“บิ๊กตู่” ว้ากแจกเงินชาวนาไม่ใช่ประชานิยม อ้างแก้ปัญหาเร่งด่วน เตรียมชงค้างจ่ายจำนำข้าวเข้า ครม. จับศูนย์ดำรงธรรม-ศูนย์เกษตรร่วมทำงานขับเคลื่อนภาคเกษตร เล็งหาทุนการศึกษาลูกชาวนา หวังสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ ดันเรียนถึงด๊อกเตอร์ ห่วงประชาชนรายได้น้อย สั่ง ก.ทรัพยากรฯหาที่ดินทำกิน “หม่อมอุ๋ย” อัดแคมเปญปล่อยกู้ชาวนา ชะลอขายข้าว หวั่นล้นตลาด “บิ๊กต๊อก” ถก 11 หน่วยงานวางระบบจ่ายเงินไร่ละพันกันเงินรั่ว ด้านนบข.อนุมัติงบเพิ่ม 612 ล้านชดเชยดอกเบี้ยให้โรงสีซื้อข้าวเข้าเก็บสต๊อกอีก 4 ล้านตัน หวังดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดและผลักดันให้ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้น พร้อมไฟเขียวช่วยเหลือชาวนาที่ยังไม่ได้เงินจากโครงการรับจำนำอีก 571 ราย วงเงิน 72 ล้านบาท
วานนี้ (6 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2557 โดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปลี่ยนมาใช้รถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ โดยเป็นโฟล์คตู้กันกระสุนสีดำ ทะเบียน ฮภ 2923 กรุงเทพมหานคร โดยในขบวนรถของนายกรัฐมนตรีประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ของสารวัตรทหารบก (สห.) จำนวน 2 คัน รถโฟล์คตู้ประจำตำแหน่ง รถจักรยานยนต์รักษาความปลอดภัย (มดดำ) 2 คัน รถเบนซ์ 3 กว 5957 กรุงเทพมหานคร รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทะเบียน 3 กน 5145 และ ทะเบียน 3 กน 5154 อีก 2 คันปิดท้าย สำหรับรถโฟล์คตู้กันกระสุนซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ได้มีการจัดซื้อและใช้ในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“ตู่” ยันแจกเงินไม่ใช่ประชานิยม
เมื่อเวลา 12.00 น. ภายหลังการประชุม นบข. ครั้งที่ 1/2557 พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ซึ่งเป็นการจัดตั้งมาตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศแล้ว และได้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวมาโดยลำดับ ทั้งในระยะเร่งด่วน 4 เดือนแรก ในระยะที่ 1 คือ เรื่องการจ่ายเงินจำนำข้าว ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ของชาวนา ชาวไร่ ระยะที่ 2 ช่วงที่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศต่อจาก คสช.ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นการดำเนินการตามมาตรการระยะยาวที่แต่เดิมก็ได้มีการดำเนินการควบคู่กันกับระระยะเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวเกิดความยั่งยืนต่อไป
“วันนี้สื่อต่างๆบอกว่าเราประชานิยมนั้น ไม่ใช่ เราใช้คำว่า แก้ปัญหาเร่งด่วน ให้ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่มีปัญหามาก่อน และเดินคู่ขนานว่า จะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืนระยะยาวต่อไปด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
รับมีอุปสรรคส่งออกข้าวเพียบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้เฉพาะเรื่องข้าว ตนคิดว่าสถานการณ์โลก เรื่องข้าวนั้นยังมีความต้องการอยู่ในทุกพื้นที่ ก็มีปัญหาบ้าง เรื่องขายแล้วส่งไม่ได้ มีการสู้รบ มีโรคระบาดอีโบลา เหล่านี้มีปัญหาหมด เพราะต้องมีการขนส่งทางเรือ เราเคยขายข้าวได้ทั้งด้านแอฟริกา ยุโรป ตะวันตก วันนี้ก็มีปัญหา เราขายข้าวได้มากจริง แต่ราคาข้าวทั้งโลกมันไม่สูงมากนัก เพราะมีการปลูกมากขึ้น มีการแข่งขันด้านราคากันมากขึ้น แต่ก็เป็นที่น่าดีใจ ที่การส่งออกข้าวมีจำนวนที่สูงขึ้น อาจเป็นที่หนึ่งในอาเซียนแล้วขณะนี้ ก็เป็นที่น่าดีใจ แต่จะทำอย่างไรให้ราคาสูงขึ้นอีกในอนาคต วันนี้เรามาพูดถึงว่า 1.จะทำอย่างไรให้ราคาสูงขึ้น และ 2.เราจะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืนขึ้น ในการต้องการปลูกข้าว การปรับปรุงพันธุ์ข้าว การกำหนดพื้นที่ในการปลูกข้าว และความต้องการในตลาด เพื่อยกระดับชาวนาให้ดีขึ้นตามลำดับ
