ASTVผู้จัดการรายวัน- กสทช. เปิดประชาพิจารณ์ หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ 30 เสียง ถล่มการทำงาน กสทช. ไม่เห็นด้วยกับการเรียงช่อง1-36 มองไม่เป็นธรรมแก่เคเบิล/ทีวีดาวเทียม แต่สนับสนุนการเรียงช่องเดียวกันในทุกแพลทฟอร์ม เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ชม
วานนี้ (5พ.ย.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้จัดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นสาธารณะเรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์พ.ศ. ..... โดยภายในงานมีผู้ลงชื่อทั้งจากกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องและประชาชน ทั่วไปกว่า 30 ราย ร่วมแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการที่ทาง กสทช. บังคับให้มีการเรียงช่องทีวีดิจิตอล หมายเลข 1-36 ในทุกแพลทฟอร์ม
เสียงส่วนใหญ่มองว่า ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ลงทุนเองทั้งหมด และไม่ได้ใช้ทรัพยากรของชาติ ควรให้เจ้าของบ้านหรือผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถตัดสินใจเรียงช่องเองได้ และบางส่วนเห็นด้วยกับการเรียงช่องครั้งนี้ เนื่องจากแต่ละช่องมีมูลค่าจากการประมูลช่องทีวีดิจิตอลในราคาที่สูง แต่สำคัญที่สุด
เห็นใจทั้งกลุ่มเคเบิล/ทีวีดาวเทียม และกสทช. โดยหวังว่าจะสามารถหนทางออกร่วมกัน ให้เกิดการเรียงช่อง โดยจะเริ่มที่เลขใดก็ได้เพื่อผู้ชมจะได้ไม่สับสน
พันเอก นที ศุกลรัตน์ รองประธาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจกาคโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า การจัดประชาพิจารณ์ครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่1หลังจากออกประกาศฉบับเดิมที่ให้เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม มี
10ช่องแรกและมีการเรียงช่องทีวีดิจิตอลที่หมายเลข 16-46
โดยหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์พ.ศ. ..... ครั้งนี้ถือเป็นฉบับแก้ไขหลังจากที่ถูกฟ้องจากผู้ประกอบการเคเบิลทีวีบางราย ที่มองว่า เลขช่อง1-10ช่องแรกไม่เป็นธรรม ทางกสทช.จึงกำหนดให้เลข1-36เป็นการเรียงช่องทีวีดิจิตอลในทุกแพลทฟอร์มเพื่อประชาชนจะได้เข้าใจตรงกันและเคเบิล/ทีวีดาวเทียมจะง่ายในการกำหนดช่องมากขึ้น
"การเปิดประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ ไม่ได้กำหนดแนวทางอะไรไว้ เพียงเปิดให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยและบางส่วนยังเข้าใจไม่ถูกต้อง โดยหลังจากนี้กสท.จะนำข้อมูลมาประกอบการพิจาณาจะดเรียงช่องต่อไป"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงการแสดงความคิดเห็นนั้น หลายรายไม่เห็นด้วยกับหลักการฯในครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่ยอมรับได้ในการเรียงช่องที่เหมือนกันในทุกแพลทฟอร์ม แต่ไม่จำกัดว่าจะเริ่มที่ช่องใด
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การจัดเรียงช่องทีวีดิจิตอลตั้งแต่เลข1-36ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวี/ทีวี ดาวเทียม เพราะเป็นกลุ่มที่ลงทุนเองไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และไม่ได้ใช้ทรัพยากรของชาติ ควรให้ผู้ประกอบการเหล่านี้มีการพูดคุยกันเองในการกำหนดการเรียงช่องทีวีดิจิตอลได้เอง
สอดคล้องกับ นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ผู้แทนบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การนำช่องรายการของทรูวิชั่นส์ไปให้ทีวีดิจิตอลออกอากาศตั้งแต่เลข1-36นั้น เสมือนเป็นการริบทรัพย์สินของบริษัท และกสทช.เลือกปฏิบัติระหว่างผู้ประกอบการของกสทช.กับผู้ประกอบการเคเบิลดาวเทียม ดังนั้นร่างประกาศดังกล่าวไม่ได้ส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการโทรทัศน์ได้อย่างทั่วถึงและไม่ได้ก่อประโยชน์อย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นการผลักภาระการเปลี่ยนผ่านของทีวีดิจิตอลมายังผู้ให้บริการเคเบิลดาวเทียม แทนโครงข่ายที่ยังติดตั้งไม่เรียบร้อย
ด้านดร.นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเรียงช่องทีวีดิจิตอลเป็นเรื่องที่ล้าสมัย อีกทั้งมองว่าไม่ใช่เรื่องระดับชาติ จึงไม่เห็นด้วยในการพิจารณาจัดเรียงช่อง1-36ในครั้งนี้ แต่,องว่าควรมองเรื่องของอนาคต ผู้ชมไม่สนใจเรื่องเลขช่องมากกว่าประเภทช่อง ดังนั้นกสทช.จึงควรที่จะให้ความสำคัญกับประเภทช่องมากกว่าการเรียงช่อง
ขณะที่นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยกับการเรียงช่องในครั้งนี้ โดยมองว่าเคเบิลดาวเทียมไม่ได้เสียประโยชน์ เพราะเดิมเลข1-10ที่มีอยู่ไม่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเลขช่องของฟรีทีวีเดิมถือเป็นประโยชน์แก่ทางเคเบิลดาวเทียมด้วยซ้ำที่มีการเรียงเลขช่องเหมือนกันในทุกแพลทฟอร์ม
อย่างไรก็ตาม มีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชน ที่สรุปได้ว่า ต้องการที่จะเห็นการเรียงช่องเกิดขึ้น และเหมือนกันในทุกแพลทฟอร์ม และจะเริ่มที่เลขใดก็ได้โดยเห็นใจทั้ง2ฝ่ายคือผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิตอล และเคเบิลดาวเทียม รวมถึงกสทช.
