รถไฟสายโคราช-หนองคาย ชนสิบล้อขณะข้ามทางรถไฟ บ้านหนองกุง ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ดับคาที่ 4 ศพ เจ็บ 26 ราย คนขับรถบรรทุกสาหัส เผยรถไฟเปิดหวูดเตือนเสียงดังลั่นแล้วแต่ยังขับข้าม ประชาสัมพันธ์ร.ฟ.ท.ระบุมีเครื่องหมายเตือน แต่ไม่มีเครื่องกั้น ด้านคมนาคมเร่งแก้ปัญหา"ทางลักผ่าน" สั่งรฟท.เร่งสำรวจ 583 จุดออกแบบป้องกัน-แจ้งเตือนที่เหมาะสม คาด 1 เดือนสรุปแผน เล็งขอใช้งบกลางหรือให้ท้องถิ่นร่วมลงทุน
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้(30 ต.ค.)พ.ต.ท.ชินภัทร ประทุมดี พนักงานสอบสวนสภ.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น รับแจ้งอุบัติเหตุรถไฟชนรถบรรทุกดิน ที่ทางข้ามรางรถไฟบ้านหนองกุง หมู่ 17 ต.ศิลา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย จึงประสานอาสาหน่วยกู้ภัยไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถดีเซลราง ขบวนท้องถิ่น สายนครราชสีมา-หนองคาย ชนรถบรรทุก 10 ล้อขนดิน ทะเบียน 81-2864 ชัยนาท ระหว่างสถานีขอนแก่น-สำราญ เสาโทรเลขที่ 459/9-10 จนโบกี้รถไฟตู้แรกตกราง ส่วนรถบรรทุกพังเสียหายยับเยินกลายเป็นกองเศษเหล็ก ส่งผลให้ต้องหยุดการเดินรถไฟจากจ.ขอนแก่น ไปจ.อุดรธานี และจ.หนองคาย โดยผู้บาดเจ็บเล็กน้อยและต้องการเดินทางต่อไปจ.อุดรธานี และจ.หนองคาย ทางจังหวัดได้จัดรถโดยสารมารับเพื่อเดินทางต่อ
ตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 4 ศพ อยู่บนเนินดิน 2 ศพ คือ นายเพชร แพงดี พนักงานขับรถไฟ นายณรงค์ เดชมา ผู้โดยสาร ในซากหัวรถจักรพบศพนายดำริ โกศาราภ ช่างเครื่อง และพระวีระชาติ ถานมีโร ผู้โดยสาร
ผู้ได้รับบาดเจ็บต้องนำส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ โรงพยาบาลกรุงเทพ-ขอนแก่น รวม 26 คน รวมทั้งนายภัทรพล พะระสี อายุ 25 ปี คนขับรถบรรทุกที่บาดเจ็บสาหัส ซึ่งตำรวจอายัดตัวไว้ดำเนินคดี สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วย 1.นางละมัย ปะชานัง อายุ 35 ปี 2.ด.ญ.พลอยชมพู ผันกลาง อายุ 11 ปี 3.ด.ช.ณัฐภูมิ นกทองพระประกูล อายุ 8 ปี 4.ด.ช.เฉลิมภูมิ การไร่ อายุ 11 ปี 5. นางบัวภา สีกะพา อายุ 64 ปี 6.ด.ช.ไม่ทราบชื่อ 7.ชายไทยไม่ทราบชื่อ 8.หญิงไทยไม่ทราบชื่อ 9.นางบานเย็น การไร่ อายุ 77 ปี 10.นางสมบูรณ์ พรมบุรี อายุ 75 ปี
11.ด.ญ.มีนา มะนิดา อายุ 13 ปี 12.นายนาวิน การไร่ อายุ 16 ปี 13.นางอุไรทิพย์ เดือนทะนนท์ อายุ 57 ปี 14.นางพวง ประวัติ อายุ 70 ปี 15.นางสุพรรณี พันทะรักษา อายุ 23 ปี 16.ด.ช.ชัชวาล ภูแก้วนอก อายุ 4 ปี 17.นางทองพูล พูลศรี อายุ 26 ปี 18.นายเกรียงไกร ดีนาก อายุ 17 ปี 19.นางศรี ศรีสวัสดิ์ อายุ 53 ปี
20.นางบุญญพัฒน์ พันรักษา อายุ 17 ปี 21.พีรวุฒิ ผาช้าง อายุ 16 ปี 22.นายสบายดี ดีวัฒน์พงษ์ อายุ 17 ปี 23.ชายไทยไม่ทราบชื่อ 24.นายวายุภักษ์ นาราษฏร์ อายุ 18 ปี และ 25.นายวีรชัย ศรีโพธิ์ อายุ 19 ปี 26.นายภัทรพล พะระสี อายุ 25 ปี
สอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า รถไฟออกจากสถานีจ.นครราชสีมา เวลาประมาณ 07.00 น. รับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟขอนแก่น จากนั้นมุ่งหน้าสู่จ.หนองคาย มีผู้โดยสารนั่งกระจายอยู่ทั้ง 4 โบกี้ โดยออกจากสถานีมาได้ 15 นาที ถึงทางพาดรถไฟบ้านหนองกุง ซึ่งไม่มีเหล็กกั้น รถ 10 ล้อบรรทุกดินออกจากในหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่ถนนมิตรภาพ รถไฟจะเปิดหวูดเตือนเสียงดัง แต่รถ 10 ล้อยังขับข้ามทางพาด ทำให้รถไฟชนเข้าอย่างแรง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อปพร.)เขต 6 ขอนแก่น และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เก็บกู้ซากรถที่เกิดอุบัติเหตุเพื่อเปิดเส้นทางเดินรถไฟต่อไป
นายวิวัฒน์ เมธีวรรณกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า หลังนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิ่งของของผู้โดยสารและนำไปเก็บไว้ เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับ จะได้ประเมินความเสียหายจากอุบัติเหตุได้
เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่รฟท.ได้นำรถเครน เร่งกู้ซากรถโบกี้ที่ 1 ที่ 2 และซากรถบรรทุก เพื่อเคลียร์เส้นทางให้สามารถเดินรถได้ตามปกติ ซึ่งนายวัฒนา คงมั่น ผู้อำนวยการศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รฟท. กล่าวว่า คาดว่าเวลาประมาณ 21.00 น. จะเปิดเดินรถได้ตามปกติ สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้รฟท.พร้อมเยียวยาค่าทำศพให้ญาติผู้เสียชีวิตรายละ 40,000 บาท และผู้บาดเจ็บรวมทั้งผู้โดยสารที่ตกค้างใด้วย
"ปัจจุบันเส้นทางเดินรถไฟสายอีสาน มีจุดตัดกว่า 300 แห่ง ซึ่งอีกกว่า 150 แห่ง ยังไม่มีเครื่องกั้นอัตโนมัติ เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 4 ล้านบาทต่อ 1 จุด จึงอยากฝากเตือนไปยังผู้ใช้รถให้เพิ่มความระมัดระวัง สังเกตป้ายบอกทางเมื่อถึงจุดตัด เพราะจะเตือนให้จอดรถอยู่ห่างจากทางรถไฟประมาณ 5 เมตร ให้มองซ้าย-ขาวสังเกตว่ามีรถไฟหรือไม่ ก่อนจะขับยานพาหนะผ่าน"
นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ ร.ฟ.ท. ชี้แจงว่า รถ 10 ล้อวิ่งผ่านทางผ่านเสมอระดับในระยะกระชั้นชิด เป็นเหตุให้ขบวนรถไปไม่สามารถหยุดได้ จึงชนรถ 10 ล้อจนขบวนรถตกราง ทั้งนี้บริเวณที่เกิดเหตุมีเครื่องหมายจราจรเตือน แต่ไม่มีเครื่องกั้น ซึ่งร.ฟ.ท. ขอความร่วมมือประชาชนที่ใช้พาหนะสัญจรผ่านทางรถไฟ ปฏิบัติตามพ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 63 ในทางเดินรถตอนใดที่มีทางรถไฟผ่าน ไม่ว่าจะมีเครื่องหมายระวังรถไฟหรือไม่ ถ้าทางรถไฟนั้นไม่มีสัญญาณระวังรถไฟ หรือสิ่งปิดกั้น ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วของรถ และหยุดรถห่างจากทางรถไฟในระยะไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงจะขับรถผ่านไปได้
กรณีหน่วยงานต่างๆตัดถนนผ่านทางรถไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ท้องถิ่นหรือชุมชน หน่วยงานผู้ตัดถนน ต้องรับผิดชอบในการออกค่าใช้จ่ายติดตั้งเครื่องกั้น และให้พนักงานการรถไฟควบคุมหรือเป็นเครื่องกั้นอัตโนมัติ ส่วนกรณีรฟท.ตัดทางรถไฟผ่านถนน ไม่ว่าจะเป็นทางหลวงหรือถนนเล็ก โดยถนนนั้นมีมาก่อนทางรถไฟ รฟท.จะเป็นผู้รับผิดชอบติดตั้งเครื่องกั้น
