอบรมหลักสูตรทั้งในและต่างประเทศอย่างมากมายอาทิหลักสูตรผู้บริหารชั้นสูงของตำรวจ หลักสูตรสืบสวนหน่วยสืบราชการลับจากมหาวิทยาลัยสิบราชการลับสหรัฐอเมริกา หลักสูตรด้านการบริหารตำรวจจากวิทยาลัยตำรวจแคนนาดา เป็นต้น
เส้นทางราชการนายตำรวจผู้นี้เคยเป็นสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลท่าพระ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางขุนนท์ ผกก.1 กองปราบปราม ผกก.2 กองปราบปราม ผกก.ปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม รองผบก.กองปราบปราม รักษาราชการแทนผู้การกองปราบปราม ผู้บังคับการกองปราบปราม ก่อนขยับเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อปีพ.ศ.2553 ซึ่งในขณะนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางเพราะเส้นทางการเติบโตของนายตำรวจผู้นี้แหกกติกา ระเบียบแบบแผนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด
เช่นเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2550 ตอนที่ถูกดวางตัวเป็น ผบก.ป.แต่ไม่ครบหลักเกณฑ์เนื่องจากเป็นรองผบก.ไม่ถึง 4 ปี และยังไม่ได้เข้าโรงเรียนผู้บังคับการ อีกด้วยแต่มีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ให้ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ เส้นทางการเข้าสู่ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง”ของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ยังคืบต่อไปอย่างไม่หยุดโดยหลังจากนั้นอยู่ในตำแหน่งผบก.ป.เพียงปีเดียวก็ขยับขึ้นเป็นรองผบช.ก. ได้เพียง 6 เดือนก็ผงาดเป็นรักษาการณ์ ผบช.ก.และเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง”อย่างเต็มภาคภูมิเมื่อพ.ศ.2553 กระทั่งมาถูกคำสั่งฟ้าผ่าตอนตี 4 ดังกล่าว
ส่วนผลงานสำคัญคือจับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ "กำนันเป๊าะ"เมื่อปีก่อน และผลงานในอดีตมีเช่นทลายแก๊งปลอมดอลล่าร์ที่คนร้ายใช้เทคโนโลยีสูงสุดสามารถปลอมธนบัตรได้เหมือนจริงผู้ต้องหาคือนายอาซินลี เจ้าของฉายา “คิงคอง”เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางจำนวนมากเช่นแท่นพิมพ์ ดอลล่าร์ปลอมจนสหรัฐฯยกให้เป็นคดีประวัติศาสตร์มีผลงานแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศาสตร์หน่วยสืบราชการลับ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จับนายโรแลนด์ ลอสซิกมอล หัวหน้าเครือข่ายยาเสพติด 3 ทวีปทั้งอเมริกา ยุโรปและเอเชีย ระดับโลกยึดทรัพย์สินได้ราว 800 ล้านบาท ปี 2530 ขณะยังมียศเป็นร.ต.อ.จับกุมนักเคมีชาวไต้หวัน ร่วมกับนายทุนผลิตยาบ้า ยึดหัวเชื้อเพื่อการผลิตจำนวนมาก ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งนายตำรวจยศพ.ต.อ.ระดับหัวหน้าจังหวัด ระดับสารวัตรใหญ่ ศุลกากรจังหวัดในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและละเว้นการปฏิบัติจับกุมนายอเล็กซานเดอร์จอห์น วินสโตน หรืออเล็กซ์ อายุ 36 ปีชาวอังกฤษฐานส่งอีเมล์ข่มขู่ผู้บริหารเทสโกโลตัส เรียกเงิน 140 ล้านบาทหากไม่ได้จะนำยาพิษผสมอาหารที่ห้างโลตัสฯวางจำหน่าย คดีนี้มีการประสานกับหน่วยสก็อตแลนด์ยาร์ด ประเทศสหราชอาณาจักรจนสามารถปิดคดีได้
สมัยเป็น ผกก.1 ป.จับนายยุทธนา นึกหมาย นายสุชาติ สิทธิทองหลวง ผู้ต้องหาปล้นทองคำหนักกว่า 500 บาทเหตุเกิดร้านทองนวนคร โดยก่อนหน้าตำรวจท้องที่จับแพะเมื่อมีการร้องเรียนจึงรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่และสามารถจับผู้ต้องหาตัวจริงได้ คดีฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิงรายแรกของประเทศไทย กรณีนางณัฐกานต์ อนะมาน วางแผนจดทะเบียนกับพล.อ.ต.กิตติพัฒน์ เมืองโคตร (เมื่อปีพ.ศ.2543) และนายอรุณ ครัวกลาง (เมื่อปี 2544) ทำประกันชีวิตวงเงิน 40 ล้านบาทผู้ต้องหาลอบวางยาพิษสามีเพื่อเอาเงินประกันต่อมาชุดสืบสวนของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นำหลักการวิเคราะห์พฤติกรรมซึ่งเป็นวิชาการสืบสวนสมัยใหม่จนนางณัฐกานต์ รับสารภาพคดีนี้ศาลตัดสินจำคุกผู้ต้องหา 25 ปี นอกจากนั้นยังมีคดีฉ้อโกงบริษัทประกันภัย จับกุมนายพิเชษฐ์ พรตันติพงศ์ อายุ 38 ปีข้อหาร่วมกันฉ้อโกกงโดยผู้ต้อวงหารายนี้จะตัดนิ้วมือตัวเองเพื่อขอรับเงินประกันชีวิตที่ทำไว้วงเงิน 16 ล้านบาทในกรณีสูญเสียอวัยวะ คดีนายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท ผู้ก่อการร้ายชาวรัสเซีย ในข้อหาร่วมกันจัดหาและรวบรวมทรัพย์สินเพื่อการก่อการร้าย โดยนายวิคเตอร์ เป็นหัวหน้าแก๊งค้าอาวุธสงครามมีเครือข่ายทั่วโลก เป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และสหรัฐอเมริกาต้องการตัวมากที่สุดแต่หลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทยจนถูกจับในที่สุด
อีกคดีที่อื้อฉาวสะท้านวงการสีกากีไทยก็คือเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 ขณะทำหน้าที่รองผบช.ก.ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการประกวดราคา ตามคำสั่งกรมบัญชีกลาง ที่ สมพ./ก.252/2550 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2550 ประกอบด้วยพล.ต.ท.- กับพวกรวม 6 คนโดยกล่าวหาว่า ”ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับผลประโยชน์ กรณีกระทำผิดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ประมวลกฎหมายอาญาในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยเริ่มจากการสืบสวนข้อมูลและพฤติการณ์ในการกระทำผิดของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อรถ จยย.สายตรวจขนาด 200 ซีซี.จำนวน 19,147 คัน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2550 ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการดำเนินการของคณะกรรมการประกวดราคา มีลักษณะไม่เป็นธรรม ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ เอื้อประโยชยน์ให้กับฝ่ายตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้บริษัทเอกชนผู้ชนะการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างได้รับผลประโยชน์ ทำให้ราชการเสียหายจึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผบช.ก.ยังมีชื่อทางด้านนักวิชาการด้วยเคยสวมบทบาทเป็นอาจารย์บรรยายให้กับนักศึกษาระดับปริญญาเอกคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และเขียนตำรา-เอกสารทางวิชาการตำรวจแบบแผนใหม่อีกหลายเล่มเช่นความรู้เบื้องต้นการเฝ้าสังเกตการณ์ และสะกดรอย พ.ศ.2536 ความรู้เบื้องต้นการสืบสวนอาชญากรรม พ.ศ.2537 วิธีปฏิบัติภาคสนามสำหรับเจ้าหน้าที่เมื่อรับแจ้งเหตุ พ.ศ.2539 และอีกจำนวนมาก
นั่นคือด้านสว่างที่สังคมทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่อีกมุมหนึ่งก็มีกระแสข่าวเข้ามาเป็นระยะๆเป็นต้นว่า มีตำรวจกลุ่มหนึ่งแอบอ้างบุคคลสำคัญสร้างอิทธิพลให้กับตนกับพวกพ้อง จนหน่วยงานดังกล่าวประหนึ่งเป็นรัฐอิสระไม่มีใครกำกับดูแลได้ นอกจากนั้นยังไปพัวพันกับผลประโยชน์ต่างๆมากมายอาทิบ่อนพนันย่านถนนพระรามา 9 ในอดีตหรือแม้แต่ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งต่อมากลายเป็นภัยคุกคามต่อประเทศเมื่อหน่วยข่าวกรองมีหลักฐานเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายเพื่อสร้างความวุ่นวายเปิดช่องให้สะดวกต่อการทำผิดกฏหมาย.