วานนี้ (5พ.ย.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้จัดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นสาธารณะเรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์พ.ศ. ..... โดยภายในงานมีผู้ลงชื่อทั้งจากกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องและประชาชน ทั่วไปกว่า 30 ราย ร่วมแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการที่ทาง กสทช. บังคับให้มีการเรียงช่องทีวีดิจิตอล หมายเลข 1-36 ในทุกแพลทฟอร์ม
เสียงส่วนใหญ่มองว่า ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ลงทุนเองทั้งหมด และไม่ได้ใช้ทรัพยากรของชาติ ควรให้เจ้าของบ้านหรือผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถตัดสินใจเรียงช่องเองได้ และบางส่วนเห็นด้วยกับการเรียงช่องครั้งนี้ เนื่องจากแต่ละช่องมีมูลค่าจากการประมูลช่องทีวีดิจิตอลในราคาที่สูง แต่สำคัญที่สุด
เห็นใจทั้งกลุ่มเคเบิล/ทีวีดาวเทียม และกสทช. โดยหวังว่าจะสามารถหนทางออกร่วมกัน ให้เกิดการเรียงช่อง โดยจะเริ่มที่เลขใดก็ได้เพื่อผู้ชมจะได้ไม่สับสน
พันเอก นที ศุกลรัตน์ รองประธาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจกาคโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า การจัดประชาพิจารณ์ครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่1หลังจากออกประกาศฉบับเดิมที่ให้เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม มี
10ช่องแรกและมีการเรียงช่องทีวีดิจิตอลที่หมายเลข 16-46
โดยหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์พ.ศ. ..... ครั้งนี้ถือเป็นฉบับแก้ไขหลังจากที่ถูกฟ้องจากผู้ประกอบการเคเบิลทีวีบางราย ที่มองว่า เลขช่อง1-10ช่องแรกไม่เป็นธรรม ทางกสทช.จึงกำหนดให้เลข1-36เป็นการเรียงช่องทีวีดิจิตอลในทุกแพลทฟอร์มเพื่อประชาชนจะได้เข้าใจตรงกันและเคเบิล/ทีวีดาวเทียมจะง่ายในการกำหนดช่องมากขึ้น
"การเปิดประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ ไม่ได้กำหนดแนวทางอะไรไว้ เพียงเปิดให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยและบางส่วนยังเข้าใจไม่ถูกต้อง โดยหลังจากนี้กสท.จะนำข้อมูลมาประกอบการพิจาณาจะดเรียงช่องต่อไป"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงการแสดงความคิดเห็นนั้น หลายรายไม่เห็นด้วยกับหลักการฯในครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่ยอมรับได้ในการเรียงช่องที่เหมือนกันในทุกแพลทฟอร์ม แต่ไม่จำกัดว่าจะเริ่มที่ช่องใด
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การจัดเรียงช่องทีวีดิจิตอลตั้งแต่เลข1-36ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวี/ทีวี ดาวเทียม เพราะเป็นกลุ่มที่ลงทุนเองไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และไม่ได้ใช้ทรัพยากรของชาติ ควรให้ผู้ประกอบการเหล่านี้มีการพูดคุยกันเองในการกำหนดการเรียงช่องทีวีดิจิตอลได้เอง
สอดคล้องกับ นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ผู้แทนบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การนำช่องรายการของทรูวิชั่นส์ไปให้ทีวีดิจิตอลออกอากาศตั้งแต่เลข1-36นั้น เสมือนเป็นการริบทรัพย์สินของบริษัท และกสทช.เลือกปฏิบัติระหว่างผู้ประกอบการของกสทช.กับผู้ประกอบการเคเบิลดาวเทียม ดังนั้นร่างประกาศดังกล่าวไม่ได้ส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการโทรทัศน์ได้อย่างทั่วถึงและไม่ได้ก่อประโยชน์อย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นการผลักภาระการเปลี่ยนผ่านของทีวีดิจิตอลมายังผู้ให้บริการเคเบิลดาวเทียม แทนโครงข่ายที่ยังติดตั้งไม่เรียบร้อย
ด้านดร.นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเรียงช่องทีวีดิจิตอลเป็นเรื่องที่ล้าสมัย อีกทั้งมองว่าไม่ใช่เรื่องระดับชาติ จึงไม่เห็นด้วยในการพิจารณาจัดเรียงช่อง1-36ในครั้งนี้ แต่,องว่าควรมองเรื่องของอนาคต ผู้ชมไม่สนใจเรื่องเลขช่องมากกว่าประเภทช่อง ดังนั้นกสทช.จึงควรที่จะให้ความสำคัญกับประเภทช่องมากกว่าการเรียงช่อง
ขณะที่นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยกับการเรียงช่องในครั้งนี้ โดยมองว่าเคเบิลดาวเทียมไม่ได้เสียประโยชน์ เพราะเดิมเลข1-10ที่มีอยู่ไม่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเลขช่องของฟรีทีวีเดิมถือเป็นประโยชน์แก่ทางเคเบิลดาวเทียมด้วยซ้ำที่มีการเรียงเลขช่องเหมือนกันในทุกแพลทฟอร์ม
อย่างไรก็ตาม มีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชน ที่สรุปได้ว่า ต้องการที่จะเห็นการเรียงช่องเกิดขึ้น และเหมือนกันในทุกแพลทฟอร์ม และจะเริ่มที่เลขใดก็ได้โดยเห็นใจทั้ง2ฝ่ายคือผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิตอล และเคเบิลดาวเทียม รวมถึงกสทช.