สอดแนมการเมือง
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
ผู้นำที่เลวในโลกนี้ ชอบสร้างภาพลวงตา-ชอบพูดโกหก-ชอบคบคนชั่ว-เพื่อร่วมกันโกงชาติ!
ผู้นำคนไหนปราบคนโกงชาติจริงหรือไม่นั้น-ต้องดู หนึ่ง-ดูตัวผู้นำว่าจริงใจจะปราบคนโกงชาติหรือไม่? สอง-ดูว่าผู้นำใช้คน”ตงฉิน”หรือ”กังฉิน”ทำงาน? สาม-ดูจากผลงานจริงในการปราบคนโกงชาติ?
ผู้นำจีน”สี จิ้นผิง”ปราบคนโกงชาติ โดยใช้ทีมงาน”หลี่ เค่อเฉียง” นายกรัฐมนตรีจีนคนปัจจุบัน ที่ประกาศกลางกรุงปักกิ่งว่า “ไม่อดทนหรือความอดทนเป็นศูนย์” (zero tolerance) ต่อปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นอีก และ “ภายใต้ข้อกฏหมาย ทุกคนต่างมีความเท่าเทียมกันทั้งหมด” เพราะ “จีนเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้หลักนิติธรรม” และ “เราจึงใช้มาตราการเด็ดขาดกับเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่น”
นายกฯ”หลี่ฯ”ยังสำทับด้วยว่า “ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นใคร หรือยิ่งใหญ่มาจากไหน ถ้าบุคคลผู้นั้นละเมิดระเบียบวินัยของพรรคฯ และกฏหมายของประเทศ เขาต้องได้รับการลงโทษอย่างเต็มสรรพกำลังของกฏหมาย เพราะทุกคนล้วนเสมอภาคต่อหน้ากฏหมายด้วยกันทั้งสิ้น”
ในวันและสถานที่เดียวกัน “หวัง ฉีซาน” ประธานคกก.ตรวจสอบวินัยแห่งพรรคคอมฯจีน (CCDI) และเป็นหนึ่งในโปลิตบูโร หนึ่งในทีมงานปราบคนโกงชาติของ”สีฯ” ก็ย้ำหลักการ”ความอดทนเป็นศูนย์” ด้วยมาตราการ”ตรวจซ้อนตรวจ” นั่นคือ ”ดำเนินการตรวจตราผู้ทำหน้าที่ ตรวจสอบการกระทำผิดให้เข้มงวดขึ้นอีกชั้นหนึ่ง และจะลงโทษบรรดาเจ้าหน้าที่ ที่แอบไปตักตือนหรือช่วยคนทำผิดหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตัว ขณะปฏิบัติการตรวจสอบผู้กระทำผิด โดย”หวังฯ”ระบุว่า
“หากใครก็ตามล้มเหลวที่จะควบคุมตัวเอง ก็ไม่เหมาะสมจะไปควบคุมสั่งการผู้อื่นเช่นกัน”
ผู้นำจีน“สีฯ”ปราบคนโกงชาติทุกรูปแบบ เช่น การฉวยโอกาสใช้ประเพณีอันดีงามของชาวจีน มาใช้”ส่งส่วย”หรือให้”สินบน”กัน นั่นคือ “วันไหว้พระจันทร์”
ตลกไหม..ที่พรรคคอมฯจีน ได้มีคำสั่งไปทั่วประเทศจีน ห้ามซื้อขนมไหว้พระจันทร์แพงๆ ให้กับข้าราชการระดับสูง เพราะถือเป็นการคอร์รัปชั่น!
เอ๊ะ..ขนมไหว้พระจันทร์ที่ลูกหลานคนจีนในไทยชอบกิน ซึ่งมีทั้งไส้ถั่วเหลือง ไส้โหงวยิ้งหรือถั่ว 5 ชนิด ไส้เม็ดบัวใส่ไข่เค็ม ไส้ทุเรียนหมอนทอง และอีกสารพัดไส้ ที่กินกับน้ำชาหรือกาแฟอร่อยเหาะนั้น ดันไปข้องเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นได้..งงใช่ไหมล่ะ?
แต่จะหายงงเมื่อรู้ว่า ที่เมืองจีนเขามี”นวตกรรมส่งสินบน” ที่แปลกแหวกแนวมากมาย นอกจากให้สินบนด้วยเงินในที่ลับๆแล้ว การให้ขนมไหว้พระจันทร์กับข้าราชการระดับสูง ที่ให้ตำแหน่ง-ให้เงินทอง-ให้โครงการ ฯลฯ ในประเทศจีนได้นั้น ถือเป็นหนึ่งในช่องทางที่ทำกันมานานแล้ว
สนนราคาขนมไหว้พระจันทร์ในจีน เท่าที่สำรวจตรวจพบ มีราคาตั้งแต่ก้อนละไม่ถึงร้อยบาท จนถึงหมื่นบาท-แสนบาท-หลายล้านบาท ขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำจากหูฉลามและเป๋าฮื้อ ขายกันในราคาราว 2,000 หยวน หรือ 10,000 บาทเศษ
แต่ขนมไหว้พระจันทร์ที่กินไม่ได้กลับแพงกว่า เพราะทำด้วยเงินผสมทองแท้ ราคาประมาณ 160,000 หยวน หรือ ประมาณ 5 ล้านบาท แถมยังมีขนมไหว้พระจันทร์ ยัดไส้ทองคำหรือแหวนเพชรเม็ดโตอยู่ข้างใน แต่ที่โคตรแพงน่าจะเป็นขนมไหว้พระจันทร์ ที่ยัดไส้กุญแจ”ซุปเปอร์คาร์” ราคาสูงกว่า 5 ล้านบาทแน่นอน
งานนี้..พระจันทร์บนฟ้าไม่ได้เอี่ยวแอ้มเลย คนโกงทั้งหลายต่างหากที่ได้”เขมือบสินบน” หรือได้”สวาปามขนม”ในวันไหว้พระจันทร์ ดังนั้น
”ผู้นำสีฯ”กับนายกฯ”หลี่ฯ”และ”หวังฯ” ก็รู้เท่าทันกลวิธีอันชั่วร้ายของคนโกงชาติ จึงออกมาเตือนข้าราชการทุกระดับว่า ใคร”สวาปามขนมไหว้พระจันทร์”โคตรแพงแบบนี้ แล้วถูกจับได้จะโดนลงโทษอย่างหนักโดยไม่ไว้หน้าทันที
เมื่อ”ผู้นำสีฯ”ถือหลัก”จะตีเหล็กนั้น ตัวเองต้องเข็มแข็ง” นั่นหมายถึงประเทศจีนต้องเข้มแข็งในทุกมิติ เพื่อหยัดยืนอยู่บนโลกที่มีมหาอำนาจ ซึ่งยังเที่ยวปล้นสะดมภ์ชาติที่อ่อนแอกว่า และหนึ่งในมิติที่สำคัญอย่างยิ่งยวด คือ จีนต้องปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นให้ได้โดยไว ดังนั้น
“ผู้นำสีฯ”จึงได้เปิดศึกปราบคนโกงครั้งใหญ่ ทั้งคนโกงชาติที่เกษียณไปแล้ว และที่ยังมีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน เช่น
“ซูหรง” อดีตรองประธานคกก.ที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ ถูกตั้งกรรมการสอบเพียงแค่ 11 วัน ก็ถูกปลดและตั้งข้อหาโกงชาติ
“ว่านชิ่งเหลียง” ที่ได้เป็นนายกเทศมนตรีกว่างโจว ด้วยวัยเพียง 46 ปี ถูกมองเป็น”ดาวรุ่ง”ดวงใหม่ เพราะขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ด้วยวัยแค่ 50 ปี ก็ถูกสอบสวนว่ามีพฤติกรรม กอบโกยผลประโยชน์ใส่ตัว ซึ่งส่อไปในทางทุจริตคอร์รัปชั่น
หลังภรรยา”ป๋อ ซีไหล”ถูกจับในข้อหา พัวพันการฆาตกรรมนักธุรกิจชาวอังกฤษ จนเป็นเรื่องบานปลายที่สาวไปสู่เงินไม่โปร่งใสมหาศาล ”ป๋อฯ”ที่เป็น 1 ใน 9 ของคกก.ถาวรประจำกรมการเมืองพรรค ที่มีอนาคตทางการเมืองถึงขั้นจะเป็นผู้นำชาติจีน โดยสื่อตะวันตกระบุว่า “ป๋อฯ”เป็นอริกับ”สีฯ”โดยตรง
วันนี้”ดาวรุ่งป๋อฯ”จึงเป็น”ป๋อฯดาวร่วง” เพราะ”ป๋อฯ”โดนข้อหาฉกรรจ์ ถูกส่งตัวเข้าคุกเรียบร้อยโรงเรียน”สีฯ”ไปแล้ว
ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คือ “โจวหย่งคัง” อดีตผู้นำจีนวัย 71 ปี มีฐานอำนาจจากมณฑลเสฉวนที่เกษียณอายุไปแค่ปีเศษ โจวฯเคยดำรงตำแหน่งสูงเป็นอันดับ 3 ในรัฐบาล เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของพรรค รับผิดชอบด้านข่าวกรอง ศาล ตำรวจ และอัยการ เป็นถึงสมาชิกถาวรประจำกรมการเมืองของพรรค ก็ถูกสอบสวนในข้อหาคอร์รัปชั่นหลายกระทง ท่ามกลางข่าวลือว่า..โจวฯคือผู้นำที่สนับสนุน”ป๋อ ซีไหล”
เครือข่ายโจวฯถูกกวาดล้างมากมาย เช่น “ติง ซูเฟ็ง” นายกเทศมนตรีของเมืองหลูเหลียง ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังสื่อจีนรายงานว่า เขาใกล้ชิดกับบุตรชายคนโตของโจวฯ ขณะที่“หลี่ ตงเช็ง” อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ด้วยข้อหา”ละเมิดวินัยขั้นร้ายแรง”ต่อพรรคฯเช่นกัน
แม้แต่เอกชนอย่าง”หลิวฮั่น” มหาเศรษฐีแห่งมณฆลเสฉวน ที่มีสินทรัพย์ 855 ล้านเหรียญสหรัฐ กับ น้องชาย “หลิวเหว่ย”และพวกอีก 34 คน ที่สนิทกับโจวฯก็ถูกจับเข้าคุก ด้วยข้อหาเปิดบ่อน-ก่ออาชญากรรมสารพัด หรือเป็น”มาเฟีย”นั่นเอง
ที่สำคัญก่อนที่โจวฯจะมาดูแลด้านความมั่นคงนั้น โจวฯดูแลหรือคุมวงการก๊าสและน้ำมันของชาติจีน จึงไม่น่าแปลกใจที่”เจียงเจี๋ยหมิน”กรรมการกลางของพรรค ที่เป็นประธานของ National Petroleum Corporation (CNPC) หรือบริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีน และระดับรองอีกหลายคน ก็โดนข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น ไปด้วย
เฉพาะโจวฯกับพวก..ทางการจีนได้บุกค้นบ้านมากมาย ทั้งที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และอีก 5 มณฑล มีการยึดของกลางทั้งคฤหาสน์และอพาร์ทเมนท์ 300 หลัง/ห้อง มูลค่า 1,700 ล้านหยวน ภาพเขียนร่วมสมัยมูลค่าอีก 1,000 ล้านหยวน มีการอายัดบัญชีธนาคารยอดเงินฝาก 37,000 ล้านหยวน ยึดพันธบัตรทั้งในและนอกประเทศอีก 51,000 ล้านหยวน ยึดทรัพย์สินอีก 90,000 ล้านหยวน ฯลฯ
แต่ล่าสุดที่ฮือฮาและสื่อตะวันตกวิเคราะห์ว่า อาจส่งผลสะเทือนต่อความมั่นคง ของประธานาธิบดี”สีฯ” คือ การตั้งข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นกับ “ซูไฉ่โฮ่ว” ซึ่งมีตำแหน่งที่สูงมากในประเทศจีน นั่นคือ เคยเป็นหนึ่งในกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง ของ คกก.กลางพรรคคอมฯจีน (1ใน 25 คนที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศจีน) และเป็นคกก.กลางทางทหาร (เบอร์ 2 ของกองทัพจีน)
“ซูฯ”ถูกไล่ออกจากพรรคและโดนตั้งข้อหารุนแรงว่า ได้เรียกเงินจากนายทหารเพื่อแลกกับการได้เลื่อนตำแหน่ง หรือ ทางการจีนใช้คำว่า”ผิดวินัยอย่างร้ายแรง” ซึ่งเข้าใจกันในห้วงนี้ว่า หมายถึงการมีพฤติกรรมคอร์รัปชั่นโกงกินชาตินั่นเอง