xs
xsm
sm
md
lg

ภูเก็ตไม่พบเชื้ออีโบล่า ตราดเฝ้าระวังหนุ่มออสซี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.ยืนยันผลตรวจชิ้นเนื้อ-เลือดนักท่องเที่ยวอังกฤษตายในคอนโดหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ไม่พบเชื้ออีโบลา ยันตรวจชิ้นเนื้อจากศพเป็นแนวทางปฏิบัติจากองค์การอนามัยโลก ให้ผลไม่ต่างจากตรวจเลือด ผู้เชี่ยวชาญไวรัสห่วงตรวจพิสูจน์ศพมือเปล่า เสี่ยงรับเชื้อ ด้านกรมควบคุมโรคยันตำรวจ-จนท.สาธารณสุข มีมาตรฐานการตรวจ สวมถุงมือป้องกันการสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง ที่ตราดเฝ้าระวังหนุ่มออสซี่มาจากคองโก

วานนี้ (26 ต.ค.) นพ.อภิชัย มงคล กล่าวถึงผลการตรวจเชื้ออีโบลานักท่องเที่ยวชายชาวอังกฤษที่เสียชีวิตภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในพื้นที่หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากมีประวัติเดินทางมาจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา แม้ผลการชันสูตรจากแพทย์นิติเวชจะวินิจฉัยเป็นการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวก็ตาม ว่า กรมฯได้ทำการตรวจชิ้นเนื้อบริเวณกระพุ้งแก้ม ตับ และช่องทวารหนักมาตรวจสอบ ไม่พบเชื้ออีโบลาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม มาตรฐานองค์การอนามัยโลกจะใช้เลือดทำการตรวจวิเคราะห์ ทำให้ผลตรวจสอบที่ออกมานั้นยังเป็นที่น่าสงสัยอยู่ เพราะเป็นการตรวจชิ้นเนื้อที่มาจากศพ ซึ่งยังไม่มีแนวทางปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้แจ้งผลการตรวจทั้งหมดไปยังกรมควบคุมโรค (คร.) แล้ว โดยให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาตีความหมายอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านโรคติดเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบ 3 ประเภท คือ 1.การตรวจด้วยวิธีเรียลไทม์ พีซีอาร์ 2.การตรวจสอบยืนยันผลซ้ำซึ่งครอบคลุมความผันแปรของรหัสพันธุกรรม เพื่อหาเชื้อไวรัสอีโบลา เชื้อไวรัสมาร์บวร์ก และเชื้อไวรัสในตระกูลเดียวกัน และ 3.ตรวจวิเคราะห์ตามมาตรฐานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) พบว่า ให้ผลเป็นลบทั้ง 3 ประเภท คือไม่พบเชื้อไวรัสอีโบลาหรือเชื้อมาร์บวร์ก ส่วนเลือดที่ได้จากศพ ซึ่งเสียชีวิตมาแล้วหลายวันนั้น ไม่มั่นใจว่ามีผลกับผลวิเคราะห์หรือไม่ จึงยังน่าเป็นห่วง ต้องเฝ้าระวังโรคติดเชื้อชนิดอื่นๆ ต่อไป

"การตรวจศพที่ต้องสงสัยว่ามีเชื้อไวรัสอีโบลา ไม่ว่าจะมีเชื้อหรือไม่มีต้องระมัดระวังเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด จะต้องเข้มงวดเรื่องการสัมผัสศะให้มาก เพราะแม้จะไม่ใช่เชื้อไวรัสอีโบลาก็อาจเป็นไวรัสตัวอื่นได้ ซึ่งผมได้หารือเรื่องนี้กับ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แล้ว กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะต้องกำชับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเรื่องการเตรียมความพร้อมป้องกันตัวเองเต็มที่" นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดี คร. กล่าวว่า ผลการตรวจเชื้ออีโบลาจากชิ้นเนื้อให้ผลที่ถูกต้องไม่ต่างจากตรวจสอบจากเลือด ซึ่งตามมาตรฐานแนวทางปฏิบัติขององค์การอนามัยโลกก็ชัดเจนว่าหากตรวจสอบเชื้ออีโบลาจากศพ ก็จะใช้ชิ้นเนื้อจากศพในการตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งการตรวจสอบชิ้นเนื้อของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษรายนี้ก็ถือว่าใช้ชิ้นเนื้อหลายส่วนค่อนข้างมาก ผลตรวจที่ได้ถือว่าถูกต้องตามมาตรฐาน

นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับประเด็นความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ในการตรวจศพผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีโบลาโดยไม่มีการป้องกันนั้น เนื่องจากตอนเข้าไปตรวจสอบศพครั้งแรกไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร จึงไม่ทราบว่าเดินทางมาจากประเทศเสี่ยง แต่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ก็ทำถูกต้องตามมาตรฐานคือ มีการสวมถุงมือ สวมอุปกรณ์ป้องกัน และไม่สัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งโดยตรง เพราะโรคนี้ติดต่อแบบเดียวกันกับโรคเอดส์

สำหรับมาตรการการเฝ้าระวังโรคอีโบลานั้น นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า สธ.จะยังคงมาตรการเฝ้าระวังโรคอีโบลาในผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรคอย่างเข้มงวดทุกวัน ทั้งผู้เดินทางโดยเครื่องบิน ทางเรือ และทางรถยนต์ ที่ผ่านช่องทางเข้าออกประเทศทุกแห่ง ตามมาตรการที่กระทรวงกำหนดไว้ ซึ่งเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ในการตรวจจับการนำเชื้ออีโบลาเข้าประเทศ ส่วนความพร้อมด้านอื่นๆ เช่น การรักษาพยาบาล การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ขณะนี้กล่าวได้ว่าการเตรียมความพร้อมมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีสนามบินนานาชาติ หรือมีช่องทางเข้าออกประเทศ จำนวน 30 จังหวัด หากพบผู้ป่วยมีอาการเข้าข่ายสงสัยจะสามารถรับตัวไว้ดูแลตามแนวทางได้ทันที

นพ.โสภณ กล่าวว่า ผลการเฝ้าระวังผู้เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดโรคอีโบลาจนถึงวันนี้ ยอดสะสมทั้งหมด 2,444 คน เฉลี่ยวันละประมาณ 26 คน ร้อยละ 96 เดินทางมาโดยเครื่องบิน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ใน กทม. และจังหวัดต่างๆ จะเฝ้าระวังติดตามอาการผู้เดินทางเหล่านี้ทุกวัน ประชาชนไทยสามารถใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่ต้องวิตกกังวล ผู้ป่วยโรคนี้จะแพร่เชื้อได้ เฉพาะเมื่อมีอาการป่วยแล้ว โดยอาการสำคัญคือ มีไข้สูงอย่างเฉียบพลัน ปวดศีรษะ อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย หรือมีเลือดออก ในขณะนี้ยังไม่พบ ผู้ติดเชื้ออีโบลาในประเทศไทย ส่วนการป้องกันโรคอีโบลา ขอให้ประชาชนไทยหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการเดินทางไปพื้นที่ระบาดออกไปก่อน หากมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับสถานการณ์โรคอีโบลา ล่าสุด องค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2557 พบผู้ป่วยรวม 10,141 ราย เสียชีวิต 4,922 ราย มีรายงานผู้ป่วยใน 8 ประเทศ ได้แก่ 1. กินี ป่วย 1,553 ราย เสียชีวิต 926 ราย2. ไลบีเรีย ป่วย 4,665 ราย เสียชีวิต 2,705 ราย 3. เซียร์ร่า ลีโอน ป่วย 3,896 ราย เสียชีวิต 1,281 ราย 4.มาลี ป่วยและเสียชีวิต 1 ราย 5. ไนจีเรีย ป่วย 20 ราย เสียชีวิต 2 ราย 6.เซเนกัล ป่วย 1 ราย 7. สเปน ป่วย 1 ราย และ8. สหรัฐอเมริกา ป่วย 4 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยองค์การอนามัยโลก ได้ประกาศให้ประเทศเซเนกัล และไนจีเรีย เป็นพื้นที่ปลอดโรคอีโบลา เมื่อวันที่ 17 และ20 ตุลาคม 2557 ตามลำดับ เนื่องจากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกัน เป็นเวลา 42 วัน

**ตราดเฝ้าระวังหนุ่มออสซี่มาจากคองโก

นายแพทย์ชรัตน์ วสุธาดา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ตราด กล่าวว่า สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 ชลบุรี แจ้งให้ สสจ.ตราด ทราบว่า มีผู้เข้าข่ายติดตามเฝ้าระวังโรคติดต่อเชื้อไวรัสในจ.ตราด 1 ราย โดยอยู่ใน อ.เมือง เป็นเพศชาย อายุ 47 ปี สัญชาติออสเตรเลีย ทำงานแท่นขุดเจาะประเทศคองโก เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 17 ตุลาคม วัดอุณหภูมิร่างกายได้ 36.3 องศาเซลเซียส

"ผลการติดตามพบว่าชายคนนี้มีภรรยาเป็นชาวไทย อาศัยอยู่ในพื้นที่ประมาณ 2 ปี ซึ่งทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ต้องเฝ้าติดตามอาการไข้ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ หรือ 21 วันหลังจากเดินทางออกจากพื้นที่ระบาด เพราะมีอาการไข้เข้าตามนิยามผู้ป่วย เข้าเกณฑ์สอบสวน จึงให้โรงพยาบาลตราด เตรียมระบบการดูแลรักษา รวมถึงระบบป้องกัน และควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล ให้พร้อมด้วย

"ผู้ป่วยรายนี้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ที่เป็นโรคแล้ว จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ หรือเรื่องที่ต้องกังวล หรือผู้ประกอบการจะเกรงว่าจะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว เพราะประเทศไทยมีมาตรการเฝ้าระวังที่ดีกว่าสหรัฐอเมริกาเสียอีก อีกทั้งชาวต่างประเทศรายนี้เข้ามาเพื่อต่อวีซ่าเท่านั้น".
กำลังโหลดความคิดเห็น