“ประยุทธ์” สั่งย้ายที่ประชุม ครม.ประเดิมใช้ห้อง 501 ตึกบัญชาการ 1 หลังเหตุฉาวโฉ่ไมค์ทองคำ “บิ๊กอ้อ” ตรวจความเรียบร้อยพร้อมใช้งาน มติ “วิปรัฐ” ชงร่าง 2 พ.ร.บ.สำคัญ “อุ้มบุญ - การยาง” เข้า ครม.ก่อนเสนอ สนช. เชื่อคุ้มครองเด็ก ป้องกันอุ้มบุญเชิงพานิชย์ได้ จับตา กม.ภาษีมรดกเข้าด้วย คาดไฟเขียวขึ้นเงินเดือน ขรก. ชั้นผู้น้อยเตรียมเฮมีผลย้อนหลังถึง ต.ค.ปีที่แล้ว
วานนี้ (17 พ.ย.) พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เข้าตรวจดูความเรียบร้อยของห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะใช้เป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรก ในวันที่ 18 พ.ย.ตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากที่ก่อนหน้านี้ได้ใช้ตึกสันติไมตรีเป็นสถานที่ประชุมมาโดยตลอด หลังจากมีการปรับปรุง แต่มีปัญหาในการส่งมอบ โดยเฉพาะการตรวจสอบการจัดซื้ออุปการณ์ห้องประชุม ในกรณีชุดไมโครไฟนราคาแพงเกินจริง และให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะสั่งการให้รื้อถอนชุดไมโครโฟนที่มีปัญหาออก และนำชุดไมโครไฟนเดิมมาติดตั้งแทน เพื่อรอการจัดซื้อจัดจ้างใหม่
วิปรัฐชงร่าง กม.อุ้มบุญ-การยางฯ
ขณะที่ นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ฝ่ายรัฐบาลว่า ที่ประชุมมีมติเสนอร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.... และ 2.ร่าง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ..... เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ในวันที่ 18 พ.ย.เพื่อนำเสนอสภานิติบัญญัติ (สนช.) พิจารณาต่อไป
นายสุวพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.... ซึ่งเสนอโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีสาระสำคัญในการคุ้มครองเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ ตั้งแต่การตั้งครรภ์จนถึงเกิด โดยสามีและภรรยาที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ และหญิงที่ได้รับการตั้งครรภ์แทน ต้องมีข้อตกลงเป็นหนังสือไว้กับสามีและภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายก่อนตั้งครรภ์ว่า จะให้ทารกในครรภ์เป็นบุตรของสามีและภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น และในการตั้งครรภ์แทนจะไปใช้อสุจิและไข่ของคนที่ตั้งครรภ์แทนไม่ได้ ต้องใช้ของพ่อและแม่เด็กเท่านั้น ที่สำคัญต้องเป็นเครือญาติกันเท่านั้น รวมถึงมีบทโทษสำหรับหมอที่ทำไม่ถูกต้องด้วย
เชื่อทำหมันกิจการอุ้มบุญผิด กม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้แล้วจะป้องปรามการอุ้มบุญที่ผิดกฎหมายได้หรือไม่ นายสุวพันธ์ กล่าวว่า กฎหมายนี้วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเด็กจนกระทั่งเกิด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับตัวเด็ก เมื่อร่างกฎหมายนี้บังคับใช้แล้ว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯจะไปสามารถดูแลไม่ให้เกิดปัญหาทางสังคม และต่อไปในอนาคตจะดูอย่างไรให้การบังคับใช้มีผลในทางปฏิบัติ
จับตาถกร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของวาระการประชุม ครม.ในวันที่ 18 พ.ย.ที่น่าสนใจ มีอาทิ การพิจารณาการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการเฉลี่ยคนละ 4% พร้อมเพิ่มเงินค่าครองชีพข้าราชการชั้นผู้น้อยที่มีเงินเดือนไม่เกิน 12,285 บาท จากเดิมได้ค่าครองชีพ 1,500 บาท เพิ่มเป็นเดือนละ 2,000 บาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จะเป็นผู้เสนอวาระ
นอกจากนี้ยังต้องติดตามด้วยว่า จะมีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดก ที่เลื่อนการพิจารณาจากสัปดาห์ก่อนมาพิจารณาหรือไม่ รวมถึงจะมีการพิจารณาวาระของส่วนงานขับเคลื่อนงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะมีการเสนอแผนขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยสันติสุขให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาเห็นชอบ ก่อนเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้
ขณะที่คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเสนอวาระพิจารณาการดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กม. สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 29.1 กม. สายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ระยะทาง 38.9 กม. ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบจะสามารถเปิดประมูลก่อสร้างได้ช่วงปี 2558 ตามลำดับ
วานนี้ (17 พ.ย.) พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เข้าตรวจดูความเรียบร้อยของห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะใช้เป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรก ในวันที่ 18 พ.ย.ตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากที่ก่อนหน้านี้ได้ใช้ตึกสันติไมตรีเป็นสถานที่ประชุมมาโดยตลอด หลังจากมีการปรับปรุง แต่มีปัญหาในการส่งมอบ โดยเฉพาะการตรวจสอบการจัดซื้ออุปการณ์ห้องประชุม ในกรณีชุดไมโครไฟนราคาแพงเกินจริง และให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะสั่งการให้รื้อถอนชุดไมโครโฟนที่มีปัญหาออก และนำชุดไมโครไฟนเดิมมาติดตั้งแทน เพื่อรอการจัดซื้อจัดจ้างใหม่
วิปรัฐชงร่าง กม.อุ้มบุญ-การยางฯ
ขณะที่ นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ฝ่ายรัฐบาลว่า ที่ประชุมมีมติเสนอร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.... และ 2.ร่าง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ..... เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ในวันที่ 18 พ.ย.เพื่อนำเสนอสภานิติบัญญัติ (สนช.) พิจารณาต่อไป
นายสุวพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.... ซึ่งเสนอโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีสาระสำคัญในการคุ้มครองเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ ตั้งแต่การตั้งครรภ์จนถึงเกิด โดยสามีและภรรยาที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ และหญิงที่ได้รับการตั้งครรภ์แทน ต้องมีข้อตกลงเป็นหนังสือไว้กับสามีและภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายก่อนตั้งครรภ์ว่า จะให้ทารกในครรภ์เป็นบุตรของสามีและภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น และในการตั้งครรภ์แทนจะไปใช้อสุจิและไข่ของคนที่ตั้งครรภ์แทนไม่ได้ ต้องใช้ของพ่อและแม่เด็กเท่านั้น ที่สำคัญต้องเป็นเครือญาติกันเท่านั้น รวมถึงมีบทโทษสำหรับหมอที่ทำไม่ถูกต้องด้วย
เชื่อทำหมันกิจการอุ้มบุญผิด กม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้แล้วจะป้องปรามการอุ้มบุญที่ผิดกฎหมายได้หรือไม่ นายสุวพันธ์ กล่าวว่า กฎหมายนี้วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเด็กจนกระทั่งเกิด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับตัวเด็ก เมื่อร่างกฎหมายนี้บังคับใช้แล้ว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯจะไปสามารถดูแลไม่ให้เกิดปัญหาทางสังคม และต่อไปในอนาคตจะดูอย่างไรให้การบังคับใช้มีผลในทางปฏิบัติ
จับตาถกร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของวาระการประชุม ครม.ในวันที่ 18 พ.ย.ที่น่าสนใจ มีอาทิ การพิจารณาการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการเฉลี่ยคนละ 4% พร้อมเพิ่มเงินค่าครองชีพข้าราชการชั้นผู้น้อยที่มีเงินเดือนไม่เกิน 12,285 บาท จากเดิมได้ค่าครองชีพ 1,500 บาท เพิ่มเป็นเดือนละ 2,000 บาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จะเป็นผู้เสนอวาระ
นอกจากนี้ยังต้องติดตามด้วยว่า จะมีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดก ที่เลื่อนการพิจารณาจากสัปดาห์ก่อนมาพิจารณาหรือไม่ รวมถึงจะมีการพิจารณาวาระของส่วนงานขับเคลื่อนงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะมีการเสนอแผนขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยสันติสุขให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาเห็นชอบ ก่อนเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้
ขณะที่คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเสนอวาระพิจารณาการดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กม. สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 29.1 กม. สายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ระยะทาง 38.9 กม. ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบจะสามารถเปิดประมูลก่อสร้างได้ช่วงปี 2558 ตามลำดับ
