ASTVผู้จัดการรายวัน- เรกูเลเตอร์เปิดเวทีรับฟังความเห็นผลศึกษาโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ก่อนเตรียมเสนอกพช.ใช้ปี 2558 เผยโครงสร้างใหม่ค่าไฟฟ้าฐานเคาะที่ 3.993 บาทต่อหน่วย โยกFtเดิมโปะรีเซ็ทเริ่ม Ft ใหม่จากศูนย์ พร้อมแจงต้นทุนละเอียดยิบให้ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ประชาชนได้เฮ! บิลค่าไฟลดลง 10 บาท/บิลจากเดิมเก็บ 38 บาทต่อบิลเหลือ 28 บาทต่อบิล กำหนดค่าไฟแรงดันสูง 230 เควีให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ลดต้นทุนได้มากขึ้น
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) และในฐานะโฆษกกกพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้กกพ.ได้เปิดรับฟังความเห็นผลการศึกษาทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าซึ่งกกพ.ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ศึกษาและยกร่างซึ่งเมื่อรวบรวมความเห็นจะเสนอต่อคณะกรรมการนบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เพื่อประกาศโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ปี 2558
“การรับฟังความเห็นครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากจากทุกภาคส่วน ซึ่งเกณฑ์โครงสร้างค่าไฟใหม่นี้จะต่างจากเดิมอาทิ มีกลไกควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การแยกประเภทเงินอุดหนุนที่ชัดเจนและใช้กลไกกองทุนพัฒนาไฟฟ้าให้เป็นตัวกลางในการรับและส่งผ่านเงินอุดหนุนจากผู้รับภาระไปสู่ผู้รับเงินอุดหนุน ซึ่งจะช่วยให้ กกพ. มีกลไกในการกำกับดูแลผู้รับใบอนุญาตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุน มีความโปร่งใส ชัดเจนมากขึ้นด้วย” นายวีระพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการศึกาของสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งม.ธรรมศาสตร์ ได้เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ระหว่างปี 2558-2560 ซึ่งเป็นไปตามมติครม.ที่ให้ทบทวนโครงสร้างค่าไฟดังกล่าวเพื่อให้สะท้อนต้นทุนและเข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันให้มากสุด โดยอัตราค่า ไฟฟ้าเฉลี่ยเดิมที่ประกอบด้วยค่าไฟฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 3.27 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft)ที่เรียกเก็บระหว่างเดือนก.ย.-ต.ค.57 ที่ 0.69 บาทต่อหน่วย รวมเป็นค่าไฟเฉลี่ยที่ประชาชนจ่ายเท่ากับ 3.96 บาทต่อหน่วยข้อเสนอค่าไฟฟ้าเฉลี่ยใหม่จะรวมอยู่ที่ 3.993 บาทต่อหน่วยโดยค่าไฟฟ้าเฉลี่ยใหม่ที่เสนอจะประกอบด้วยรายได้ที่พึงได้รับของ 3 การไฟฟ้า 3.654 บาทต่อหน่วย ต้นทุนค่าไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 0.136 บาทต่อหน่วย กองทุนพัฒนารอบโรงไฟฟ้า(PDF) 0.142 บาทต่อหน่วย ค่าเอฟทีค้างจ่ายในงวดที่ผ่านมา 0.061 บาทต่อหน่วย ซึ่งค่าไฟฟ้าฐานทั้งหมดเป็นการยกเอา Ft เดิมมารวมไว้หมดแล้วรีเซ็ทหรือเริ่มที่จะกำหนดค่าไฟฟ้าผันแปร ใหม่เป็นศูนย์
ทั้งนี้สาระสำคัญของโครงสร้างค่าไฟใหม่ของผลการศึกษาที่ต่างจากเดิมอย่างเด่นชัดคือ ได้มีการเสนออัตราค่าบริการที่เรียกเก็บในบิลค่าไฟประชาชนจะลดลง10 บาทต่อบิลค่าไฟหรือเหลือเป็น 28 บาทต่อบิลค่าไฟจากเดิมเก็บอยู่ 38 บาทต่อบิลเนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาผู้บริการค้าปลีกคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(PEA) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ได้มีการเรียกเก็บซ้ำซ้อนกับค่าบริการเคาท์เตอร์เซอร์วิสอยู่แล้ว
นอกจากนี้โครงสร้างใหม่ยังกำหนดโครงสร้างค่าไฟแรงดันสูงขนาด 230 กิโลโวลต์ให้กับภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เพื่อเป็นทางเลือกที่จะทำให้ค่าไฟฟ้าจะถูกลงกว่าเดิมตามธรรมชาติที่แรงดันสูงก็จะลดค่าการสูญเสียทำให้ค่าไฟต่ำลงได้เอง พร้อมกันนี้ยังกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าประเภทจ่ายล่วงหน้าแบบเติมเงิน(Pre-Paid meter)ไว้ในผู้ใช้ไฟฟ้าชั่วคราว
ส่วนนโยบายไฟฟ้าถนนและไฟฟ้าสาธารณะซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้บริการฟรีนั้นเพื่อประโยชน์ในการคำนวณเงินอุดหนุนในส่วนนี้ที่ปรึกษาฯได้เสนอให้เพิ่มประเภทผู้ใช้ไฟเป็น ประเภทไฟฟ้าถนนและไฟฟ้าสาธารณะเป็นต้น
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) และในฐานะโฆษกกกพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้กกพ.ได้เปิดรับฟังความเห็นผลการศึกษาทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าซึ่งกกพ.ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ศึกษาและยกร่างซึ่งเมื่อรวบรวมความเห็นจะเสนอต่อคณะกรรมการนบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เพื่อประกาศโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ปี 2558
“การรับฟังความเห็นครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากจากทุกภาคส่วน ซึ่งเกณฑ์โครงสร้างค่าไฟใหม่นี้จะต่างจากเดิมอาทิ มีกลไกควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การแยกประเภทเงินอุดหนุนที่ชัดเจนและใช้กลไกกองทุนพัฒนาไฟฟ้าให้เป็นตัวกลางในการรับและส่งผ่านเงินอุดหนุนจากผู้รับภาระไปสู่ผู้รับเงินอุดหนุน ซึ่งจะช่วยให้ กกพ. มีกลไกในการกำกับดูแลผู้รับใบอนุญาตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุน มีความโปร่งใส ชัดเจนมากขึ้นด้วย” นายวีระพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการศึกาของสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งม.ธรรมศาสตร์ ได้เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ระหว่างปี 2558-2560 ซึ่งเป็นไปตามมติครม.ที่ให้ทบทวนโครงสร้างค่าไฟดังกล่าวเพื่อให้สะท้อนต้นทุนและเข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันให้มากสุด โดยอัตราค่า ไฟฟ้าเฉลี่ยเดิมที่ประกอบด้วยค่าไฟฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 3.27 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft)ที่เรียกเก็บระหว่างเดือนก.ย.-ต.ค.57 ที่ 0.69 บาทต่อหน่วย รวมเป็นค่าไฟเฉลี่ยที่ประชาชนจ่ายเท่ากับ 3.96 บาทต่อหน่วยข้อเสนอค่าไฟฟ้าเฉลี่ยใหม่จะรวมอยู่ที่ 3.993 บาทต่อหน่วยโดยค่าไฟฟ้าเฉลี่ยใหม่ที่เสนอจะประกอบด้วยรายได้ที่พึงได้รับของ 3 การไฟฟ้า 3.654 บาทต่อหน่วย ต้นทุนค่าไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 0.136 บาทต่อหน่วย กองทุนพัฒนารอบโรงไฟฟ้า(PDF) 0.142 บาทต่อหน่วย ค่าเอฟทีค้างจ่ายในงวดที่ผ่านมา 0.061 บาทต่อหน่วย ซึ่งค่าไฟฟ้าฐานทั้งหมดเป็นการยกเอา Ft เดิมมารวมไว้หมดแล้วรีเซ็ทหรือเริ่มที่จะกำหนดค่าไฟฟ้าผันแปร ใหม่เป็นศูนย์
ทั้งนี้สาระสำคัญของโครงสร้างค่าไฟใหม่ของผลการศึกษาที่ต่างจากเดิมอย่างเด่นชัดคือ ได้มีการเสนออัตราค่าบริการที่เรียกเก็บในบิลค่าไฟประชาชนจะลดลง10 บาทต่อบิลค่าไฟหรือเหลือเป็น 28 บาทต่อบิลค่าไฟจากเดิมเก็บอยู่ 38 บาทต่อบิลเนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาผู้บริการค้าปลีกคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(PEA) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ได้มีการเรียกเก็บซ้ำซ้อนกับค่าบริการเคาท์เตอร์เซอร์วิสอยู่แล้ว
นอกจากนี้โครงสร้างใหม่ยังกำหนดโครงสร้างค่าไฟแรงดันสูงขนาด 230 กิโลโวลต์ให้กับภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เพื่อเป็นทางเลือกที่จะทำให้ค่าไฟฟ้าจะถูกลงกว่าเดิมตามธรรมชาติที่แรงดันสูงก็จะลดค่าการสูญเสียทำให้ค่าไฟต่ำลงได้เอง พร้อมกันนี้ยังกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าประเภทจ่ายล่วงหน้าแบบเติมเงิน(Pre-Paid meter)ไว้ในผู้ใช้ไฟฟ้าชั่วคราว
ส่วนนโยบายไฟฟ้าถนนและไฟฟ้าสาธารณะซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้บริการฟรีนั้นเพื่อประโยชน์ในการคำนวณเงินอุดหนุนในส่วนนี้ที่ปรึกษาฯได้เสนอให้เพิ่มประเภทผู้ใช้ไฟเป็น ประเภทไฟฟ้าถนนและไฟฟ้าสาธารณะเป็นต้น