ท.ทหารไม่อดทน...ยกพลบุกสถานีโทรทัศน์ “ไทยพีบีเอส!”
โดยทหารกลุ่มนี้อ้างว่า วิธีตั้งคำถามของ “น.ส.ณาตยา แวววีรคุปต์” ในรายการ “เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฏิรูป” อาจสร้างความ “แตกแยก” ให้กับคนไทย จึงให้ยุติรายการนี้ทันที ทหารกลุ่มนี้ยังกดดันให้ผู้บริหาร “ไทยพีบีเอส” เปลี่ยนตัวผู้ดำเนินรายการอีกด้วย
งานนี้...หากตัวแทนวงการสื่อฯ ยังนิ่งเป็น “ทองไม่รู้ร้อน” อีก คงโดนคนในวงการสื่อฯ และ “คนเสพข่าว” ด่ากันตรึมแน่นอน
ในที่สุด...สมาคมฯ ทั้งหลายของคนทำงานด้านสื่อฯ ก็ออกมาเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจพิจารณายกเลิกประกาศของ คสช. ที่ 97 และ 103 ส่วนสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยนั้น เป็น “หัวหมู่ทะลวงลุย” ไปก่อนนี้แล้วว่า
ขอคัดค้านและให้ยุติการกระทำที่ข่มขู่-คุกคาม-ปิดกั้น-เสรีภาพ การทำหน้าที่สื่อฯและบุคลากรของ “ไทยพีบีเอส” ให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะหัวหน้า คสช.และนายกฯ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อบทบาทสื่อฯ เพื่อมิให้มีการแอบอ้างโดยคนกลุ่มใด เพื่อปิดกั้นการทำงานของสื่อฯ และให้ยกเลิกกฎหมายที่ปิดกั้นเสรีภาพการทำหน้าที่ของสื่อฯ อีกด้วย
“คอฟฟี่ แอนด์ บุ๊ก” จึงเงียบเหงา มีเพียง “คนข่าว” 2 หน่อต่างวัย...นั่งจิบกาแฟ...
แถมวันนี้เหยี่ยวข่าววัยกว่า 70 ปี ที่ชีวิตได้ผ่านรัฐบาลทั้ง “เงินยึดอำนาจรัฐ” กับ “ปืนยึดอำนาจรัฐ” มาหลายสมัย ก็ได้แต่นั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จา จนพิราบหนุ่มจากทีวีช่องที่ “ท็อปบูต” ไปเยือนโดยมิได้เชิญเปรยขึ้นว่า
“นายกฯ ตู่บอกว่า ที่ต้องทำรัฐประหารเพราะคนไทยสองฝ่ายทะเลาะกัน ให้มีเลือกตั้งใหม่...ก็ยังไม่หยุดทะเลาะกันอีก แถมฆ่ากันตายไม่หยุดหย่อน ผมทำเพื่อชาติเหนื่อยโดยไม่ได้อะไร ผมไม่โกงบาทสลึงก็ไม่เอา ถ้าใครโกงต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย...ผม...ผม...ผม...”
เหยี่ยวข่าววัยดึกที่เงียบกริบเงยหน้าขึ้น ก่อนพูดเสียงดุใส่หนุ่มหน้ามนด้วยเสียงเข้มว่า
“พอแล้ว...หยุดพูดเถอะ อั๊วนึกถึงนายกฯ ‘จมูกชมพู่’ ที่ไม่ทำเพื่อชาติแต่ทำเพื่อ ‘เหลี่ยม’ เลยตอบคำถามบางเรื่องกับนักข่าวไม่ได้ ต้องใช้วิธีข่มขู่ดุด่านักข่าวแทน เอางี้...ถ้านายกฯ ตู่ทำเพื่อชาติจริงดังพูด จะกลัวสื่อฯ ทำไมล่ะ เพราะสื่อที่ดีส่วนใหญ่เขารักชาติเหมือนกัน นายกฯ ตู่ ‘ฉลาด’ และ ‘พูดเก่ง’ ตอบข้อเท็จจริงได้ทุกเรื่องสบายๆ เรื่องไหนไม่อยากตอบ-ก็ไม่ต้องตอบ เรื่องไหนอยากจะบอก-ก็บอกสิ ใครบังคับนายกฯ ตู่ได้ล่ะวะ...?
แน่นอน...มีสื่อชั่วปนอยู่กับสื่อดี สื่อชั่วทำลายนายกตู่ฯ ส่วนสื่อดีจะไม่เชลียร์สุ่มสี่สุ่มห้า นายกฯ ตู่ทำดีสื่อฯ ก็ชม นายกฯ ตู่ทำแย่ก็ต้องติติง-วิจารณ์-เสนอแนะ เพื่อให้นายกฯ ตู่ทำงานให้ชาติสำเร็จ นายกฯ ตู่กับพวกไม่รู้รึไงว่า...สื่อไหนดี-สื่อไหนชั่ว? สื่อไหนสู้เพื่อชาติ-สื่อไหนสู้เพื่อเหลี่ยม...”
