ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จนท.พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุสารโพแทสเซียมคลอเรตระเบิดที่ดอยเต่า เจอหลุมกว้าง 2 ม. ลึก 0.5 ม. สันนิษฐานสาเหตุมาจากเจ้าของบ้านบดผสมทำสารเร่งลำไยแต่เกิดประกายไฟปะทุ คาดมีสารดังกล่าวเก็บไว้ในบ้านมากถึง 400 กก. พบแรงระเบิดกินรัศมี 100 ม. บ้านเสียหายรวม 24 หลัง ยังไม่พบผู้สูญหาย 2 ราย แต่น่าจะเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ทหารนำกำลังเข้าให้ความช่วยเหลือ ส่วนทางอำเภอตั้งโต๊ะรับแจ้งความเดือดร้อนผู้ประสบภัย พร้อมจัดทีมแพทย์ช่วยดูแล
จากกรณีที่ช่วงเย็นวานนี้ (5 พ.ย.) เกิดเหตุระเบิดที่บ้านเลขที่ 34 บ้านไร่หมู่ที่ 2 ตำบลดอยเต่า อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า สาเหตุน่าจะเนื่องมาจากสารโพแทสเซียมคลอเรต ที่ชาวสวนนิยมใช้เร่งผลผลิตลำไย ซึ่งเก็บไว้ในบ้านหลังดังกล่าวเป็นจำนวนมากเกิดการระเบิดขึ้นนั้น
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (6 พ.ย.) ทางอำเภอดอยเต่า ได้มีการตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุระเบิดดังกล่าวขึ้นแล้ว โดยเปิดรับแจ้งความเสียหายจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ พร้อมนำทีมแพทย์มาดูแลผู้ประสบภัย ซึ่งเหตุระเบิดดังกล่าวได้ส่งผลกระทบรุนแรงเป็นรัศมีประมาณ 100 เมตร จากจุดเกิดเหตุ มีบ้านเสียหายทั้งหลัง จำนวน 2 หลัง และได้รับความเสียหายบางส่วนอีก 22 หลัง
ด้านเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุ และเก็บหลักฐานแล้ว ซึ่งยังพบชิ้นส่วนของอวัยวะมนุษย์ตกกระจายทั่วที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน บริเวณชั้นล่างของบ้านพบหลุมที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดที่เกิดการระเบิดกว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 50 เซนติเมตร และยังพบซากของกระสอบบรรจุสารโพแทสเซียมคลอเรต ขนาด 25 กิโลกรัม ตกอยู่ พร้อมกับกระสอบบรรจุปุ๋ยอีกจำนวนมาก โดยได้มีการเก็บหมายเลขของบรรจุภัณฑ์เพื่อติดตามแหล่งที่มาของสารดังกล่าว
ร.ต.ต.สหรัฐ มีชำนาญ รองสารวัตรเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับวิเคราะห์ข่าว และเครื่องมือพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า สาเหตุของการระเบิดตั้งนี้น่าจะมาจากสารโพแทสเซียมคลอเรต ที่ผู้เสียชีวิตอาจจะนำมาบด และทำส่วนผสมของสารเร่งลำไย ซึ่งเตรียมไว้ที่จะนำไปใส่ในสวนลำไยของตนเอง เมื่อเกิดการเสียดสี หรือการกระแทกกับสารประกอบที่นำมาทำสารเร่ง ซึ่งอาจจะเป็นกำมะถัน ทำให้สารดังกล่าวเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง และเบื้องต้นคาดว่าในบ้านที่เกิดเหตุน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 400 กิโลกรัม
ทั้งนี้ สารโพแทสเซียมคลอเรตนั้น เพียงตัวของมันเองไม่สามารถระเบิด หรือปะทุขึ้นเองได้ เพราะเป็นสารประกอบของปุ๋ย แต่ถูกนำมาผสมกับสารอื่นเพื่อเป็นสารเร่งลำไยตามสูตรของชาวบ้านแต่ละพื้นที่ จึงเชื่อว่าสารที่ทำให้เกิดการปะทุอาจจะมาจากสารอื่นที่เป็นตัวประกอบ เมื่อถูกความร้อนจนเกิดประกายไฟขึ้นก็ส่งผลให้เกิดการสันดาป และเกิดการระเบิดขึ้นดังกว่า แต่ต้องรอผลการพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่มณฑลทหารบกที่ 33 เชียงใหม่ ได้จัดส่งกำลังทหารเข้ามาเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจที่เกิดเหตุแล้ว สำหรับความช่วยเหลือหลังจากนี้ ก็จะสรุปความเสียหาย และช่วยเหลือเรื่องของบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งบ้านที่เสียหายทั้งหลังก็จะมีการสร้างบ้านสำหรับเป็นที่อยู่ช่วงคราวให้ก่อน
ส่วนอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 7 ราย ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลดอยเต่า ล่าสุดสามารถกลับบ้านได้แล้ว 1 ราย ส่วนที่เหลือยังรอดูอาการ แต่ทั้งหมดอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้วคาดว่าจะทยอยกลับบ้านได้ในวันนี้