**ดูท่า "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะถูกควันหลงเทศกาลวันปล่อยผี-ฮัลโลวีนของฝรั่งหัวทองเข้าแบบเต็มเปา ออกอาการเหมือนคนถูกผีหลอกหัวโกร๋นมาอย่างไรอย่างนั้น ทีเดียว
ผีที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น“ผีทักษิณ”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ผลุบๆ โผล่ๆ ตามหลอกหลอนท่านผู้นำคนปัจจุบันเป็นระยะๆ หนล่าสุด ก็ควงแขนน้องสาว “ปูแดง”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออนทัวร์ญี่ปุ่น-จีน แถมโพสต์ภาพเย้ยอำนาจรัฐบาลคสช.ไม่เว้นแต่ละวัน ตามประสาสองศรีพี่น้องที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
**ถูก“ท๊อปบูต”ถีบร่วงจากเก้าอี้ทั้งคู่
ภาพ“แม้ว-ปู”หนีบกันเที่ยวต่างแดน อย่างสบายอุรา ถูกแชร์กันแบบสนั่นสังคมโซเชี่ยล จนถูกนำขึ้นหน้าหนึ่งพาดตัวเป้งบนหนังสือพิมพ์ใหญ่น้อย หลายวันติดต่อกัน แถมยังโชว์วิทยายุทธ์ งัดคอนเนกชั่น จัดกำหนดการดูงานหน่วยงานของทางการหลายแห่ง มีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับขับสู้ ไม่ต่างจากสมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นนายกฯ กันอยู่
ช็อตนี้กระแทกใจผู้นำรัฐบาล คสช. เข้าอย่างจัง จน "นายกฯตู่" เก็บอาการไม่อยู่ ถึงขนาดเอ่ยปากกับสื่อมวลชน ขอให้ลดการนำเสนอทั้งภาพ และข่าวของ“ทักษิณ” เหมือนไม่อยากเห็นภาพให้ปวดกระดองใจ ซึ่งคำร้องของท่านผู้นำประเทศคนปัจจุบัน ทำเอาคนที่ได้ยิน ได้ฟัง ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก พร้อมคำถามว่า การไม่นำเสนอข่าว“ทักษิณ”จะสร้างความสามัคคี หรือช่วยให้ คสช.เดินหน้าโรดแมปปฏิรูปได้ตรงไหน
เพราะการนำเสนอข่าว“ทักษิณ”ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และมหาเศรษฐีระดับโลก หรือกระทั่งในฐานะผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญา ย่อมเป็นที่สนใจของสาธารณชนอยู่แล้ว ในวงการก็พูดกันว่า“ข่าวนี้ขายได้”
แถมรอบนี้มีน้องสาวไปช่วยเพิ่มน้ำหนักข่าวให้น่าสนใจขึ้นไปอีก เพราะเป็นช่วงที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังจะพิจารณาวาระ ถอดถอน “ยิ่งลักษณ์”ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จากนั้นก็มีเรื่องการส่งฟ้องคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวจ่อคอหอยอยู่อีก ก็เป็นธรรมดาที่ต้องลุ้นกันว่า คสช.เปิดทางให้ไปรอบนี้ “คุณปู” จะติดปีกหนีเหมือนที่พี่ชายทำให้ดูเป็นตัวอย่างมาก่อนหรือไม่
ยิ่งเมื่อถอดรหัสคำพูดของ“บิ๊กตู่”ในเรื่องนี้ ที่ว่า " สื่อก็อย่าไปเสนอข่าว ถ้าใครทำผิดกฎหมาย ก็อย่าเสนอภาพคนที่ผิดกฎหมาย ก็จบแล้ว แล้วเสนอกันทำไม วันนี้อยากขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนว่า อะไรที่ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม อย่าเพิ่งนำเสนอ จะเห็นได้ว่า ผมไม่ได้ไปห้ามปรามใคร เพราะยังไม่มีการตัดสินอย่างชัดเจน ถ้ามันมีคดีความอยู่แล้วขอให้สื่อช่วยลดการนำเสนอลงหน่อยได้ไหม เพราะเมื่อมีการนำเสนอขึ้นมา จะมีคนมาเปรียบเทียบว่า ทำไมรัฐบาลไม่ทำอะไร ถ้าช่วยกันไม่เสนอข่าว ก็เบาลง"
