จากเหตุโพแทสเซียมคลอเรต ทำปฏิกิริยากับสารผสมที่ชาวสวนนิยมใช้เร่งดอกลำใย เกิดระเบิดที่บ้านเลขที่ 34 บ้านไร่ หมู่ 2 ต.ดอยเต่า อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ได้รับความเสียหายทั้งหลัง และบ้านเรือนใกล้เคียงอีก 22 หลัง ได้รับความเสียหายไปด้วย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 7 รายนั้น
วานนี้(6 พ.ย.) พ.ต.อ.วาทยุทธ สิงห์ไผ่แก้ว ผกก.สภ.แม่กา อ.ดอยเต่า กล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวมีสารโพแทสเซียมคลอเรตจำนวนมาก เนื่องจากเจ้าของบ้านเป็นเจ้าของสวนลำไยกว่า 20 ไร่ ขายผลผลิตได้ปีละกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งต้องแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของบ้านด้วย แม้คาดว่าสียชีวิตแล้ว เพราะมีความผิดที่มีสารดังกล่าวซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ และเป็นสารหวงห้ามไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่ได้รับอนุญาต เบื้องต้น คาดว่าเก็บไว้หลายร้อยกิโลกรัม ทั้งเพื่อใช้เองในสวน และจำหน่ายให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่
ข่าวแจ้งว่า บ้านหลังเกิดเหตุระเบิดเป็นของนางพยอม นันต๊ะสาร อายุ 45 ปี ซึ่งช่วงเกิดเหตุอยู่ภายในบ้าน กับนางสมใจ แสงแก้ว อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากพบเศษชิ้นเนื้อมนุษย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังคงกั้นแนวเขต ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้า-ออกจุดเกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 5 เข้าตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบว่าแรงระเบิดทำให้บ้านเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง อีก 22 หลังในนรัศมีประมาณ 100 เมตร ฝ้าเพดานพัง ผนังบ้านเสียหาย ซึ่งทางอำเภอได้ตั้งโต๊ะรับแจ้งความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว พร้อมนำทีมแพทย์มาดูแลด้วย
ขณะที่มณฑลทหารบกที่ 33 เชียงใหม่ จัดส่งกำลังมาเตรียมพร้อมช่วยเหลือหลังจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งบ้านที่เสียหายจะสร้างบ้านชั่วคราวให้ก่อน สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลดอยเต่า กลับบ้านได้แล้ว 1 ราย ที่เหลืออยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว คาดว่าจะทยอยกลับบ้านได้เช่นกัน
ต่อมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจที่เกิดเหตุ ยังคงพบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์กระจายทั่วที่เกิดเหตุ ที่ชั้นล่างของบ้านพบหลุมที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดระเบิด กว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 50 เซนติเมตร พบเศษกระสอบโปแตสเซียมคลอเรตขนาด 25 กิโลกรัม และกระสอบบรรจุปุ๋ยจำนวนมาก จึงได้มีการเก็บหมายเลขบรรจุภัณฑ์ เพื่อติดตามแหล่งที่มาของสาร
ร.ต.ต.สหรัฐ มีชำนาญ รองสารวัตรเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับวิเคราะห์ข่าว และเครื่องมือพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า สาเหตุการระเบิดน่าจะมาจากสารโปแตสเซียมคลอเรต ที่ผู้เสียชีวิตอาจจะนำมาบดผสมกับสารเร่งซึ่งอาจจะเป็นกำมะถันเตรียมใส่สวนลำไย แต่เกิดการเสียดสีหรือกระแทกกับกำมะถัน ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เบื้องต้นคาดว่าในบ้านน่าจะมีสารโปแตสเซียมคลอเรตไม่ต่ำกว่า 400 กิโลกรัม