ด้านนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท(ทช.) รักษาราชการรองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้หารือกับรฟท.หาแนวทางการแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ โดยเฉพาะจุดที่เป็นทางลักผ่าน ซึ่งเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างบ่อยครั้ง ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับร.ฟ.ท.ว่า จุดตัดที่เป็นทางลักผ่านซึ่งประชาชนใช้สัญจรเป็นประจำ แต่ไม่ได้ขออนุญาตจากรฟท. จำเป็นต้องทำระบบป้องกันเช่นเดียวกับจุดตัดที่ได้รับอนุญาต
และให้รฟท.เร่งสำรวจทางลักผ่านซึ่งมีประมาณ 583 จุด เพื่อศึกษาออกแบบรูปเครื่องป้องกันให้เหมาะสมแต่ละจุด เช่น จุดที่มีรถมากอาจต้องทำเป็นเครื่องกั้น ส่วนที่รถไม่มากนัก ก็ทำเป็นป้ายเตือน ลูกระนาด หรือไฟกระพริบ โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญร.ฟ.ท.มาหารืออีกครั้ง ก่อนจะสรุปแผนงานที่ชัดเจนภายใน 1 เดือน และเสนอนโยบายพิจารณา ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการขอใช้งบกลางโดยให้รฟท.ดำเนินการ หรือให้องค์กรท้องถิ่นร่วมแก้ปัญหา
"เรื่องทางลักผ่านไม่มีงบประมาณสำหรับเครื่องกั้นหรือสัญญาณเตือน เพราะผิดกฎหมาย แต่วันนี้ต้องเข้าไปดูแล เพราะประชาชนไม่เลิกใช้แน่ จึงต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง"
นายชาติชาย กล่าวว่า สำหรับจุดตัดที่อยู่ในความดูแลของทช. 152 แห่ง ทำเป็นทางข้าม 10 แห่ง ยกระดับ 26 แห่ง สะพาน 23 แห่ง ทางลอด 3 แห่ง กรมทางหลวง 83 แห่ง เป็นสะพาน 74 แห่ง ทางลอด 1 แห่ง และจุดกลับรถเกือกม้า 1 แห่ง ที่ผ่านมาทั้ง 2 หน่วยงานจะทำสะพานข้ามในจุดที่มีรถผ่านจำนวนมากก่อน รวมถึงจุดตัดเส้นทางที่จะก่อสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีกว่า 100 แห่ง
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้(30 ต.ค.)พ.ต.ท.ชินภัทร ประทุมดี พนักงานสอบสวนสภ.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น รับแจ้งอุบัติเหตุรถไฟชนรถบรรทุกดิน ที่ทางข้ามรางรถไฟบ้านหนองกุง หมู่ 17 ต.ศิลา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย จึงประสานอาสาหน่วยกู้ภัยไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถดีเซลราง ขบวนท้องถิ่น สายนครราชสีมา-หนองคาย ชนรถบรรทุก 10 ล้อขนดิน ทะเบียน 81-2864 ชัยนาท ระหว่างสถานีขอนแก่น-สำราญ เสาโทรเลขที่ 459/9-10 จนโบกี้รถไฟตู้แรกตกราง ส่วนรถบรรทุกพังเสียหายยับเยินกลายเป็นกองเศษเหล็ก ส่งผลให้ต้องหยุดการเดินรถไฟจากจ.ขอนแก่น ไปจ.อุดรธานี และจ.หนองคาย โดยผู้บาดเจ็บเล็กน้อยและต้องการเดินทางต่อไปจ.อุดรธานี และจ.หนองคาย ทางจังหวัดได้จัดรถโดยสารมารับเพื่อเดินทางต่อ
ตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 4 ศพ อยู่บนเนินดิน 2 ศพ คือ นายเพชร แพงดี พนักงานขับรถไฟ นายณรงค์ เดชมา ผู้โดยสาร ในซากหัวรถจักรพบศพนายดำริ โกศาราภ ช่างเครื่อง และพระวีระชาติ ถานมีโร ผู้โดยสาร