“น้า...รัฐบาลนายกฯ ตู่น่ะ เป็นเผด็จการและยังใช้กฎอัยการศึกอยู่นะ! นายกฯ ยังบอกว่า รับไม่ได้กับการที่สื่อมวลชนจัดรายการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเผด็จการกับ คสช.”
“...รู้สิวะว่า...รัฐบาลตู่ให้ยุติเรื่องผิดถูกไว้ก่อน ทุกฝ่ายทั้งดีและชั่วต้อง ‘ปรองดอง’ กัน ทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสร็จก่อน ทำแผนปฏิรูปชาติไทยให้เสร็จก่อน ต้องไม่นำเรื่องคนโกงชาติมาพูดให้คนไทยรับรู้ เดี๋ยวจะไม่ปรองดองกัน...ใช่ไหม?”
คนข่าวหนุ่มพยักหน้า ก่อนที่เหยี่ยวข่าววัยดึกที่ทำหน้าเอียนๆ อะไรสักอย่างจะพูดหักมุมว่า...
“เสือมเหศวรตายแล้ว อายุตั้ง 101 ปีแน่ะ เขาเป็นโจรที่ฆ่าเจ้าทรัพย์เฉพาะที่ขัดขืนเท่านั้น ชื่อจริง นายศวร เภรีวงษ์
เกิดปี พ.ศ. 2457 ที่สุพรรณบุรี เป็นจอมโจรชื่อดังยุค เสือฝ้าย-เสือดำ-เสือใบ เคยเป็นทหารแต่พอปลดประจำการ ก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้งรังแก จึงไปเป็นโจรปล้นหมู่บ้านแถบภาคกลาง โดยนำเงินที่ปล้นจากคนรวยมาแจกให้คนจน ‘เสือมเหศวร’ คือ ‘โรบินฮู้ดไทย’ แต่โจรก็คือโจร...เสือมเหศวรจึงถูกทางการยุคนั้นตามล่าอย่างหนัก จนต้องเข้ามอบตัวและติดคุกอยู่ในเรือนจำ หลังพ้นโทษจึงไปเป็นชาวไร่มันสำปะหลังที่ ต.ไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท ตอนนี้ลูกชายคนเล็กวัย 49 ปี ของอดีตเสือเป็นถึงสมาชิก อบต.ไพรนกยูง...”
นักข่าวหนุ่มจึงอดแสดงความเห็นแบบตรงไปตรงมาเสียยาวยืดว่า...
“น้า...แสดงว่า...โจรใจดีรักคนจนหรือโจรทั้งหลายทางการสมัยโน้นตามล่าตามจับไม่ทั้งนั้นน่ะสิ”
“ใช่...บางรายโดนยิงเป้าต่อหน้าผู้คนเลย เสือมเหศวรยอมมอบตัวและติดคุก ก่อนจะกลับตัวเป็นคนดีทำมาหากินโดยสุจริต ส่วนอภิมหาโจร ‘เหลี่ยม’ ที่ปล้นชาติไปหลายแสนล้านบาท ก่อจลาจลเผาเมือง ใช้อาวุธสงครามฆ่าทหารกับประชาชน ฯลฯ
ยิ่งตอนอภิมหาโจรการเมือง ‘เหลี่ยม’ ครองเมือง ก็อ้างนโยบายปราบยาเสพติด ฆ่าคนไทยตายกว่าสองพันคน ฆ่าชาวไทยมุสลิมอีกนับไม่ถ้วน โดนศาลตัดสินให้ติดคุก 2 ปี แล้วยังมีหมายจับอีก 6 ใบ ฯลฯ อ้อ...เอ็งอย่าถามนะว่า ทำไมรัฐบาลไทยที่ผ่านมา ถึงปล่อยให้มหาโจรการเมืองลอยนวลอยู่ได้จนทุกวันนี้น่ะ...”
เหยี่ยวข่าวรุ่นลายครามสรุปแบบทุบโต๊ะเปรี้ยงว่า
“นั่นเพราะทางการไทยยุค “เสือมเหศวร” ยึดกฎหมายเป็นหลักจึงไม่ยอม “ปรองดอง” กับโจร! ส่วนทางการไทยยุคนี้ จะ “ปรองดอง” กับ “มหาโจรเหลี่ยม” ไหม? “ปรองดอง” กันทำไม-เพื่ออะไร? เฮ้อ...อั๊วไม่รู้จริงๆ...คำถามนี้...นายกฯ ตู่กับพวกเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ...!!!”
โดยทหารกลุ่มนี้อ้างว่า วิธีตั้งคำถามของ “น.ส.ณาตยา แวววีรคุปต์” ในรายการ “เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฏิรูป” อาจสร้างความ “แตกแยก” ให้กับคนไทย จึงให้ยุติรายการนี้ทันที ทหารกลุ่มนี้ยังกดดันให้ผู้บริหาร “ไทยพีบีเอส” เปลี่ยนตัวผู้ดำเนินรายการอีกด้วย
งานนี้...หากตัวแทนวงการสื่อฯ ยังนิ่งเป็น “ทองไม่รู้ร้อน” อีก คงโดนคนในวงการสื่อฯ และ “คนเสพข่าว” ด่ากันตรึมแน่นอน
ในที่สุด...สมาคมฯ ทั้งหลายของคนทำงานด้านสื่อฯ ก็ออกมาเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจพิจารณายกเลิกประกาศของ คสช. ที่ 97 และ 103 ส่วนสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยนั้น เป็น “หัวหมู่ทะลวงลุย” ไปก่อนนี้แล้วว่า
ขอคัดค้านและให้ยุติการกระทำที่ข่มขู่-คุกคาม-ปิดกั้น-เสรีภาพ การทำหน้าที่สื่อฯและบุคลากรของ “ไทยพีบีเอส” ให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะหัวหน้า คสช.และนายกฯ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อบทบาทสื่อฯ เพื่อมิให้มีการแอบอ้างโดยคนกลุ่มใด เพื่อปิดกั้นการทำงานของสื่อฯ และให้ยกเลิกกฎหมายที่ปิดกั้นเสรีภาพการทำหน้าที่ของสื่อฯ อีกด้วย
“คอฟฟี่ แอนด์ บุ๊ก” จึงเงียบเหงา มีเพียง “คนข่าว” 2 หน่อต่างวัย...นั่งจิบกาแฟ...
แถมวันนี้เหยี่ยวข่าววัยกว่า 70 ปี ที่ชีวิตได้ผ่านรัฐบาลทั้ง “เงินยึดอำนาจรัฐ” กับ “ปืนยึดอำนาจรัฐ” มาหลายสมัย ก็ได้แต่นั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จา จนพิราบหนุ่มจากทีวีช่องที่ “ท็อปบูต” ไปเยือนโดยมิได้เชิญเปรยขึ้นว่า
“นายกฯ ตู่บอกว่า ที่ต้องทำรัฐประหารเพราะคนไทยสองฝ่ายทะเลาะกัน ให้มีเลือกตั้งใหม่...ก็ยังไม่หยุดทะเลาะกันอีก แถมฆ่ากันตายไม่หยุดหย่อน ผมทำเพื่อชาติเหนื่อยโดยไม่ได้อะไร ผมไม่โกงบาทสลึงก็ไม่เอา ถ้าใครโกงต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย...ผม...ผม...ผม...”
เหยี่ยวข่าววัยดึกที่เงียบกริบเงยหน้าขึ้น ก่อนพูดเสียงดุใส่หนุ่มหน้ามนด้วยเสียงเข้มว่า
“พอแล้ว...หยุดพูดเถอะ อั๊วนึกถึงนายกฯ ‘จมูกชมพู่’ ที่ไม่ทำเพื่อชาติแต่ทำเพื่อ ‘เหลี่ยม’ เลยตอบคำถามบางเรื่องกับนักข่าวไม่ได้ ต้องใช้วิธีข่มขู่ดุด่านักข่าวแทน เอางี้...ถ้านายกฯ ตู่ทำเพื่อชาติจริงดังพูด จะกลัวสื่อฯ ทำไมล่ะ เพราะสื่อที่ดีส่วนใหญ่เขารักชาติเหมือนกัน นายกฯ ตู่ ‘ฉลาด’ และ ‘พูดเก่ง’ ตอบข้อเท็จจริงได้ทุกเรื่องสบายๆ เรื่องไหนไม่อยากตอบ-ก็ไม่ต้องตอบ เรื่องไหนอยากจะบอก-ก็บอกสิ ใครบังคับนายกฯ ตู่ได้ล่ะวะ...?
แน่นอน...มีสื่อชั่วปนอยู่กับสื่อดี สื่อชั่วทำลายนายกตู่ฯ ส่วนสื่อดีจะไม่เชลียร์สุ่มสี่สุ่มห้า นายกฯ ตู่ทำดีสื่อฯ ก็ชม นายกฯ ตู่ทำแย่ก็ต้องติติง-วิจารณ์-เสนอแนะ เพื่อให้นายกฯ ตู่ทำงานให้ชาติสำเร็จ นายกฯ ตู่กับพวกไม่รู้รึไงว่า...สื่อไหนดี-สื่อไหนชั่ว? สื่อไหนสู้เพื่อชาติ-สื่อไหนสู้เพื่อเหลี่ยม...”
“น้า...รัฐบาลนายกฯ ตู่น่ะ เป็นเผด็จการและยังใช้กฎอัยการศึกอยู่นะ! นายกฯ ยังบอกว่า รับไม่ได้กับการที่สื่อมวลชนจัดรายการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเผด็จการกับ คสช.”
“...รู้สิวะว่า...รัฐบาลตู่ให้ยุติเรื่องผิดถูกไว้ก่อน ทุกฝ่ายทั้งดีและชั่วต้อง ‘ปรองดอง’ กัน ทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสร็จก่อน ทำแผนปฏิรูปชาติไทยให้เสร็จก่อน ต้องไม่นำเรื่องคนโกงชาติมาพูดให้คนไทยรับรู้ เดี๋ยวจะไม่ปรองดองกัน...ใช่ไหม?”
คนข่าวหนุ่มพยักหน้า ก่อนที่เหยี่ยวข่าววัยดึกที่ทำหน้าเอียนๆ อะไรสักอย่างจะพูดหักมุมว่า...
“เสือมเหศวรตายแล้ว อายุตั้ง 101 ปีแน่ะ เขาเป็นโจรที่ฆ่าเจ้าทรัพย์เฉพาะที่ขัดขืนเท่านั้น ชื่อจริง นายศวร เภรีวงษ์
เกิดปี พ.ศ. 2457 ที่สุพรรณบุรี เป็นจอมโจรชื่อดังยุค เสือฝ้าย-เสือดำ-เสือใบ เคยเป็นทหารแต่พอปลดประจำการ ก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้งรังแก จึงไปเป็นโจรปล้นหมู่บ้านแถบภาคกลาง โดยนำเงินที่ปล้นจากคนรวยมาแจกให้คนจน ‘เสือมเหศวร’ คือ ‘โรบินฮู้ดไทย’ แต่โจรก็คือโจร...เสือมเหศวรจึงถูกทางการยุคนั้นตามล่าอย่างหนัก จนต้องเข้ามอบตัวและติดคุกอยู่ในเรือนจำ หลังพ้นโทษจึงไปเป็นชาวไร่มันสำปะหลังที่ ต.ไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท ตอนนี้ลูกชายคนเล็กวัย 49 ปี ของอดีตเสือเป็นถึงสมาชิก อบต.ไพรนกยูง...”
นักข่าวหนุ่มจึงอดแสดงความเห็นแบบตรงไปตรงมาเสียยาวยืดว่า...
“น้า...แสดงว่า...โจรใจดีรักคนจนหรือโจรทั้งหลายทางการสมัยโน้นตามล่าตามจับไม่ทั้งนั้นน่ะสิ”
“ใช่...บางรายโดนยิงเป้าต่อหน้าผู้คนเลย เสือมเหศวรยอมมอบตัวและติดคุก ก่อนจะกลับตัวเป็นคนดีทำมาหากินโดยสุจริต ส่วนอภิมหาโจร ‘เหลี่ยม’ ที่ปล้นชาติไปหลายแสนล้านบาท ก่อจลาจลเผาเมือง ใช้อาวุธสงครามฆ่าทหารกับประชาชน ฯลฯ
ยิ่งตอนอภิมหาโจรการเมือง ‘เหลี่ยม’ ครองเมือง ก็อ้างนโยบายปราบยาเสพติด ฆ่าคนไทยตายกว่าสองพันคน ฆ่าชาวไทยมุสลิมอีกนับไม่ถ้วน โดนศาลตัดสินให้ติดคุก 2 ปี แล้วยังมีหมายจับอีก 6 ใบ ฯลฯ อ้อ...เอ็งอย่าถามนะว่า ทำไมรัฐบาลไทยที่ผ่านมา ถึงปล่อยให้มหาโจรการเมืองลอยนวลอยู่ได้จนทุกวันนี้น่ะ...”
เหยี่ยวข่าวรุ่นลายครามสรุปแบบทุบโต๊ะเปรี้ยงว่า
“นั่นเพราะทางการไทยยุค “เสือมเหศวร” ยึดกฎหมายเป็นหลักจึงไม่ยอม “ปรองดอง” กับโจร! ส่วนทางการไทยยุคนี้ จะ “ปรองดอง” กับ “มหาโจรเหลี่ยม” ไหม? “ปรองดอง” กันทำไม-เพื่ออะไร? เฮ้อ...อั๊วไม่รู้จริงๆ...คำถามนี้...นายกฯ ตู่กับพวกเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ...!!!”