xs
xsm
sm
md
lg

"ชูวิทย์"โพสต์แฉ ตร.ฮุบประโยชน์มหาศาล"ป้ายโฆษณา"ตามป้อมบนพื้นที่ กทม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ชูวิทย์"โพสต์เฟซบุ๊ก แฉเคยสร้างป้อมตำรวจบริจาคทั่วกรุง ยันทุกป้อมตั้งบนพื้นที่ของ กทม. แต่ตำรวจชุบมือเปิบ เก็บผลประโยชน์ค่าเช่าป้ายโฆษณามหาศาลไปกินฟรีๆ ฉะผู้ว่าฯ กทม.เพิ่งตื่น ปล่อยให้คนอื่นทำมาหากินบนที่ของตัวเองมาตั้งนาน "สมยศ" ย้ำทำ 3 เรื่อง"ปรับปรุงหมายเลข191-แก้ปัญหาจราจรเมืองกรุง-จราจรช่วงเทศกาล" มอบให้ปชช.เป็นของขวัญปีใหม่ ทำเก๋ติดจอแอลซีดีเคาทน์ดาวน์เกษียณ

วันนี้(11 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.24 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว "ชูวิทย์ I'm No.5" ในหัวข้อ "ป้อมตำรวจ ผลประโยชน์ของใคร?" ว่า "สมัย 20 กว่าปีก่อน ผมสร้างป้อมตำรวจตามแยกต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพราะเห็นว่าตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามสี่แยก ต้องทนแดดทนฝน ไม่มีที่พักเหนื่อย ไม่มีห้องน้ำ ผมจึงสร้างให้ทั้งหมด 70 กว่าป้อม ทุกป้อมติดป้าย "มูลนิธิต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์"

"อย่างป้อมตรงแยกปทุมวัน ตรงข้ามมาบุญครอง ใช้เงินสร้างกว่า 4 แสนบาท ภายในป้อมทั้งติดแอร์ มีห้องน้ำในตัว แถมจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ทุกเดือน

"อย่าคิดนะครับ ว่าผมสร้างเฉพาะป้อมที่อยู่ในพื้นที่ทำมาหากินของผมอย่างรัชดา ผมสร้างไปทุกที่ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งดุสิต ชนะสงคราม ลุมพินี หรือแม้แต่พระโขนง

"ทุกป้อมตั้งอยู่บนฟุตบาทริมถนนใหญ่ ซึ่งเป็นที่ของ กทม. ไม่ใช่ที่ของตำรวจแต่อย่างใด แต่ปัจจุบัน แทบทุกป้อมมีป้ายโฆษณา LED ขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ แน่นอนว่ารายได้จากการให้เช่าพื้นที่โฆษณาย่อมมากมายมหาศาล

"ชาวบ้านทั่วไปใครเห็นคงคิดว่า ในเมื่อ กทม. เป็นเจ้าของที่ และให้ตำรวจใช้พื้นที่สร้างป้อมฟรีๆ รายได้ค่าจอโฆษณา LED จะต้องเป็นของ กทม. อย่างแน่นอน

"แต่ช้าก่อน เราอยู่ในประเทศที่มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นอยู่เสมอ

"ล่าสุด มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.มาตั้งหลายปีดีดัก ดันเพิ่งจะตื่น ออกมาโวยวาย ทั้งที่ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาทำมาหากินอยู่ในบ้านตัวเองเสียนานสองนาน

"สรุปที่ก็ยกให้เขา ค่าป้ายก็ไม่ได้สักบาท แล้วใครฮุบผลประโยชน์มากมายมหาศาลนี้ไป?

"ผมไม่ได้อยากจะมาทวงบุญคุณ และไม่ได้อยากอวดความดี แต่ถ้าจะมา "ชุบมือเปิบ" หากินกันแบบนี้

"เอาป้าย "มูลนิธิต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์" กลับมาติดเสียเถอะ

"คนรุ่นหลังมาเห็นเขาจะได้รู้ว่า ป้อมตำรวจไม่ได้สร้างไว้เพื่อหากินหวังผลกำไร แต่สร้างไว้เพื่อผลประโยชน์ของสังคม"นายชูวิทย์ระบุ

**"สมยศ" ทำเก๋ติดจอแอลซีดีเคาทน์ดาวน์เกษียณ

วันนี้(11 พ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) มีรายงานว่าพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำจอแอลซีดีที่ระบุข้อความ"สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพร้อมใจ มอบความรัก ความศรัทธาและความผาสุขแก่ประชาชน" พร้อมระบุวัน เวลา อายุราชการที่เหลือของ พล.ต.อ.สมยศ มาติดตั้งที่ด้านหน้าสำนักงาน ชั้น 4 อาคาร 1 ตร.