ผู้ได้รับบาดเจ็บต้องนำส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ โรงพยาบาลกรุงเทพ-ขอนแก่น รวม 26 คน รวมทั้งนายภัทรพล พะระสี อายุ 25 ปี คนขับรถบรรทุกที่บาดเจ็บสาหัส ซึ่งตำรวจอายัดตัวไว้ดำเนินคดี สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วย 1.นางละมัย ปะชานัง อายุ 35 ปี 2.ด.ญ.พลอยชมพู ผันกลาง อายุ 11 ปี 3.ด.ช.ณัฐภูมิ นกทองพระประกูล อายุ 8 ปี 4.ด.ช.เฉลิมภูมิ การไร่ อายุ 11 ปี 5. นางบัวภา สีกะพา อายุ 64 ปี 6.ด.ช.ไม่ทราบชื่อ 7.ชายไทยไม่ทราบชื่อ 8.หญิงไทยไม่ทราบชื่อ 9.นางบานเย็น การไร่ อายุ 77 ปี 10.นางสมบูรณ์ พรมบุรี อายุ 75 ปี
11.ด.ญ.มีนา มะนิดา อายุ 13 ปี 12.นายนาวิน การไร่ อายุ 16 ปี 13.นางอุไรทิพย์ เดือนทะนนท์ อายุ 57 ปี 14.นางพวง ประวัติ อายุ 70 ปี 15.นางสุพรรณี พันทะรักษา อายุ 23 ปี 16.ด.ช.ชัชวาล ภูแก้วนอก อายุ 4 ปี 17.นางทองพูล พูลศรี อายุ 26 ปี 18.นายเกรียงไกร ดีนาก อายุ 17 ปี 19.นางศรี ศรีสวัสดิ์ อายุ 53 ปี
20.นางบุญญพัฒน์ พันรักษา อายุ 17 ปี 21.พีรวุฒิ ผาช้าง อายุ 16 ปี 22.นายสบายดี ดีวัฒน์พงษ์ อายุ 17 ปี 23.ชายไทยไม่ทราบชื่อ 24.นายวายุภักษ์ นาราษฏร์ อายุ 18 ปี และ 25.นายวีรชัย ศรีโพธิ์ อายุ 19 ปี 26.นายภัทรพล พะระสี อายุ 25 ปี
สอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า รถไฟออกจากสถานีจ.นครราชสีมา เวลาประมาณ 07.00 น. รับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟขอนแก่น จากนั้นมุ่งหน้าสู่จ.หนองคาย มีผู้โดยสารนั่งกระจายอยู่ทั้ง 4 โบกี้ โดยออกจากสถานีมาได้ 15 นาที ถึงทางพาดรถไฟบ้านหนองกุง ซึ่งไม่มีเหล็กกั้น รถ 10 ล้อบรรทุกดินออกจากในหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่ถนนมิตรภาพ รถไฟจะเปิดหวูดเตือนเสียงดัง แต่รถ 10 ล้อยังขับข้ามทางพาด ทำให้รถไฟชนเข้าอย่างแรง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อปพร.)เขต 6 ขอนแก่น และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เก็บกู้ซากรถที่เกิดอุบัติเหตุเพื่อเปิดเส้นทางเดินรถไฟต่อไป
นายวิวัฒน์ เมธีวรรณกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า หลังนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิ่งของของผู้โดยสารและนำไปเก็บไว้ เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับ จะได้ประเมินความเสียหายจากอุบัติเหตุได้
เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่รฟท.ได้นำรถเครน เร่งกู้ซากรถโบกี้ที่ 1 ที่ 2 และซากรถบรรทุก เพื่อเคลียร์เส้นทางให้สามารถเดินรถได้ตามปกติ ซึ่งนายวัฒนา คงมั่น ผู้อำนวยการศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รฟท. กล่าวว่า คาดว่าเวลาประมาณ 21.00 น. จะเปิดเดินรถได้ตามปกติ สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้รฟท.พร้อมเยียวยาค่าทำศพให้ญาติผู้เสียชีวิตรายละ 40,000 บาท และผู้บาดเจ็บรวมทั้งผู้โดยสารที่ตกค้างใด้วย
"ปัจจุบันเส้นทางเดินรถไฟสายอีสาน มีจุดตัดกว่า 300 แห่ง ซึ่งอีกกว่า 150 แห่ง ยังไม่มีเครื่องกั้นอัตโนมัติ เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 4 ล้านบาทต่อ 1 จุด จึงอยากฝากเตือนไปยังผู้ใช้รถให้เพิ่มความระมัดระวัง สังเกตป้ายบอกทางเมื่อถึงจุดตัด เพราะจะเตือนให้จอดรถอยู่ห่างจากทางรถไฟประมาณ 5 เมตร ให้มองซ้าย-ขาวสังเกตว่ามีรถไฟหรือไม่ ก่อนจะขับยานพาหนะผ่าน"
นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ ร.ฟ.ท. ชี้แจงว่า รถ 10 ล้อวิ่งผ่านทางผ่านเสมอระดับในระยะกระชั้นชิด เป็นเหตุให้ขบวนรถไปไม่สามารถหยุดได้ จึงชนรถ 10 ล้อจนขบวนรถตกราง ทั้งนี้บริเวณที่เกิดเหตุมีเครื่องหมายจราจรเตือน แต่ไม่มีเครื่องกั้น ซึ่งร.ฟ.ท. ขอความร่วมมือประชาชนที่ใช้พาหนะสัญจรผ่านทางรถไฟ ปฏิบัติตามพ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 63 ในทางเดินรถตอนใดที่มีทางรถไฟผ่าน ไม่ว่าจะมีเครื่องหมายระวังรถไฟหรือไม่ ถ้าทางรถไฟนั้นไม่มีสัญญาณระวังรถไฟ หรือสิ่งปิดกั้น ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วของรถ และหยุดรถห่างจากทางรถไฟในระยะไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงจะขับรถผ่านไปได้
กรณีหน่วยงานต่างๆตัดถนนผ่านทางรถไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ท้องถิ่นหรือชุมชน หน่วยงานผู้ตัดถนน ต้องรับผิดชอบในการออกค่าใช้จ่ายติดตั้งเครื่องกั้น และให้พนักงานการรถไฟควบคุมหรือเป็นเครื่องกั้นอัตโนมัติ ส่วนกรณีรฟท.ตัดทางรถไฟผ่านถนน ไม่ว่าจะเป็นทางหลวงหรือถนนเล็ก โดยถนนนั้นมีมาก่อนทางรถไฟ รฟท.จะเป็นผู้รับผิดชอบติดตั้งเครื่องกั้น
ด้านนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท(ทช.) รักษาราชการรองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้หารือกับรฟท.หาแนวทางการแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ โดยเฉพาะจุดที่เป็นทางลักผ่าน ซึ่งเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างบ่อยครั้ง ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับร.ฟ.ท.ว่า จุดตัดที่เป็นทางลักผ่านซึ่งประชาชนใช้สัญจรเป็นประจำ แต่ไม่ได้ขออนุญาตจากรฟท. จำเป็นต้องทำระบบป้องกันเช่นเดียวกับจุดตัดที่ได้รับอนุญาต
และให้รฟท.เร่งสำรวจทางลักผ่านซึ่งมีประมาณ 583 จุด เพื่อศึกษาออกแบบรูปเครื่องป้องกันให้เหมาะสมแต่ละจุด เช่น จุดที่มีรถมากอาจต้องทำเป็นเครื่องกั้น ส่วนที่รถไม่มากนัก ก็ทำเป็นป้ายเตือน ลูกระนาด หรือไฟกระพริบ โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญร.ฟ.ท.มาหารืออีกครั้ง ก่อนจะสรุปแผนงานที่ชัดเจนภายใน 1 เดือน และเสนอนโยบายพิจารณา ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการขอใช้งบกลางโดยให้รฟท.ดำเนินการ หรือให้องค์กรท้องถิ่นร่วมแก้ปัญหา
"เรื่องทางลักผ่านไม่มีงบประมาณสำหรับเครื่องกั้นหรือสัญญาณเตือน เพราะผิดกฎหมาย แต่วันนี้ต้องเข้าไปดูแล เพราะประชาชนไม่เลิกใช้แน่ จึงต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง"
นายชาติชาย กล่าวว่า สำหรับจุดตัดที่อยู่ในความดูแลของทช. 152 แห่ง ทำเป็นทางข้าม 10 แห่ง ยกระดับ 26 แห่ง สะพาน 23 แห่ง ทางลอด 3 แห่ง กรมทางหลวง 83 แห่ง เป็นสะพาน 74 แห่ง ทางลอด 1 แห่ง และจุดกลับรถเกือกม้า 1 แห่ง ที่ผ่านมาทั้ง 2 หน่วยงานจะทำสะพานข้ามในจุดที่มีรถผ่านจำนวนมากก่อน รวมถึงจุดตัดเส้นทางที่จะก่อสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีกว่า 100 แห่ง
