“สมยศ” ย้ำทำ 3 เรื่อง ปรับปรุงหมายเลข 191-แก้ปัญหาจราจรเมืองกรุง-จราจรช่วงเทศกาล มอบให้ประชาชนเป็นของขวัญปีใหม่ ทำเก๋ติดจอแอลซีดีเคานต์ดาวน์เกษียณ
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำจอแอลซีดีที่ระบุข้อความ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพร้อมใจ มอบความรัก ความศรัทธาและความผาสุขแก่ประชาชน” พร้อมระบุวัน เวลา อายุราชการที่เหลือของ พล.ต.อ.สมยศ มาติดตั้งที่ด้านหน้าสำนักงาน ชั้น 4 อาคาร 1 ตร.
พล.ต.อ.สมยศเปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่ทางรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีนโยบายที่ให้หน่วยงานหรือส่วนราชการต่างๆ มีโครงการหรือสร้างผลงานเพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่พี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับนโยบายมาซึ่งสิ่งที่ตนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยากจะทำและมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2558 ให้พี่น้องประชาชนก็มี 3 เรื่อง โดยเรื่องแรกจะมีการปรับปรุงสายด่วน 191 ซึ่งในอดีตศูนย์รับแจ้งเหตุสายด่วน 191 มักถูกตำหนิจากพี่น้องประชาชนว่าถ้าโทร.ไปแจ้งเหตุหรือโทร.ไปร้องทุกข์มักจะปรากฏว่าสายไม่ว่าง หรือโทร.ติดแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รับสาย เป็นปัญหาที่ตนคิดว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะในกรณีเกิดมีเรื่องด่วน เหตุด่วนเหตุร้าย หรือเกิดเรื่องสำคัญขึ้นมา จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปปรับปรุงแก้ไขศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ซึ่งมีปัญหาอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ให้มีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องราวร้องทุกข์หรือรับแจ้งเหตุต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีสายว่าง หรือสายว่างโทร.ติดแต่ไม่มีผู้รับโทรศัพท์
“นี่คือสิ่งที่ผมกำลังดำเนินการแก้ไข และคิดว่าได้ผ่านขั้นตอนต่างๆ ไปเรียบร้อยแล้ว อาจจะต้องมีการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์เพิ่มเติมในบางสิ่งเพื่อให้การทำงานของศูนย์แจ้งเหตุ 191 มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกพี่น้องประชาชนตำหนิได้อีกนะครับ และขอประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนนะครับว่า กรณีที่โทร.มาที่สายด่วน 191 ขอให้เป็นเหตุด่วนเหตุร้ายจริงๆ เพราะจากผลการสำรวจ ร้อยละ 40 ผู้ที่โทร.มาส่วนใหญ่เป็นเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเร่งด่วน หรือเหตุร้ายแต่อย่างใด” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับเรื่องที่ 2 ที่ตนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ตนต้องการจะมอบให้เป็นของขวัญให้พี่น้องประชาชนชาว กทม. คือ การแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ตนได้ให้ พล.ต.ท.ประวุฒิไปสำรวจว่าที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจรของกรุงเทพมหานคร หรือ บก.02 มีสิ่งใดที่จำเป็น หรือเครื่องมืออุปกรณ์ใดๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้ และยังขาดอยู่ให้รายงานถึงตน ตนจะจัดให้มีให้พร้อมเพื่อที่จะรองรับการควบคุมการดูแลงานทางด้านการจราจร ทั้งนี้ที่ตนได้ไปเยี่ยม บก.02 มาพบว่ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่พร้อม เช่น อุปกรณ์ทางด้านการสื่อสาร เพราะว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติในพื้นที่ที่วิทยุรับส่งไม่สามารถส่งถึง บก.02 ได้ นี่คือปัญหาที่เราจะต้องแก้ไขต่อไป นอกจากนี้จะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถ ควบคุมการจราจรในเขตกทม.ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ผลัดละ 1 นาย ควบคุมมอนิเตอร์การจราจรทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และในช่วงที่มีขบวนสำคัญ ถ้าหากมีเจ้าหน้าที่เพียงนายเดียวคอยควบคุม คอยดูแล หรือไปรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติในพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงพอ ตนคิดว่าจะต้องให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแบ่งโซนกันรับผิดชอบอย่างน้อยที่สุด 3 โซน เพราะจะทำให้มีการควบคุม สั่งการการจราจรได้อย่างทั่วถึง
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ ในแต่ละวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน ตนจะให้ผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบทางด้านการจราจรมานั่งสั่งการเรื่องการจราจร โดยในส่วนของ บช.น.จัดผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจควบคุมสั่งการ มานั่งสั่งการที่ บก.02 จำนวน 1 นาย นอกจากนี้จะให้ บก.ภ.จว.นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และนครปฐม ซึ่งมีพื้นที่ต่อเนื่องกับกทม.จัดผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสั่งการ มานั่งที่ บก.02 เพื่อสั่งการควบคุมการจราจรให้สัมพันธ์กันระหว่างพื้นที่จังหวัดที่ต่อเนื่องเกี่ยวข้องกับ กทม. เพราะทุกวันนี้ต่างคนต่างสั่ง ต่างควบคุมการจราจร ทำให้ไม่สัมพันธ์กัน จึงก่อให้เกิดปัญหาการจราจรที่ติดขัด
“นี่คือสิ่งที่ผมจะแก้ไข ปัจจุบันได้ตรวจสอบและพบว่าในอดีตในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ที่จุดกลับรถ ทางร่วม ทางแยกจำนวนมาก ตรงนี้ทำให้พี่น้องประชาชน เกิดความอุ่นใจ เวลารถติดหรือมีปัญหา หรือสภาพการจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการแก้ไขปัญหาจราจร มีการประสานงานทางวิทยุสื่อสาร จัดการจราจรที่สัมพันธ์และต่อเนื่องกัน ผมสังเกตุว่ากำลังเจ้าหน้าที่นั้น มีส่วนหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะมีการนำกำลังตำรวจจราจรไปปฏิบัติในหน้าที่อื่นๆ ในช่วงที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ แต่วันนี้เหตุการณ์ต่างๆ ได้กลับคืนสู่สภาพตามปกติแล้ว ดังนั้น อาจจำเป็นต้องหารือกับผู้รับผิดชอบว่า ควรจะจัดเจ้าหน้าที่จราจรลงมาปฏิบัติหน้าที่จราจรในพื้นที่ในช่วงเวลาเร่งด่วน นี่คือสิ่งที่อยากจะทำ” พล.ต.อ.สมยศกล่าว
ผบ.ตร.กล่าวด้วยวาา สำหรับเรื่องที่สามเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาการจราจรในช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลปีใหม่ ทุกภาคส่วนจะมีการเตรียมการที่จะแก้ปัญหาการจราจรในช่วงเทศกาลต่างๆ ทั้งการแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือลดจำนวนคนเจ็บ คนตาย ซึ่งจะดำเนินการเป็นครั้งๆ ไปหรือดำเนินการเฉพาะในช่วงเทศกาล หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมารับผิดชอบ ทำในสิ่งเหล่านี้ ผมได้มอบหมายให้ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ตั้งคณะทำงานพัฒนาการบริหารงานการจราจรอย่างเป็นระบบและบูรณาการ เพื่อศึกษาหาแนวทางการแก้ปัญหาการจราจร ตลอดจนอุบัติเหตุบนท้องถนนแบบบูรณาการและยั่งยืน โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจหน่วยต่างๆ, กรุงเทพมหานคร, กรมการขนส่งทางบก, กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท หรือหน่วยงานอื่น ๆ ทางภาคเอกชน เช่น สมาคมประกันวินาศภัยไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.), สสส., สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ, สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า, มูลนิธิเมาไม่ขับ ฯลฯ มาร่วมกันศึกษาหาแนวทางแก้ปัญหานี้อย่างบูรณาการและยั่งยืน
“เพราะว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น บางครั้งไม่ได้เกิดจากความประมาทของผู้ขับ อาจจะเกิดจากทัศนวิสัยที่เลวหรือไม่ดี ถนนหนทางไม่ดี ยวดยานไม่ดี ถนนหรือทางสร้าง ไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม เพราะฉะนั้นตรงนี้เราต้องแก้ไข ซึ่งในต่างประเทศจะมีการเก็บสถิติอุบัติเหตุ บริเวณต่างๆ ไว้ แล้วนำไปศึกษาว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นในห้วงเวลาไหน เกิดเพราะเหตุใด ยวดยานไม่มีประสิทธิภาพ หรือเกิดจากถนนไม่ดี หรือเกิดจากความประมาท ตรงนี้เราต้องศึกษาและแก้ไข ถ้าโค้งไหนที่มีอุบัติเหตุเรื่อยๆ และเกิดจากการก่อสร้างถนนผิดหลักวิศวกรรม ก็ต้องแก้ไข หรือถ้าช่วงไหนเกิดเหตุในช่วงทัศนวิสัยที่ไม่ดี ก็ต้องมีการทำป้ายบอก หรือเตือน หรือป้ายใช้บังคับความเร็วอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะทำ ทั้งสามสิ่งดังกล่าวข้างต้น เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจที่จะทำเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชน ในช่วงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด้วยความรักและความห่วงใยจากรัฐบาล และจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” พล.ต.อ.สมยศกล่าวทิ้งท้าย