ทั้งนี้ สารโปรแตสเซียมคลอเรตไม่สามารถระเบิดหรือประทุขึ้นเองได้ เพราะเป็นสารประกอบของปุ๋ย แต่เมื่อถูกนำมาผสมกับสารอื่นตามสูตรของชาวบ้าน และถูกความร้อนจนเกิดประกายไฟ ก็ส่งผลให้เกิดการสันดาปและระเบิดขึ้น แต่ต้องรอผลพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
วานนี้(6 พ.ย.) พ.ต.อ.วาทยุทธ สิงห์ไผ่แก้ว ผกก.สภ.แม่กา อ.ดอยเต่า กล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวมีสารโพแทสเซียมคลอเรตจำนวนมาก เนื่องจากเจ้าของบ้านเป็นเจ้าของสวนลำไยกว่า 20 ไร่ ขายผลผลิตได้ปีละกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งต้องแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของบ้านด้วย แม้คาดว่าสียชีวิตแล้ว เพราะมีความผิดที่มีสารดังกล่าวซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ และเป็นสารหวงห้ามไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่ได้รับอนุญาต เบื้องต้น คาดว่าเก็บไว้หลายร้อยกิโลกรัม ทั้งเพื่อใช้เองในสวน และจำหน่ายให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่
ข่าวแจ้งว่า บ้านหลังเกิดเหตุระเบิดเป็นของนางพยอม นันต๊ะสาร อายุ 45 ปี ซึ่งช่วงเกิดเหตุอยู่ภายในบ้าน กับนางสมใจ แสงแก้ว อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากพบเศษชิ้นเนื้อมนุษย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังคงกั้นแนวเขต ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้า-ออกจุดเกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 5 เข้าตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบว่าแรงระเบิดทำให้บ้านเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง อีก 22 หลังในนรัศมีประมาณ 100 เมตร ฝ้าเพดานพัง ผนังบ้านเสียหาย ซึ่งทางอำเภอได้ตั้งโต๊ะรับแจ้งความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว พร้อมนำทีมแพทย์มาดูแลด้วย
ขณะที่มณฑลทหารบกที่ 33 เชียงใหม่ จัดส่งกำลังมาเตรียมพร้อมช่วยเหลือหลังจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งบ้านที่เสียหายจะสร้างบ้านชั่วคราวให้ก่อน สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลดอยเต่า กลับบ้านได้แล้ว 1 ราย ที่เหลืออยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว คาดว่าจะทยอยกลับบ้านได้เช่นกัน
ต่อมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจที่เกิดเหตุ ยังคงพบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์กระจายทั่วที่เกิดเหตุ ที่ชั้นล่างของบ้านพบหลุมที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดระเบิด กว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 50 เซนติเมตร พบเศษกระสอบโปแตสเซียมคลอเรตขนาด 25 กิโลกรัม และกระสอบบรรจุปุ๋ยจำนวนมาก จึงได้มีการเก็บหมายเลขบรรจุภัณฑ์ เพื่อติดตามแหล่งที่มาของสาร
ร.ต.ต.สหรัฐ มีชำนาญ รองสารวัตรเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับวิเคราะห์ข่าว และเครื่องมือพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า สาเหตุการระเบิดน่าจะมาจากสารโปแตสเซียมคลอเรต ที่ผู้เสียชีวิตอาจจะนำมาบดผสมกับสารเร่งซึ่งอาจจะเป็นกำมะถันเตรียมใส่สวนลำไย แต่เกิดการเสียดสีหรือกระแทกกับกำมะถัน ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เบื้องต้นคาดว่าในบ้านน่าจะมีสารโปแตสเซียมคลอเรตไม่ต่ำกว่า 400 กิโลกรัม
ทั้งนี้ สารโปรแตสเซียมคลอเรตไม่สามารถระเบิดหรือประทุขึ้นเองได้ เพราะเป็นสารประกอบของปุ๋ย แต่เมื่อถูกนำมาผสมกับสารอื่นตามสูตรของชาวบ้าน และถูกความร้อนจนเกิดประกายไฟ ก็ส่งผลให้เกิดการสันดาปและระเบิดขึ้น แต่ต้องรอผลพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง