xs
xsm
sm
md
lg

‘ตู่’โบ้ย’อคส.-อตก.’เคลียร์ข้าวขู่ปิดงบไม่ลงตัวต้องรับผิดชอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“นายกฯตู่” ให้คลังถก “อคส.-อ.ต.ก.” เคลียร์ตัวเลขข้าวในสต๊อกกันก่อน ขู่หากไม่ลงตัวต้องมีคนรับผิดชอบ โวปีหน้าทวงบัลลังก์แชมป์ส่งออกโลก ไม่หวั่นคะแนนนิยมลด แต่พ้อกำลังใจน้อยลง วอนเห็นใจต้องตามเก็บขยะที่หมักหมมมานาน ด้าน “ฉัตรชัย” เร่ง อคส.ให้ข้อมูลสต๊อกข้าวด่วน ขณะที่ประธานบอร์ด อคส. ยืนยันส่งข้อมูลให้ตามที่ขอแล้ว คาดสิ้นปีได้ข้อสรุป ส่วน “ไพบูลย์” ล้อมคอกทุจริตส่ง ป.ป.ช.- ป.ป.ท.คุมจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละพัน “วิชา” เผยสอบจีทูจีใกล้ได้บทสรุป

วานนี้ (27 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ส่งตัวเลขข้าวสารที่อยู่ในสต็อกของรัฐให้กระทรวงการคลังไม่ครบว่า ในส่านนี้มีขั้นตอนในการท้วงถามข้อมูลกัน เพราะเป็นหน่วยงานในสังกัด โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของการเคลียร์บัญชีก่อนที่ตนจะเข้ามา บางทีไม่ตรงกันอยู่บ้าง เนื่องจากมีเรื่องของการทำสัญญาซื้อ-ขาย และการเคลียร์บัญชีที่มีอยู่ตามคลังต่างๆ ตนรับยอดมา ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 57 จำนวน 18 ล้านตัน เพื่อนำมาตรวจสอบว่ามีมาตรฐานหรือไม่ เสื่อมราคาหรือไม่ ข้าวหายหรือไม่ แต่ทั้งนี้จะมีการสรุปขึ้นมายังระดับบนอีกครั้ง หากมีเรื่องของกฎหมายจะส่งให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อไป ซึ่งภายในเดือน ต.ค.นี้ คณะกรรรมการระบายข้าวจะสรุปได้ แต่ไม่ใช่คณะกรรมการที่จะจับใครไปติดคุก คนละเรื่อง

“ตอนที่เราเข้ามาตัดยอดไว้ 18 ล้านตัน โดยกำลังตรวจจำนวนดังกล่าวอยู่ หากไม่ตรงกันภายในของเขาเองต้องไปเคลียร์กัน ว่าทำไมจึงไม่ตรง เพราะต้องหาคนรับผิดชอบ”

สั่งเช็คละเอียดข้าวในสต๊อก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การสรุปตัวเลขจะต้องดูมาตรฐานใน 4 ประเด็น คือ 1.ได้มาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์กี่เปอร์เซ็นต์คิดเป็นกี่ตัน และตรวจสอบดีเอ็นเอจำนวนตรงกับคุณภาพหรือไม่ 2.ข้าวที่ไม่ได้คุณภาพหรือคุณภาพต่ำลงมา ต้องไปหาทางปรับปรุงคุณภาพ เพื่อที่จะให้มีราคาสูงขึ้น 3.ข้าวเสื่อมราคา รับประทานไม่ได้ อาจจะต้องนำไปทำอย่างอื่น เช่น เอทานอล และ 4.มีข้าวขาดหายและยอดไม่ตรงบัญชีหรือไม่ ทั้ง 4 ประเด็น เป็นประเด็นทางกฎหมายได้หมด อาจต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายว่า การที่จะเอาข้าวจำนวนนี้ไปขายจะมีปัญหาหรือไม่ แต่ถ้าไม่ขายจะมีปัญหาต่อไป เพราะจะเสียค่าดูแลคลัง และค่าต่างๆ เดือนละ 2 พันล้านบาท

เมื่อถามว่าจะต้องมีแผนระบายข้าวด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องมีแผนระบายข้าว แต่เป็นเรื่องอนาคต ไม่ใช่ขณะนี้ เพราะเราต้องเตรียมรองรับข้าวออกใหม่ ในเดือน พ.ย.นี้ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นแชมป์ส่งออกข้าวได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ไทยเป็นแชมป์ส่งออกข้าวอยู่แล้ว โดยเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย โดยในปี 58 ประมาณการไว้ว่า น่าจะส่งออกข้าวได้ 11 ล้านตัน ซึ่งไทยเคยส่งออกได้ 9 ล้านตัน

เมื่อถามย้ำว่า ปี 58 นี้ไทยจะได้กลับมาเป็นแชมป์ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า น่าจะ เป็นการประเมิน เพราะปี 58 เรายังคงผลิตข้าวได้ตามที่ประเมิน อาจจะลดลงบ้างในเรื่องของนาปรังเพราะน้ำน้อย แต่เราส่งเสริมข้าวนาปีคุณภาพดี ทั้งข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว ซึ่งมีราคาสูง ซึ่งการที่ไทยเสียแชมป์ไป เพราะมีการแข่งขันด้านราคากันมาก มีประเทศที่ใช้ต้นทุนการผลิตต่ำ จึงต้องไปแก้ไขต้นทุนการผลิตของเราว่าจะทำอย่างไร

นายกฯไม่หวั่นเรตติ้งตก

ส่วนกรณีที่ผลการสำรวจความนิยมของรัฐบาลเริ่มลดลงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในความเป็นจริง การทำโพลกับคนจำนวนไม่มาก ขึ้นบ้าง - ลงบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เป็นไร ถ้าคะแนนนิยมขึ้น จะมีกำลังใจหน่อย แต่ถ้าลงก็มีกำลังใจน้อยลงนิดหนึ่ง ตนมานั่งนึกอยู่เหมือนกันว่า ที่ผ่านมาแก้ปัญหาได้มากหรือยัง เพียงพอหรือไม่ เพราะปัญหามีทั้งเร่งด่วน และเฉพาะหน้า ซึ่งมีจำนวนมาก และสิ่งที่ทำให้เราเดินหน้าไม่ค่อยสะดวกนักคือ ปัญหาหมักหมมเก่าๆ มานาน ไม่รู้เก็บไว้ทำไม ต้องแก้รวมทั้งต้องเดินหน้าด้วย แต่พอเดินหน้าเจอการสกัดกั้นอีก ไม่รู้จะไปอย่างไร แต่ไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงวันนี้พอใจกับสิ่งที่ทำมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมีความพอใจ แต่อยากให้ทุกคนพอใจด้วยว่า สิ่งที่เราทำมานั้นทำทุกมิติ เรื่องเศรษฐกิจวันนี้พยายามอธิบายอยู่ว่า ตัวเลขต่างๆ ที่ประเมินมาถือว่าใช้ได้ ซึ่งเอาไว้เป็นบรรทัดฐาน แต่อยู่ที่ว่าเราจะรวมพลังกันอย่างไรที่จะต่อสู้กับภัยทางด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะสร้างภูมิคุ้มกันอย่างไร อยู่อย่างพอเพียงดีหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลพยายามอัดฉีดเงินลงไป แต่ยังมีข่าวโกงกันอีก ต้องไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ ในเมื่อเราพยายามดูแลขนาดนี้แล้ว แต่ยังมีเรื่องตรงนั้นตรงนี้ ฟ้องกันไปมา อีกหน่อยไม่ต้องทำอะไร รัฐบาลไม่กล้าปล่อยเงินออกไป เศรษฐกิจของประเทศก็เดินไม่ได้

อคส.โต้ส่งข้อมูลครบแล้ว

ทางด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวระบุว่า อคส.ไม่ส่งข้อมูล ทำให้ปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ว่า เท่าที่ได้รับแจ้งจาก อคส.ยืนยันว่าส่งข้อมูลให้กับคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ มาโดยตลอด ซึ่งข่าวที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากเรื่องการประสานงาน โดยได้สั่งการให้ อคส.เร่งส่งข้อมูลตามที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ขอต่อไป

เช่นเดียวกับ นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานบอร์ด อคส.ที่กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่า อคส. ไม่จัดส่งข้อมูลให้กับคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ เชื่อว่าเป็นการขอข้อมูลของชุดเดิมที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ซึ่งสาเหตุที่มีการส่งข้อมูลให้ไม่ครบในช่วงนั้น เกิดจากปัญหาการส่งมอบข้าวเข้าคลังกลางที่ยังไม่ครบ โดยบางส่วนยังไม่ได้สีแปรหรือทยอยสีแปร ซึ่งข้าวยังอยู่กับทางโรงสี ทำให้ไม่มีการให้ข้อมูลในส่วนนี้ และทำให้ปริมาณข้าวที่ตรวจนับขาดหายไป แต่การตรวจสอบรอบใหม่ ข้าวที่ส่งมอบจากทางโรงสีครบเกือบหมด เหลือเพียงบางส่วนที่ยังค้างกับโรงสีในจังหวัดภาคใต้อีกประมาณ 5,000-6,000 ตัน ในส่วนนี้ก็ต้องมีการเรียกค่าปรับกับทางโรงสีที่ส่งมอบข้าวไม่เป็นไปตามสัญญาต่อไป

“คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ที่เข้ามาทำงานล่าสุดนี้ เป็นการเริ่มทำใหม่ โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศช่วงเดือนพ.ค. ซึ่งก็เพิ่งเริ่มทยอยเก็บข้อมูลไปไม่นาน เจ้าหน้าที่ อคส. ก็แจ้งว่าได้ส่งข้อมูลทุกอย่าง โดยข้าวที่อยู่กับ อคส. มีประมาณ 13 ล้านตัน อีก 4-5 ล้านตัน อยู่ที่ อ.ต.ก.” นางจินตนา กล่าว

ล้อมคอกสวมสิทธิ์รับเงินไร่ละพัน

ทางด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบและการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาทตามนโยบายรัฐบาลว่า ได้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ส่งรายชื่อเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน และจ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วกว่า 20,000 คน มาให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบว่าเป็นชาวนาที่แท้จริง หรือเป็นนายทุนที่สวมสิทธิ มีการเรียกเก็บหัวคิดตามที่ห่วงใยหรือไม่ จำนวนที่นา ตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ ถ้าตรวจสอบพบว่าไม่ตรงกับที่แจ้งก็ต้องมีความผิด รวมถึงหน่วยงานต้องรับผิดชอบด้วยในฐานะไปรับรอง ดังนั้น การรับรองต้องตรวจสอบให้รอบคอบ ไม่อย่างนั้นมีความผิดไปด้วย

“วิชา” เผยสอบจีทูจีใกล้ได้ข้อสรุป

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนกรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ล่าสุดมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม 19 ราย ซึ่งถือว่าตอนนี้แจ้งข้อกล่าวหาครบแล้ว แต่ยังต้องสอบในบางประเด็นเพิ่มเติม แต่ก็ถือว่าใกล้ได้ข้อสรุปในคดีดังกล่าวแล้ว

ไฟเขียว 2.4 หมื่นล้านอุ้มยางพารา

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส.เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส.ว่า คณะกรรมการเห็นชอบตามที่ ครม.มีมติอนุมัติแนวทางการบริหารจัดการยางพาราขององค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา 3 โครงการ ใช้วงเงินรวม 24,200 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางพารา โดยให้ อ.ส.ย.กู้เงินจาก ธ.ก.ส.เพื่อรับซื้อยางในตลาดในช่วงที่ราคายางตกต่ำวงเงินสินเชื่อ 6,000 ล้านบาท นาน 18 เดือน 2.โครงการชดเชยรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ให้ ธ.ก.ส.สำรองจ่ายเงินชดเชยรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ เป้าหมาย 850,000 ครัวเรือน วงเงิน 8,200 ล้านบาท และ 3.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริมด้าน การเกษตรหรือเกี่ยวเนื่องการเกษตรตามศักยภาพของตนเองและตามสภาพพื้นที่ที่ เหมาะสมเพื่อเพิ่มรายได้ วงเงินสินเชื่อเป็นไปตามแผนการผลิตของเกษตรกรครัวเรือนละไม่เกิน 100,000 บาท เป้าหมายเกษตรกร 100,000 ครัวเรือน วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ย 5% ต่อปี โดยเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย 2% ต่อปี และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ย3 % ต่อปี เวลาชำระเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น