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่ทางรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง มีนโยบายที่ให้หน่วยงานหรือส่วนราชการต่าง ๆ มีโครงการหรือสร้างผลงาน เพื่อมอบให้เป็นของขวัญกับพี่น้องประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับนโยบายมา ซึ่งสิ่งที่ตนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยากจะทำและมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2558 ให้พี่น้องประชาชนก็มี 3 เรื่อง โดยเรื่องแรกจะมีการปรับปรุงสายด่วน 191 ซึ่งในอดีต ศูนย์รับแจ้งเหตุ สายด่วน 191 มักถูกตำหนิจากพี่น้องประชาชน ว่า ถ้าโทรไปแจ้งเหตุ หรือโทรไปร้องทุกข์ มักจะปรากฎว่า สายไม่ว่าง หรือโทรติดแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รับสาย ซึ่งเป็นปัญหาที่ตนคิดว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะในกรณีเกิดมีเรื่องด่วน เหตุด่วน เหตุร้าย หรือเกิดเรื่องสำคัญ ขึ้นมา จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปปรับปรุงแก้ไขศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ซึ่งมีปัญหาอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ให้มีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องราวร้องทุกข์หรือรับแจ้งเหตุต่าง ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีสายว่าง หรือสายว่างโทรติดแต่ไม่มีผู้รับโทรศัพท์

"นี่คือสิ่งที่ผมกำลังดำเนินการแก้ไข และคิดว่าได้ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว อาจจะต้องมีการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์เพิ่มเติมในบางสิ่ง เพื่อให้การทำงานของศูนย์แจ้งเหตุ 191 มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกพี่น้องประชาชนตำหนิได้อีกนะครับ และขอประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนนะครับว่า กรณีที่โทรมาที่สายด่วน 191 ขอให้เป็นเหตุด่วน เหตุร้าย จริง ๆ เพราะจากผลการสำรวจ ร้อยละ 40 ผู้ที่โทรมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเร่งด่วน หรือเหตุร้ายแต่อย่างใด"ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่สองซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ตนต้องการจะมอบให้เป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชนชาวกทม. คือการแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ตนได้ให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ไปสำรวจว่า ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจรของกรุงเทพมหานคร หรือ บก.02 มีสิ่งใดที่จำเป็น หรือเครื่องมืออุปกรณ์ใดๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้ และยังขาดอยู่ ให้รายงานถึงตน ซึ่งตนจะจัดให้มี ให้พร้อม เพื่อที่จะรองรับการควบคุมการดูแลงานทางด้านการจราจร ซึ่งที่ตนได้ไปเยี่ยม บก.02 มา ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่พร้อม เช่น อุปกรณ์ทางด้านการสื่อสาร เพราะว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติในพื้นที่ที่วิทยุรับส่งไม่สามารถส่งถึง บก.02 ได้ นี่คือปัญหาที่เราจะต้องแก้ไขต่อไป นอกจากนี้จะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถ ควบคุมการจราจรในเขตกทม. ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ผลัดละ 1 นาย ควบคุมมอนิเตอร์การจราจรทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และในช่วงที่มีขบวนสำคัญ ๆ ถ้าหากมีเจ้าหน้าที่เพียงนายเดียวคอยควบคุม คอยดูแล หรือไปรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติในพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงพอ ตนคิดว่าจะต้องให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแบ่งโซนกันรับผิดชอบอย่างน้อยที่สุด 3 โซน เพราะจะทำให้มีการควบคุม สั่งการการจราจรได้อย่างทั่วถึง

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือในแต่ละวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน ตนจะให้ผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบทางด้านการจราจร มานั่งสั่งการเรื่องการจราจร โดยในส่วนของบช.น. จัดผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจควบคุมสั่งการ มานั่งสั่งการที่ บก.02 จำนวน 1 นาย นอกจากนี้จะให้บก.ภ.จว.นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และนครปฐม ซึ่งมีพื้นที่ต่อเนื่องกับกทม.จัดผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสั่งการ มานั่งที่ บก.02เพื่อสั่งการควบคุมการจราจรให้สัมพันธ์กันระหว่างพื้นที่จังหวัดที่ต่อเนื่องเกี่ยวข้องกับกทม. เพราะทุกวันนี้ต่างคนต่างสั่ง ต่างควบคุมการจราจร ทำให้ไม่สัมพันธ์กัน จึงก่อให้เกิดปัญหาการจราจรที่ติดขัด

" นี่คือสิ่งที่ผมจะแก้ไข ปัจจุบันได้ตรวจสอบและพบว่า ในอดีตในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ที่จุดกลับรถ ทางร่วม ทางแยก จำนวนมาก ตรงนี้ทำให้พี่น้องประชาชน เกิดความอุ่นใจ เวลารถติดหรือมีปัญหา หรือสภาพการจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการแก้ไขปัญหาจราจร มีการประสานงานทางวิทยุสื่อสาร จัดการจราจรที่สัมพันธ์และต่อเนื่องกัน ผมสังเกตุว่ากำลังเจ้าหน้าที่นั้น มีส่วนหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะมีการนำกำลังตำรวจจราจรไปปฏิบัติในหน้าที่อื่น ๆ ในช่วงที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ แต่วันนี้เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้กลับคืนสู่สภาพตามปกติแล้ว ดังนั้น อาจจำเป็นต้องหารือกับผู้รับผิดชอบว่า ควรจะจัดเจ้าหน้าที่จราจรลงมาปฏิบัติหน้าที่จราจรในพื้นที่ในช่วงเวลาเร่งด่วน นี่คือสิ่งที่อยากจะทำ" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว

ผบ.ตร. กล่าวด้วยวาา สำหรับเรื่องที่สามเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาการจราจรในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลปีใหม่ ทุกภาคส่วนจะมีการเตรียมการที่จะแก้ปัญหาการจราจรในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ทั้งการแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือลดจำนวนคนเจ็บ คนตาย ซึ่งจะดำเนินการเป็นครั้ง ๆ ไปหรือดำเนินการเฉพาะในช่วงเทศกาล หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมารับผิดชอบ ทำในสิ่งเหล่านี้ ผมได้มอบหมายให้ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ตั้งคณะทำงานพัฒนาการบริหารงานการจราจรอย่างเป็นระบบและบูรณาการ เพื่อศึกษาหาแนวทางการแก้ปัญหาการจราจร ตลอดจนอุบัติเหตุบนท้องถนนแบบบูรณาการและยั่งยืน โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เช่น ตำรวจหน่วยต่าง ๆ, กรุงเทพมหานคร, กรมการขนส่งทางบก, กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท หรือหน่วยงานอื่น ๆ ทางภาคเอกชน เช่น สมาคมประกันวินาศภัยไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.), สสส., สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ, สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า, มูลนิธิเมาไม่ขับ ฯลฯ มาร่วมกันศึกษาหาแนวทางแก้ปัญหานี้อย่างบูรณาการและยั่งยืน

"เพราะว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น บางครั้งไม่ได้เกิดจากความประมาทของผู้ขับ อาจจะเกิดจากทัศนวิสัยที่เลวหรือไม่ดี ถนนหนทางไม่ดี ยวดยานไม่ดี ถนนหรือทางสร้าง ไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม เพราะฉะนั้นตรงนี้เราต้องแก้ไข ซึ่งในต่างประเทศจะมีการเก็บสถิติอุบัติเหตุ บริเวณต่างๆ ไว้ แล้วนำไปศึกษาว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นในห้วงเวลาไหน เกิดเพราะเหตุใด ยวดยานไม่มีประสิทธิภาพ หรือเกิดจากถนนไม่ดี หรือเกิดจากความประมาท ตรงนี้เราต้องศึกษาและแก้ไข ถ้าโค้งไหนที่มีอุบัติเหตุเรื่อย ๆ และเกิดจากการก่อสร้างถนนผิดหลักวิศวกรรม ก็ต้องแก้ไข หรือถ้าช่วงไหนเกิดเหตุในช่วงทัศนวิสัยที่ไม่ดี ก็ต้องมีการทำป้ายบอก หรือเตือน หรือป้ายใช้บังคับความเร็วอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะทำ ทั้งสามสิ่งดังกล่าวข้างต้น เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจที่จะทำเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชน ในช่วงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด้วยความรักและความห่วงใยจากรัฐบาล และจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ"พล.ต.อ.สมยศ กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น