นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการพบปะกันระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกศาลสูงสุดตัดสินจำคุก และหลบหนีคดีอาญาว่า อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน แต่รัฐมีหน้าที่ในการที่จะตามตัวบุคคลที่หลบหนีมาลงโทษ คนที่ไปพบอาจจะบอกว่า ตัวเองไม่ได้มีอำนาจหน้าที่แล้ว ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด หรือในความเป็นครอบครัวการจะไปพบปะก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก คือ มีลักษณะของการประชาสัมพันธ์กลับเข้ามา เป็นภาพที่ลงอยู่ในสื่อหลายฉบับ จนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้งดการนำเสนอข่าว แสดงให้เห็นว่าคงจะมีอะไรบางอย่างที่น่าตะขิดตะขวงใจในเรื่องความเหมาะสม
"หากเป็นเรื่องของครอบครัวจริงๆ ไม่มีการประชาสัมพันธ์ มันก็คงจะเบาลงกว่าที่มันมีความรู้สึกกันขณะนี้ ที่วิพากษ์
วิจารณ์ ซึ่งทุกคนต้องรักษากฎหมายบ้านเมือง ในการสวมหมวกบุคคลซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญนั้น ก็ต้องบอกไม่เหมาะสม แต่ถามว่า ถ้าเป็นพี่น้องกันเข้าใจกันได้มั้ย ผมว่าเข้าใจกันได้ แต่บังเอิญเป็นพี่น้องที่มีปัญหาทับซ้อน จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ถ้าพบกันเงียบๆ ตามประสาพี่น้อง ก็อาจจะเป็นเรื่องหนึ่ง แต่พอมีลักษณะการประชาสัมพันธ์ออกมาด้วย จะโดยใครก็แล้วแต่ มันก็ย้อนกลับมาสู่ประเด็นเดิมที่ว่า ปัญหาของการติดตามบุคคลที่กระทำความผิดกลับมาลงโทษนี้ ทำไม่ได้ เพราะมีปัญหาอะไร แล้วก็การที่มีบุคคลซึ่งเราไม่ได้พูดถึงเฉพาะกรณีของคนในครอบครัว แต่คนอื่นไปนั้น ความเหมาะสมมันเป็นอย่างไร และปฏิเสธไม่ได้ว่า ต่างชาติยังมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอิทธิพลสูงอยู่ในประเทศไทย"
ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ห้ามสื่อมวลชนนำการเสนอข่าวการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ และลดการนำเสนอสื่อที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม เพราะจะถูกนำมาเปรียบเทียบว่า ทำไมรัฐบาลไม่ทำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่สื่อนำเสนอเพราะมีประเด็น และเมื่อนำเสนอมาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจต้องชี้แจง ว่าอะไรที่ทำได้ อะไรที่ยังเกินวิสัยที่จะทำ หรือมีอะไรที่ยังทำได้อีก แล้วยังไม่ได้ทำ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการเขียนรัฐธรรมนูญว่า เป็นไปไม่ได้ ที่จะเขียนแล้วไม่ให้มีการปฏิวัติยึดอำนาจ เพราะเวลาที่เกิดรัฐประหารก็จะต้องมีการฉีกรัฐธรรมนูญ ยกเว้นฝ่ายตุลาการ ซึ่งคำถามที่ควรต้องการจะถามคือ ทำอย่างไรระบอบประชาธิปไตยจะมีความยั่งยืน ซึ่งไม่ได้เกิดจากผู้เขียนรัฐธรรมนูญ แต่จะเกิดขึ้นได้จากประชาชน หรือสังคม
เมื่อถามว่า เป็นห่วงประเด็นปฏิรูปให้นักการเมืองไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีความคิด ที่จะให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ตนอยากเตือนว่า ประสบการณ์ของประเทศไทย เวลาใดที่พรรคการเมืองอ่อนแอ คนไม่มีสังกัด คือความอิสระนั้น จะพบความจริงว่าอิทธิพลของเงินเข้าไปถึงศูนย์กลางอำนาจ โดยไม่ต้องไปถึงประชาชน