นายกฯกล่าวอีกว่า วันนี้เราต้องจัดกลุ่มของชาวนาไว้ให้ได้ คือ 1. ชาวนาที่มีที่ทำกินน้อย รายได้น้อย ยากจนมาก 2. ชาวนาที่มีพื้นที่เกิน 40 ไร่ขึ้นไป 3.ชาวนาที่มีเงินทุนสูง เป็นการเพาะปลูกสมัยใหม่ ผลิตแนวใหม่ ใช้เครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ กลุ่มนี้ไม่ได้เดือดร้อนมากนัก และ 4. กลุ่มเจ้าของที่ที่ให้เช่านามากๆ ฉะนั้นเราต้องแบ่งเกรดในการดูแลช่วยเหลือตามลำดับ ชาวนาชาวไร่ ที่มีพื้นที่ทำกินน้อยทำอย่างไร เราให้ความสำคัญเร่งด่วนก่อน แต่ก็ดูอื่นๆด้วย วันนี้ได้พูดคุยทั้งมาตรการเร่งด่วน มาตรการระยะสั้น ระยะยาว และปัญหาเกษตรกรบางพื้นที่ ที่ไม่ได้เงินจากจำนำข้าว ที่ค้างไว้ 2-3 จังหวัด ได้หารือแล้วว่า สมควรช่วย เพราะเขามีข้าวอยู่แล้ว ชาวนาไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้มีข้าวอยู่ เราจะแก้ไขปัญหาให้ เข้าที่ประชุม ครม.ให้เรียบร้อย
ดันลูกชาวนาเรียนถึงด๊อกเตอร์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องศูนย์ดำรงธรรม ของกระทรวงมหาดไทย และศูนย์เกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราจะเชื่อมโยง 2 ศูนย์นี้เข้าด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนทุกอย่างให้เกษตรกรและประชาชนทั้งหมดทุกปัญหา ฉะนั้นเราดูตั้งแต่วิธีการผลิต การตลาด การลดต้นทุนการผลิต ซึ่งการจ่ายชดเชยปัจจัยการผลิตแก่ชาวนาไร่ละ 700 บาทของ คสช.ก็รู้อยู่ไม่ทั่วถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะไปสำรวจให้
นอกจากนี้ในระยะยาว ตนมีแนวคิดสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ขึ้นมาให้ได้ ต้องเริ่มการเรียนรู้ตั้งแต่บัดนี้ ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงไปหาทุนการศึกษาให้ลูกเกษตรกร เพื่อให้ศึกษาเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น เกี่ยวกับกระบวนการผลิตข้าวทั้งระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกข้าว การปรับปรุงพันธุ์ และการใช้เทคนิคต่าง ๆ เป็นต้น
มอบ ทส.หาที่ดินทำกินให้ชาวบ้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว เรื่องที่เป็นห่วงคือประชาชนที่มีรายได้น้อย แล้วไม่มีที่ดินทำกิน ตนกำลังตั้งคณะกรรมการอีกคณะ โดยตนจะเป็นประธาน และให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับผิดชอบหลัก เพื่อบูรณาการว่า ทำอย่างไรให้ประชาชนมีที่ทำกิน ประชาชนที่ถูกจัดระเบียบขณะนี้ ขอให้อดทนไว้ก่อน ตนจะดูแลว่าจะทำอย่างไร ให้ประชาชนมีที่ดินหรือทำเป็นระบบสหกรณ์ได้ แต่จะให้เป็นที่ส่วนตัวเลยคงลำบาก ก็เป็นห่วงว่าประชาชนจะทำกินที่ไหน มีรายได้อย่างไร
สั่ง ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อชะลอขายข้าว
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 56/57 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณข้าวเข้าสู่ตลาดประมาณ 27 ล้านตัน แบ่งเป็นกลุ่มแรก เป็นผู้ปลูกข้าวคุณภาพดีบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว ประมาณ 15 ล้านตัน โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกร เพื่อชะลอการขายข้าว ซึ่งเกษตรกรสามารถขอสินเชื่อได้ไม่เกินอัตรา 80 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าข้าวที่มีอยู่ โดยวิธีดังกล่าว จะช่วยให้ชาวนาเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเพื่อรอช่วงจังหวะราคาข้าวเพิ่มขึ้นแล้วจึงค่อยระบายออก กลุ่มต่อมาเป็น ผู้ปลูกข้าวขาวที่มีประมาณ 12 ล้านตัน โดยกระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนวงเงินชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการโรงสีที่กู้เงินจากสถาบันการเงิน เพื่อไปซื้อข้าวจากเกษตรกร มาเก็บไว้ก่อนระบายออกในช่วงที่ข้าวราคาปรับตัวดีขึ้น และเชื่อว่าจะช่วยพยุงราคาข้าวขาวให้ไม่ตกต่ำได้
โดยข้าวในกลุ่มดังกล่าวทั้ง 12 ล้านตันนั้น ในส่วนแรกประมาณ 5 ล้านตัน เป็นข้าวขาวคุณภาพดีจึงไม่น่าเป็นห่วง แต่เป็นห่วงส่วนที่เหลือประมาณ 6-7 ล้านตันที่เป็นข้าวขาวคุณภาพต่ำ ทั้งนี้มาตรการดังกล่าว จะเริ่มดำเนินการทันที เนื่องจากมีชาวนาได้มาขึ้นทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว และจะนำมาตรการดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันที่ 7 ต.ค.นี้
“เชื่อว่าไทยจะกลับมาครองแชมป์ส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยขอดูตัวเลขการส่งออกในเดือน ธ.ค.นี้ก่อน พร้อมทั้งยืนยันว่า มาตรการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1 พันบาทนั้น ชาวนาที่ขึ้นทะเบียนไว้จะได้รับเงินอย่างแน่นอน ผ่านทางบัญชี ธ.ก.ส. โดยไม่มีเจ้าของที่ดินเข้ามาสวมสิทธิ์หรือรับเงินแทนชาวนา ซึ่งขณะนี้มีชาวนาตัวจริงมาลงทะเบียนไว้ประมาณ 3.4 ล้านครัวเรือน” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
กำชับ 11 หน่วยเกาะติดจ่ายเงินชาวนา
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงการจัดตั้งคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่มาจากตัวแทน 11 หน่วยงาน ว่า ภารกิจหลักจะเน้นการป้องกันทุจริตตั้งแต่ต้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแล้วมาปราบปรามภายหลัง โดยภารกิจแรกของคณะทำงานคือการวางระบบร่วมกับ ป.ป.ช. และ สตง. ตรวจสอบโครงการแรกคือโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุกครัวเรือน เพื่อแบ่งเบาภาระชาวนา ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ เริ่มต้นจ่ายเงินในวันที่ 20 ต.ค.นี้ โดยคณะทำงานจะได้ตรวจสอบทุกขั้นตอนการทำงาน ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยให้เงินรั่วไหล และเงินช่วยเหลือถึงมือชาวนาเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นบข.อนุมัติ612ล.ชดเชยดบ.ให้โรงสีซื้อข้าว
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นบข. มีมติให้เพิ่มวงเงินชดเชยดอกเบี้ยให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการเก็บสต๊อกข้าวจากเดิมที่เคยอนุมัติไว้ ปริมาณข้าวเปลือก 2 ล้านตัน โดยชดเชยดอกเบี้ย 3% วงเงินชดเชย 306 ล้านบาท ให้เพิ่มอีก 4 ล้านตัน วงเงินชดเชย 612 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% เช่นเดิม รวมรัฐจะต้องจ่ายชดเชยรวมเป็นเงิน 918 ล้านบาทปริมาณข้าวที่โรงสีจะต้องซื้อเก็บสต๊อกรวม 6 ล้านตัน
“ถ้าโครงการนี้เวิร์ก จะช่วยดึงผลผลิตข้าวเปลือกออกจากตลาดได้ 6 ล้านตัน และจะช่วยดึงราคาข้าวให้ปรับตัวสูงขึ้น เพราะโรงสีจะต้องไปซื้อข้าวในราคานำตลาด”
นอกจากนี้ นบข. ยังได้อนุมัติความช่วยเหลือให้กับชาวนาที่มีปัญหายังไม่ได้รับเงินจำนำจากโครงการข้าวของรัฐบาลก่อน โดยได้อนุมัติการช่วยเหลือให้กับชาวนาใน 3 จังหวัด คือ กำแพงเพชร พิจิตร และสงขลา ที่ยังไม่ได้รับเงิน เพราะมีปัญหาในเรื่องการจำนำข้ามเขต และจำนำเกินระยะเวลาที่กำหนด รวมวงเงิน 72 ล้านบาท ชาวนา 571 ราย ซึ่งนบข. ได้ย้ำว่าการอนุมัติช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นความต้องการช่วยเหลือชาวนา
วานนี้ (6 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2557 โดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปลี่ยนมาใช้รถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ โดยเป็นโฟล์คตู้กันกระสุนสีดำ ทะเบียน ฮภ 2923 กรุงเทพมหานคร โดยในขบวนรถของนายกรัฐมนตรีประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ของสารวัตรทหารบก (สห.) จำนวน 2 คัน รถโฟล์คตู้ประจำตำแหน่ง รถจักรยานยนต์รักษาความปลอดภัย (มดดำ) 2 คัน รถเบนซ์ 3 กว 5957 กรุงเทพมหานคร รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทะเบียน 3 กน 5145 และ ทะเบียน 3 กน 5154 อีก 2 คันปิดท้าย สำหรับรถโฟล์คตู้กันกระสุนซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ได้มีการจัดซื้อและใช้ในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“ตู่” ยันแจกเงินไม่ใช่ประชานิยม
เมื่อเวลา 12.00 น. ภายหลังการประชุม นบข. ครั้งที่ 1/2557 พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ซึ่งเป็นการจัดตั้งมาตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศแล้ว และได้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวมาโดยลำดับ ทั้งในระยะเร่งด่วน 4 เดือนแรก ในระยะที่ 1 คือ เรื่องการจ่ายเงินจำนำข้าว ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ของชาวนา ชาวไร่ ระยะที่ 2 ช่วงที่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศต่อจาก คสช.ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นการดำเนินการตามมาตรการระยะยาวที่แต่เดิมก็ได้มีการดำเนินการควบคู่กันกับระระยะเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวเกิดความยั่งยืนต่อไป
“วันนี้สื่อต่างๆบอกว่าเราประชานิยมนั้น ไม่ใช่ เราใช้คำว่า แก้ปัญหาเร่งด่วน ให้ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่มีปัญหามาก่อน และเดินคู่ขนานว่า จะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืนระยะยาวต่อไปด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
รับมีอุปสรรคส่งออกข้าวเพียบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้เฉพาะเรื่องข้าว ตนคิดว่าสถานการณ์โลก เรื่องข้าวนั้นยังมีความต้องการอยู่ในทุกพื้นที่ ก็มีปัญหาบ้าง เรื่องขายแล้วส่งไม่ได้ มีการสู้รบ มีโรคระบาดอีโบลา เหล่านี้มีปัญหาหมด เพราะต้องมีการขนส่งทางเรือ เราเคยขายข้าวได้ทั้งด้านแอฟริกา ยุโรป ตะวันตก วันนี้ก็มีปัญหา เราขายข้าวได้มากจริง แต่ราคาข้าวทั้งโลกมันไม่สูงมากนัก เพราะมีการปลูกมากขึ้น มีการแข่งขันด้านราคากันมากขึ้น แต่ก็เป็นที่น่าดีใจ ที่การส่งออกข้าวมีจำนวนที่สูงขึ้น อาจเป็นที่หนึ่งในอาเซียนแล้วขณะนี้ ก็เป็นที่น่าดีใจ แต่จะทำอย่างไรให้ราคาสูงขึ้นอีกในอนาคต วันนี้เรามาพูดถึงว่า 1.จะทำอย่างไรให้ราคาสูงขึ้น และ 2.เราจะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืนขึ้น ในการต้องการปลูกข้าว การปรับปรุงพันธุ์ข้าว การกำหนดพื้นที่ในการปลูกข้าว และความต้องการในตลาด เพื่อยกระดับชาวนาให้ดีขึ้นตามลำดับ
นายกฯกล่าวอีกว่า วันนี้เราต้องจัดกลุ่มของชาวนาไว้ให้ได้ คือ 1. ชาวนาที่มีที่ทำกินน้อย รายได้น้อย ยากจนมาก 2. ชาวนาที่มีพื้นที่เกิน 40 ไร่ขึ้นไป 3.ชาวนาที่มีเงินทุนสูง เป็นการเพาะปลูกสมัยใหม่ ผลิตแนวใหม่ ใช้เครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ กลุ่มนี้ไม่ได้เดือดร้อนมากนัก และ 4. กลุ่มเจ้าของที่ที่ให้เช่านามากๆ ฉะนั้นเราต้องแบ่งเกรดในการดูแลช่วยเหลือตามลำดับ ชาวนาชาวไร่ ที่มีพื้นที่ทำกินน้อยทำอย่างไร เราให้ความสำคัญเร่งด่วนก่อน แต่ก็ดูอื่นๆด้วย วันนี้ได้พูดคุยทั้งมาตรการเร่งด่วน มาตรการระยะสั้น ระยะยาว และปัญหาเกษตรกรบางพื้นที่ ที่ไม่ได้เงินจากจำนำข้าว ที่ค้างไว้ 2-3 จังหวัด ได้หารือแล้วว่า สมควรช่วย เพราะเขามีข้าวอยู่แล้ว ชาวนาไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้มีข้าวอยู่ เราจะแก้ไขปัญหาให้ เข้าที่ประชุม ครม.ให้เรียบร้อย
ดันลูกชาวนาเรียนถึงด๊อกเตอร์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องศูนย์ดำรงธรรม ของกระทรวงมหาดไทย และศูนย์เกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราจะเชื่อมโยง 2 ศูนย์นี้เข้าด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนทุกอย่างให้เกษตรกรและประชาชนทั้งหมดทุกปัญหา ฉะนั้นเราดูตั้งแต่วิธีการผลิต การตลาด การลดต้นทุนการผลิต ซึ่งการจ่ายชดเชยปัจจัยการผลิตแก่ชาวนาไร่ละ 700 บาทของ คสช.ก็รู้อยู่ไม่ทั่วถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะไปสำรวจให้
นอกจากนี้ในระยะยาว ตนมีแนวคิดสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ขึ้นมาให้ได้ ต้องเริ่มการเรียนรู้ตั้งแต่บัดนี้ ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงไปหาทุนการศึกษาให้ลูกเกษตรกร เพื่อให้ศึกษาเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น เกี่ยวกับกระบวนการผลิตข้าวทั้งระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกข้าว การปรับปรุงพันธุ์ และการใช้เทคนิคต่าง ๆ เป็นต้น
มอบ ทส.หาที่ดินทำกินให้ชาวบ้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว เรื่องที่เป็นห่วงคือประชาชนที่มีรายได้น้อย แล้วไม่มีที่ดินทำกิน ตนกำลังตั้งคณะกรรมการอีกคณะ โดยตนจะเป็นประธาน และให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับผิดชอบหลัก เพื่อบูรณาการว่า ทำอย่างไรให้ประชาชนมีที่ทำกิน ประชาชนที่ถูกจัดระเบียบขณะนี้ ขอให้อดทนไว้ก่อน ตนจะดูแลว่าจะทำอย่างไร ให้ประชาชนมีที่ดินหรือทำเป็นระบบสหกรณ์ได้ แต่จะให้เป็นที่ส่วนตัวเลยคงลำบาก ก็เป็นห่วงว่าประชาชนจะทำกินที่ไหน มีรายได้อย่างไร
สั่ง ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อชะลอขายข้าว
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 56/57 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณข้าวเข้าสู่ตลาดประมาณ 27 ล้านตัน แบ่งเป็นกลุ่มแรก เป็นผู้ปลูกข้าวคุณภาพดีบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว ประมาณ 15 ล้านตัน โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกร เพื่อชะลอการขายข้าว ซึ่งเกษตรกรสามารถขอสินเชื่อได้ไม่เกินอัตรา 80 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าข้าวที่มีอยู่ โดยวิธีดังกล่าว จะช่วยให้ชาวนาเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเพื่อรอช่วงจังหวะราคาข้าวเพิ่มขึ้นแล้วจึงค่อยระบายออก กลุ่มต่อมาเป็น ผู้ปลูกข้าวขาวที่มีประมาณ 12 ล้านตัน โดยกระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนวงเงินชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการโรงสีที่กู้เงินจากสถาบันการเงิน เพื่อไปซื้อข้าวจากเกษตรกร มาเก็บไว้ก่อนระบายออกในช่วงที่ข้าวราคาปรับตัวดีขึ้น และเชื่อว่าจะช่วยพยุงราคาข้าวขาวให้ไม่ตกต่ำได้
โดยข้าวในกลุ่มดังกล่าวทั้ง 12 ล้านตันนั้น ในส่วนแรกประมาณ 5 ล้านตัน เป็นข้าวขาวคุณภาพดีจึงไม่น่าเป็นห่วง แต่เป็นห่วงส่วนที่เหลือประมาณ 6-7 ล้านตันที่เป็นข้าวขาวคุณภาพต่ำ ทั้งนี้มาตรการดังกล่าว จะเริ่มดำเนินการทันที เนื่องจากมีชาวนาได้มาขึ้นทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว และจะนำมาตรการดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันที่ 7 ต.ค.นี้
“เชื่อว่าไทยจะกลับมาครองแชมป์ส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยขอดูตัวเลขการส่งออกในเดือน ธ.ค.นี้ก่อน พร้อมทั้งยืนยันว่า มาตรการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1 พันบาทนั้น ชาวนาที่ขึ้นทะเบียนไว้จะได้รับเงินอย่างแน่นอน ผ่านทางบัญชี ธ.ก.ส. โดยไม่มีเจ้าของที่ดินเข้ามาสวมสิทธิ์หรือรับเงินแทนชาวนา ซึ่งขณะนี้มีชาวนาตัวจริงมาลงทะเบียนไว้ประมาณ 3.4 ล้านครัวเรือน” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
กำชับ 11 หน่วยเกาะติดจ่ายเงินชาวนา
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงการจัดตั้งคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่มาจากตัวแทน 11 หน่วยงาน ว่า ภารกิจหลักจะเน้นการป้องกันทุจริตตั้งแต่ต้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแล้วมาปราบปรามภายหลัง โดยภารกิจแรกของคณะทำงานคือการวางระบบร่วมกับ ป.ป.ช. และ สตง. ตรวจสอบโครงการแรกคือโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุกครัวเรือน เพื่อแบ่งเบาภาระชาวนา ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ เริ่มต้นจ่ายเงินในวันที่ 20 ต.ค.นี้ โดยคณะทำงานจะได้ตรวจสอบทุกขั้นตอนการทำงาน ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยให้เงินรั่วไหล และเงินช่วยเหลือถึงมือชาวนาเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นบข.อนุมัติ612ล.ชดเชยดบ.ให้โรงสีซื้อข้าว
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นบข. มีมติให้เพิ่มวงเงินชดเชยดอกเบี้ยให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการเก็บสต๊อกข้าวจากเดิมที่เคยอนุมัติไว้ ปริมาณข้าวเปลือก 2 ล้านตัน โดยชดเชยดอกเบี้ย 3% วงเงินชดเชย 306 ล้านบาท ให้เพิ่มอีก 4 ล้านตัน วงเงินชดเชย 612 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% เช่นเดิม รวมรัฐจะต้องจ่ายชดเชยรวมเป็นเงิน 918 ล้านบาทปริมาณข้าวที่โรงสีจะต้องซื้อเก็บสต๊อกรวม 6 ล้านตัน
“ถ้าโครงการนี้เวิร์ก จะช่วยดึงผลผลิตข้าวเปลือกออกจากตลาดได้ 6 ล้านตัน และจะช่วยดึงราคาข้าวให้ปรับตัวสูงขึ้น เพราะโรงสีจะต้องไปซื้อข้าวในราคานำตลาด”
นอกจากนี้ นบข. ยังได้อนุมัติความช่วยเหลือให้กับชาวนาที่มีปัญหายังไม่ได้รับเงินจำนำจากโครงการข้าวของรัฐบาลก่อน โดยได้อนุมัติการช่วยเหลือให้กับชาวนาใน 3 จังหวัด คือ กำแพงเพชร พิจิตร และสงขลา ที่ยังไม่ได้รับเงิน เพราะมีปัญหาในเรื่องการจำนำข้ามเขต และจำนำเกินระยะเวลาที่กำหนด รวมวงเงิน 72 ล้านบาท ชาวนา 571 ราย ซึ่งนบข. ได้ย้ำว่าการอนุมัติช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นความต้องการช่วยเหลือชาวนา