ที่บอกว่า “...อย่าเสนอภาพคนที่ผิดกฎหมายก็จบแล้ว..”แสดงว่า รู้ทั้งรู้ว่า “ทักษิณ”เป็นคนผิดกฎหมาย อีกประโยคที่ต่อเนื่องมา “...เมื่อมีการนำเสนอขึ้นมา จะมีคนมาเปรียบเทียบว่า ทำไมรัฐบาลไม่ทำอะไร”กลายเป็นว่ามาโทษสื่อที่เสนอข่าว“ทักษิณ”เหมือนเป็นการประจานรัฐบาล คสช. ที่ไม่จัดการกับคนที่ผิดกฎหมาย
ก็เท่ากับว่า“บิ๊กตู่”รู้ปัญหาทั้งหมดอยู่แล้วว่า “ทักษิณ”ทำผิดกฎหมาย แล้วรัฐบาลก็ไม่ทำอะไร แต่การมาบอกกับสื่อมวลชน มันคือการแก้ปัญหาที่ถูกจุด เกาถูกที่คันหรือไม่
**สิ่งที่ถูกที่ควรซึ่ง“รัฐบาลบิ๊กตู่”ต้องทำก็คือ การนำตัวคนทำผิดกฎหมายกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ และหากมองว่า “ทักษิณ”เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง อย่างน้อยๆ ก็ควรใช้มาตรการกดดันไม่ให้ทำตัวเป็น“สัมภเวสี”เร่ร่อน โฉบไปโฉบมา อย่างสบายใจขนาดนี้ แต่ตลอดระยะเวลา 5 เดือนกว่าที่ “ประยุทธ์”เข้ามาถืออำนาจใหญ่คับประเทศ กลับไม่เคยมีแอคชั่นใดๆ ในเรื่องนี้เลย ที่สำคัญยังไม่เคยแม้แต่จะพูดชื่อ “ทักษิณ”หรือแนวทางดำเนินการกับนักโทษชายรายนี้ให้ได้ยินเลย
ทั้งๆ ที่วิธีการทำให้ “ทักษิณ”ไม่กล้าออกมาเสนอหน้า ทำได้ง่ายนิดเดียว แค่เดินหน้ากระบวนการ“ขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน”ตามช่องทางต่างๆ ให้ถูกต้อง เพราะในกรณีของ“นช.แม้ว”เข้าเกณฑ์การส่งผู้ร้ายข้ามแดน อย่างชัดเจน ทั้งมีความผิดในคดีอาญา หลบหนีหมายจับ และหลบหนีโทษจำคุก ที่ศาลพิพากษาเป็นที่สุดแล้ว
นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่มีอำนาจล้นมือ เพียงแค่สั่งการให้“ตำรวจ”และ “อัยการสูงสุด”ร่วมทำหน้าที่ติดตามตัว“ผู้ร้าย”ให้กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ และเป็นขั้นตอนตามกฎหมายที่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่ประการใด และเมื่อได้รับคำสั่ง “ตำรวจ” ก็มีหน้าที่สืบสวน หาแหล่งที่อยู่ของผู้ต้องหา โดยอาศัยความร่วมมือทางช่องทางตำรวจสากล หรือหากมีเบาะแส ก็แจ้งตรงไปยังตำรวจของประเทศนั้นๆ ซึ่งคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง เพราะ “ทักษิณ”ก็ถนัดในการเปิดหน้า ท้าทายอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
เมื่อรู้แหล่งที่อยู่แล้วก็เป็นหน้าที่ของ “อัยการสูงสุด”ในฐานะทนายแผ่นดิน ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งเรื่องไปยังประเทศที่ร้องขอ ส่วนเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของประเทศนั้นๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ตัวกลับมาแบบทันท่วงที แต่อย่างน้อยก็คงกำราบความโอหังของ “นช.แม้ว”ลงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย การจะเดินเหินไปประเทศนั้น ประเทศนี้ ก็ทำได้ยากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานความผิดของ“ทักษิณ”เกี่ยวกับเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งนานาประเทศไม่ยอมรับ จะเห็นได้ว่าขั้นตอนตามกฎหมายในเรื่องผู้ร้ายข้ามแดน ก็เป็นงานรูทีน ทั่วๆไป ไม่ได้พิสดารพันลึก หรือยากเย็นแสนเข็ญแต่อย่างใด แต่เมื่อรัฐบาลนี้กลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการ จึงมีคำถามว่า แท้จริงแล้วจุดยืนของ “บิ๊กตู่”และรัฐบาลคสช. ต่อ “นช.ทักษิณ”เป็นอย่างไรกันแน่
**หรือยังเป็นดั่งวลี “ไว้ใจไอ้ตู่มาก”จาก “คลิปถั่งเช่า”ในตำนาน
ผีที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น“ผีทักษิณ”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ผลุบๆ โผล่ๆ ตามหลอกหลอนท่านผู้นำคนปัจจุบันเป็นระยะๆ หนล่าสุด ก็ควงแขนน้องสาว “ปูแดง”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออนทัวร์ญี่ปุ่น-จีน แถมโพสต์ภาพเย้ยอำนาจรัฐบาลคสช.ไม่เว้นแต่ละวัน ตามประสาสองศรีพี่น้องที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
**ถูก“ท๊อปบูต”ถีบร่วงจากเก้าอี้ทั้งคู่
ภาพ“แม้ว-ปู”หนีบกันเที่ยวต่างแดน อย่างสบายอุรา ถูกแชร์กันแบบสนั่นสังคมโซเชี่ยล จนถูกนำขึ้นหน้าหนึ่งพาดตัวเป้งบนหนังสือพิมพ์ใหญ่น้อย หลายวันติดต่อกัน แถมยังโชว์วิทยายุทธ์ งัดคอนเนกชั่น จัดกำหนดการดูงานหน่วยงานของทางการหลายแห่ง มีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับขับสู้ ไม่ต่างจากสมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นนายกฯ กันอยู่
ช็อตนี้กระแทกใจผู้นำรัฐบาล คสช. เข้าอย่างจัง จน "นายกฯตู่" เก็บอาการไม่อยู่ ถึงขนาดเอ่ยปากกับสื่อมวลชน ขอให้ลดการนำเสนอทั้งภาพ และข่าวของ“ทักษิณ” เหมือนไม่อยากเห็นภาพให้ปวดกระดองใจ ซึ่งคำร้องของท่านผู้นำประเทศคนปัจจุบัน ทำเอาคนที่ได้ยิน ได้ฟัง ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก พร้อมคำถามว่า การไม่นำเสนอข่าว“ทักษิณ”จะสร้างความสามัคคี หรือช่วยให้ คสช.เดินหน้าโรดแมปปฏิรูปได้ตรงไหน
เพราะการนำเสนอข่าว“ทักษิณ”ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และมหาเศรษฐีระดับโลก หรือกระทั่งในฐานะผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญา ย่อมเป็นที่สนใจของสาธารณชนอยู่แล้ว ในวงการก็พูดกันว่า“ข่าวนี้ขายได้”
แถมรอบนี้มีน้องสาวไปช่วยเพิ่มน้ำหนักข่าวให้น่าสนใจขึ้นไปอีก เพราะเป็นช่วงที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังจะพิจารณาวาระ ถอดถอน “ยิ่งลักษณ์”ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จากนั้นก็มีเรื่องการส่งฟ้องคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวจ่อคอหอยอยู่อีก ก็เป็นธรรมดาที่ต้องลุ้นกันว่า คสช.เปิดทางให้ไปรอบนี้ “คุณปู” จะติดปีกหนีเหมือนที่พี่ชายทำให้ดูเป็นตัวอย่างมาก่อนหรือไม่
ยิ่งเมื่อถอดรหัสคำพูดของ“บิ๊กตู่”ในเรื่องนี้ ที่ว่า " สื่อก็อย่าไปเสนอข่าว ถ้าใครทำผิดกฎหมาย ก็อย่าเสนอภาพคนที่ผิดกฎหมาย ก็จบแล้ว แล้วเสนอกันทำไม วันนี้อยากขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนว่า อะไรที่ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม อย่าเพิ่งนำเสนอ จะเห็นได้ว่า ผมไม่ได้ไปห้ามปรามใคร เพราะยังไม่มีการตัดสินอย่างชัดเจน ถ้ามันมีคดีความอยู่แล้วขอให้สื่อช่วยลดการนำเสนอลงหน่อยได้ไหม เพราะเมื่อมีการนำเสนอขึ้นมา จะมีคนมาเปรียบเทียบว่า ทำไมรัฐบาลไม่ทำอะไร ถ้าช่วยกันไม่เสนอข่าว ก็เบาลง"
ที่บอกว่า “...อย่าเสนอภาพคนที่ผิดกฎหมายก็จบแล้ว..”แสดงว่า รู้ทั้งรู้ว่า “ทักษิณ”เป็นคนผิดกฎหมาย อีกประโยคที่ต่อเนื่องมา “...เมื่อมีการนำเสนอขึ้นมา จะมีคนมาเปรียบเทียบว่า ทำไมรัฐบาลไม่ทำอะไร”กลายเป็นว่ามาโทษสื่อที่เสนอข่าว“ทักษิณ”เหมือนเป็นการประจานรัฐบาล คสช. ที่ไม่จัดการกับคนที่ผิดกฎหมาย
ก็เท่ากับว่า“บิ๊กตู่”รู้ปัญหาทั้งหมดอยู่แล้วว่า “ทักษิณ”ทำผิดกฎหมาย แล้วรัฐบาลก็ไม่ทำอะไร แต่การมาบอกกับสื่อมวลชน มันคือการแก้ปัญหาที่ถูกจุด เกาถูกที่คันหรือไม่
**สิ่งที่ถูกที่ควรซึ่ง“รัฐบาลบิ๊กตู่”ต้องทำก็คือ การนำตัวคนทำผิดกฎหมายกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ และหากมองว่า “ทักษิณ”เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง อย่างน้อยๆ ก็ควรใช้มาตรการกดดันไม่ให้ทำตัวเป็น“สัมภเวสี”เร่ร่อน โฉบไปโฉบมา อย่างสบายใจขนาดนี้ แต่ตลอดระยะเวลา 5 เดือนกว่าที่ “ประยุทธ์”เข้ามาถืออำนาจใหญ่คับประเทศ กลับไม่เคยมีแอคชั่นใดๆ ในเรื่องนี้เลย ที่สำคัญยังไม่เคยแม้แต่จะพูดชื่อ “ทักษิณ”หรือแนวทางดำเนินการกับนักโทษชายรายนี้ให้ได้ยินเลย
ทั้งๆ ที่วิธีการทำให้ “ทักษิณ”ไม่กล้าออกมาเสนอหน้า ทำได้ง่ายนิดเดียว แค่เดินหน้ากระบวนการ“ขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน”ตามช่องทางต่างๆ ให้ถูกต้อง เพราะในกรณีของ“นช.แม้ว”เข้าเกณฑ์การส่งผู้ร้ายข้ามแดน อย่างชัดเจน ทั้งมีความผิดในคดีอาญา หลบหนีหมายจับ และหลบหนีโทษจำคุก ที่ศาลพิพากษาเป็นที่สุดแล้ว
นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่มีอำนาจล้นมือ เพียงแค่สั่งการให้“ตำรวจ”และ “อัยการสูงสุด”ร่วมทำหน้าที่ติดตามตัว“ผู้ร้าย”ให้กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ และเป็นขั้นตอนตามกฎหมายที่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่ประการใด และเมื่อได้รับคำสั่ง “ตำรวจ” ก็มีหน้าที่สืบสวน หาแหล่งที่อยู่ของผู้ต้องหา โดยอาศัยความร่วมมือทางช่องทางตำรวจสากล หรือหากมีเบาะแส ก็แจ้งตรงไปยังตำรวจของประเทศนั้นๆ ซึ่งคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง เพราะ “ทักษิณ”ก็ถนัดในการเปิดหน้า ท้าทายอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
เมื่อรู้แหล่งที่อยู่แล้วก็เป็นหน้าที่ของ “อัยการสูงสุด”ในฐานะทนายแผ่นดิน ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งเรื่องไปยังประเทศที่ร้องขอ ส่วนเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของประเทศนั้นๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ตัวกลับมาแบบทันท่วงที แต่อย่างน้อยก็คงกำราบความโอหังของ “นช.แม้ว”ลงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย การจะเดินเหินไปประเทศนั้น ประเทศนี้ ก็ทำได้ยากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานความผิดของ“ทักษิณ”เกี่ยวกับเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งนานาประเทศไม่ยอมรับ จะเห็นได้ว่าขั้นตอนตามกฎหมายในเรื่องผู้ร้ายข้ามแดน ก็เป็นงานรูทีน ทั่วๆไป ไม่ได้พิสดารพันลึก หรือยากเย็นแสนเข็ญแต่อย่างใด แต่เมื่อรัฐบาลนี้กลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการ จึงมีคำถามว่า แท้จริงแล้วจุดยืนของ “บิ๊กตู่”และรัฐบาลคสช. ต่อ “นช.ทักษิณ”เป็นอย่างไรกันแน่
**หรือยังเป็นดั่งวลี “ไว้ใจไอ้ตู่มาก”จาก “คลิปถั่งเช่า”ในตำนาน