"วันนี้ถ้าจะตั้งต้นกันแล้วก็คิดว่า รัฐธรรมนูญแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง อยู่ที่ 36 คน จะเขียน ความผิดทุกอย่างอยู่ที่นักการเมืองอย่างเดียว ไม่ต้องมีนักการเมือง ไม่ต้องมีพรรคการเมือง แล้วทุกอย่างมันจะแก้ได้ ซึ่งไม่ใช่ เพราะยังมีโครงสร้างอำนาจระหว่างผู้ปกครอง ผู้บริหาร กับผู้ที่อยู่ภายใต้การบริหารจะเรียกว่านักการเมืองหรือไม่ ก็แล้วแต่ การเมืองก็คือนักการเมือง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
"หากเป็นเรื่องของครอบครัวจริงๆ ไม่มีการประชาสัมพันธ์ มันก็คงจะเบาลงกว่าที่มันมีความรู้สึกกันขณะนี้ ที่วิพากษ์
วิจารณ์ ซึ่งทุกคนต้องรักษากฎหมายบ้านเมือง ในการสวมหมวกบุคคลซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญนั้น ก็ต้องบอกไม่เหมาะสม แต่ถามว่า ถ้าเป็นพี่น้องกันเข้าใจกันได้มั้ย ผมว่าเข้าใจกันได้ แต่บังเอิญเป็นพี่น้องที่มีปัญหาทับซ้อน จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ถ้าพบกันเงียบๆ ตามประสาพี่น้อง ก็อาจจะเป็นเรื่องหนึ่ง แต่พอมีลักษณะการประชาสัมพันธ์ออกมาด้วย จะโดยใครก็แล้วแต่ มันก็ย้อนกลับมาสู่ประเด็นเดิมที่ว่า ปัญหาของการติดตามบุคคลที่กระทำความผิดกลับมาลงโทษนี้ ทำไม่ได้ เพราะมีปัญหาอะไร แล้วก็การที่มีบุคคลซึ่งเราไม่ได้พูดถึงเฉพาะกรณีของคนในครอบครัว แต่คนอื่นไปนั้น ความเหมาะสมมันเป็นอย่างไร และปฏิเสธไม่ได้ว่า ต่างชาติยังมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอิทธิพลสูงอยู่ในประเทศไทย"
ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ห้ามสื่อมวลชนนำการเสนอข่าวการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ และลดการนำเสนอสื่อที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม เพราะจะถูกนำมาเปรียบเทียบว่า ทำไมรัฐบาลไม่ทำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่สื่อนำเสนอเพราะมีประเด็น และเมื่อนำเสนอมาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจต้องชี้แจง ว่าอะไรที่ทำได้ อะไรที่ยังเกินวิสัยที่จะทำ หรือมีอะไรที่ยังทำได้อีก แล้วยังไม่ได้ทำ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการเขียนรัฐธรรมนูญว่า เป็นไปไม่ได้ ที่จะเขียนแล้วไม่ให้มีการปฏิวัติยึดอำนาจ เพราะเวลาที่เกิดรัฐประหารก็จะต้องมีการฉีกรัฐธรรมนูญ ยกเว้นฝ่ายตุลาการ ซึ่งคำถามที่ควรต้องการจะถามคือ ทำอย่างไรระบอบประชาธิปไตยจะมีความยั่งยืน ซึ่งไม่ได้เกิดจากผู้เขียนรัฐธรรมนูญ แต่จะเกิดขึ้นได้จากประชาชน หรือสังคม
เมื่อถามว่า เป็นห่วงประเด็นปฏิรูปให้นักการเมืองไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีความคิด ที่จะให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ตนอยากเตือนว่า ประสบการณ์ของประเทศไทย เวลาใดที่พรรคการเมืองอ่อนแอ คนไม่มีสังกัด คือความอิสระนั้น จะพบความจริงว่าอิทธิพลของเงินเข้าไปถึงศูนย์กลางอำนาจ โดยไม่ต้องไปถึงประชาชน
"วันนี้ถ้าจะตั้งต้นกันแล้วก็คิดว่า รัฐธรรมนูญแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง อยู่ที่ 36 คน จะเขียน ความผิดทุกอย่างอยู่ที่นักการเมืองอย่างเดียว ไม่ต้องมีนักการเมือง ไม่ต้องมีพรรคการเมือง แล้วทุกอย่างมันจะแก้ได้ ซึ่งไม่ใช่ เพราะยังมีโครงสร้างอำนาจระหว่างผู้ปกครอง ผู้บริหาร กับผู้ที่อยู่ภายใต้การบริหารจะเรียกว่านักการเมืองหรือไม่ ก็แล้วแต่ การเมืองก็คือนักการเมือง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว