ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในขณะที่คะแนนนิยมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งหมายรวมถึงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีตกลงไวเกินกว่าที่คาดคิด นับตั้งแต่ คสช. เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ดังผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ระบอบทักษิณกลับเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง หลังปรับเข้าตัวเข้าสู่สภาวะ “แกล้งตาย” พร้อมๆ กับการทำรัฐประหารของ คสช.
การเคลื่อนไหวของระบอบทักษิณดำเนินการแสดง “สัญญะ” ทางการเมืองผ่าน 2 ตัวละครเอกคือ นักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้นำสูงสุด และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง นกรู้ทางการเมืองฟันธงว่า เลือกตั้งเมื่อไหร่ พรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
สิ่งบ่งชี้แรกก็คือ การเดินทางไปต่างประเทศของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์และบุตรชาย
นางสาวยิ่งลักษณ์และบุตรชายเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและจีนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลสำคัญที่แจ้งต่อ คสช.คือ ต้องการไปพักผ่อน ทว่า ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์
ขณะที่มนุษย์ธรรมดาสามัญที่ไปพักผ่อนปรารถนา “ความสงบ” และ “ความเป็นส่วนตัว” แต่การพักผ่อนของนางสาวยิ่งลักษณ์กลับปรากฏรูปภาพให้เห็นตามสื่อมวลชนและโลกออนไลน์กลาดเกลื่อนไปไปหมด
สื่อ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า เป็นสื่อสีแดง พร้อมใจกันประโคมข่าวกันอย่างเอิกเกริก แถมบางฉบับยังเลือกภาพที่เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจด้วย เช่น กรณีที่ทั้ง 3 คนเดินทางไปชมม้าพันธุ์เซ็กธาว์หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “ม้าเหงื่อโลหิต” จากวรรณกรรมเรื่องสามก๊กที่คอกม้าแห่งหนึ่ง เป็นต้น
ที่สำคัญคือ การเดินทางไปต่างประเทศครั้งที่ 2 ของนางสาวยิ่งลักษณ์นับแต่รัฐประหารในครั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ไปถึงญี่ปุ่นในวันที่ 19 ตุลาคม 2557 จากนั้นในวันที่ 21 ตุลาคม 2557 นักโทษชายหนีคดีทักษิณผู้เป็นพี่ชายได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวมาพบ และต่อมาในวันที่ 25 ตุลาคม 2557 ทั้ง 3 คนได้เดินทางต่อไปประเทศจีน
คำถามมีอยู่ว่า การพบปะกันสองพี่น้องตระกูลชินวัตรครั้งนี้มีเรื่องสำคัญอะไร
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่ไม่ใช่การพะปะกันธรรมดา
ถ้าธรรมดา นักโทษชายหนีคดีทักษิณคงไม่ถึงกับต้องบินมาพบ
จะบอกว่า คิดถึงก็ใช่ที่
เบื้องแรกมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการเตรียมการเรื่องสู้คดีจำนำข้าว แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากนายพิชิต ชื่นบาน หนึ่งในทีมทนายว่า ไม่ได้มีทีมที่ปรึกษาทางกฎหมายร่วมเดินทางไปด้วย
ขณะที่นักวิชาการสายสีแดงบางคนมองว่า นี่คือเกมการเมืองระหว่างประเทศของระบอบทักษิณกับ คสช. เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลจีนมิได้ปฏิเสธการกลับมามีอำนาจอีกครั้งหลังเลือกตั้งของระบอบทักษิณ
มโนหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ แต่ก็เป็นไปได้
และที่แน่ๆ นี่คือการช่วงชิงพื้นที่สื่อที่ทรงประสิทธิภาพอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ย้ำกันอีกครั้งว่า เป็นการเดินทางที่ได้รับอนุญาตจาก คสช.อย่างถูกต้อง แต่ไม่ทราบในเชิงรายละเอียดว่า ได้มีการระบุแจ้งเรื่องที่จะมีการพบปะกับนักโทษชายหนีคดีทักษิณหรือไม่
ไม่เพียงแค่กรณีการเดินทางไปญี่ปุ่นและจีนเท่านั้น หากเมื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของระบอบทักษิณก็จะเห็นว่า เกมการช่วงชิงพื้นที่สื่อดำเนินไปอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
เรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่อง แต่ก็เป็นเรื่องเพราะมีการเผยแพร่กันในโลกออนไลน์อย่างเอิกเกริก นั่นคือกรณีการปรากฏภาพของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์คนสวยในวัย 22 ปีใส่เสื้อเกาะอกให้สัมภาษณ์ลงสื่อด้วยคำพาดหัวที่สุดจะจินตนาการว่า “ความสวยที่บาดคม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2557 เฟซบุ๊ก “แต้ว บอกอ MODEL” ได้เผยแพร่ภาพจากนิตยสาร GENERATION ฉบับที่ 9 กรกฎาคม 2533 คอลัมน์ TASTE หน้า 170-171 โดยเป็นภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวัย 22 ปี มีสมาชิกที่ชื่อ Natta Intraram เป็นผู้แบ่งปันข้อมูล ซึ่งเห็นว่าคงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาเป็นนางแบบถ่ายแบบลงนิตยสาร เป็นรูปที่หาดูยากมาก
สำหรับเนื้อหาในคอลัมน์ TASTE ซึ่งเขียนโดย กานต์ นิวเวฟ ระบุหัวข้อ “ความสวยที่บาดคม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มีเนื้อหาดังนี้…
“ไม่ใช่ยามเช้าและยามเย็นเท่านั้นที่ทำให้ช่วงแห่งความงดงาม แต่ช่วงเวลาอื่นๆ ก็งามดุลเดียวกันเสมอ
เที่ยงที่แดดร้อน อาจจะหวั่นไหวเพียงกลีบดอกไม้บาง แต่มันก็คือพลัง...
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลูกสาวคนสวยของอดีต ส.ส.เชียงใหม่ เลิศ ชินวัตร อีกทั้งเป็นน้องสาวคนโปรดของ เยาวลักษณ์ ชินวัตร อดีตเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ แหละมีพี่ชายอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร นักธุรกิจคนดังด้านคอมพิวเตอร์
เธอเป็นน้องคนเล็กของตระกูลที่ทุกคนรักและคอยเอาใจใส่ ด้วยวัย 22 ปี หลังจากที่จบรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่แล้ว เธอยังลุ่มหลงศาสตร์แขนงนี้ถึงกับบินไปเรียนระดับปริญญาโทเพิ่มเติมที่ KENTUCKY STATE UNIVERSITY ด้าน PUBLIC ADMINISTRATION
คำเมืองที่อู้แผ่วนุ่มผ่านริมฝีปากบางๆ นั้น ผมกลายเป็นคำสวยได้ว่า
“อยู่ที่เมืองนอกปูต้องวางตัว ทำตัวเป็นผู้ใหญ่และต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่างค่ะ ไม่เหมือนอยู่ที่บ้านเราที่มีพี่ๆ คอยดูแล ทำให้รู้สึกว่าเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา”
การเรียนด้านรัฐศาสตร์ที่ว่าอาจจะจำกัดความก้าวหน้าของผู้หญิงให้แคบลงจริงหรือ?
“จบทางด้านนี้ผู้หญิงจะก้าวหน้าในหน้าที่การงานยาก แต่อัตราการว่าจ้างก็พอมี คนที่เรียนรัฐศาสตร์จะมีความเฉียบขาดมากกว่าคณะอื่น เพราะเรามองคลุมได้ชัดเจนในทุกเรื่อง ใช่มั้ยคะ”
ความฝันของเธอ หากเรียนจบแล้วอยากเรียนเพิ่มเติมด้านคอมพิวเตอร์ เพื่อสายตรงที่จะกลับมาจะได้ช่วยธุรกิจของพี่ชาย
ขณะนี้ช่วงเวลาอันงดงาม ผมกับเธออยู่คนละมุมโลก เราหายใจอยู่คนละฤดูกาล ในชีวิตที่เปล่าเปลี่ยว เราอาจจะมีความอ้างว้างด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน
“ปูคิดถึงบ้าน ได้แต่เอาเพลงไทยเดิมมาฟัง เหงาจนกระทั่งน้ำตาไหลออกมา”
ผมไม่มีโอกาสรู้เลยว่าเธอคิดถึงใครบ้าง?.
นี่คือความตั้งใจที่จะช่วงชิงพื้นที่สื่อ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่อยู่ๆ วันดีคืนดีจะมีคนไปขุดรูปของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ออกมาเผยแพร่เช่นนั้น
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงอาจสรุปได้ว่า นี่คือการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ระบอบทักษิณไม่อยากให้คนลืม
พรรคเพื่อไทยไม่อยากให้คนลืมอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ซึ่ง ณ บัดนี้ก็ยังเป็นขวัญใจของคนเสื้อแดงจำนวนมาก
และเมื่อไม่อยากให้คนลืม ก็ต้องเป็นข่าว
การปรากฏตัวที่ญี่ปุ่นและจีน เป็นการส่งสัญญาณให้ลูกสมุนรับรู้ว่า พวกเขายังไม่เลิกราและพร้อมปลุกไพร่พลออกมาอาละวาดครั้งใหม่เมื่อโอกาสเอื้ออำนวย
เพราะระบอบทักษิณรู้ดีว่า อีกไม่นานความสุขจะคืนกลับมา นั่นคือเกิดการเลือกตั้ง และเมื่อมีการเลือกตั้ง พวกเขาก็มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะและกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
แล้วก็เป็นเรื่องน่าบังเอิญอย่างร้ายกาจที่เมื่อวันที่ 28 ต.ค.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม พร้อมนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ นายธีรัชย์ อัตนวานิช ผอ.สำนักบริหารการระดมทุนโครงการลงทุนภาครัฐ รักษาราชการแทนผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และ ผู้บริหารสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รวมถึงพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหมได้เดินทางไปเยือนประเทศสาธารณประชาชนจีน ทำให้มีการเชื่อมโยงกับการไปเที่ยวจีนของ “สองศรีพี่น้อง” แห่งระบอบทักษิณอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งนี้เนื่องจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แจ้งขอเลื่อนกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยกับทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ไปอีกระยะหนึ่งจากเดิมมีกำหนดเดินทางกลับในวันที่ 26 ตุลาคมนี้
กระทั่ง พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาชี้แจงแถลงไขผ่านผู้เป็นนายว่า เป็นการเยือนตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ฉาง ว่านฉวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแนะนำตัวและกระชับความสัมพันธ์ รวมทั้งขยายความร่วมมือในการสั่งซื้อผลิตผลทางการเกษตรของไทยพร้อมทั้งหารือการเตรียมการเยือนของนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ
“ไม่อยากให้สื่อมวลชนตีความกันไปต่างๆนาๆในการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในห้วงเวลานี้ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม”โฆษกกระทรวงกลาโหมชี้แจง
แน่นอน ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ว่า พวกเขาไปจีนกันทำไม