ทำไมคนเสื้อแดงจึงเรียกฝ่ายตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย และเรียกฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย อาจเพราะฝ่ายเสื้อแดงบอกว่า พวกเขาสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่พวกเขาชื่นชอบ
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วฝ่ายต่อต้านทักษิณไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย พวกเขาสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถึงเวลาก็ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ต่อต้านรัฐบาลที่ทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ และต่อต้านกลุ่มทุนที่ครอบงำพรรคการเมืองต่างหาก
ความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะคนกลุ่มหนึ่งมองเห็นว่ารัฐบาลทุจริตมีความเป็นทรราชเลยออกมาขับไล่รัฐบาล ในขณะที่อีกฝ่ายออกมาปกป้องรัฐบาลเพราะคิดว่าตัวเองเลือกเข้ามา ฝ่ายขับไล่ใช้สิทธิอะไรล่ะครับ ก็สิทธิที่ในระบอบประชาธิปไตยนั่นแหละ จึงไม่เข้าใจเลยว่า การขับไล่รัฐบาลที่ทุจริตจะเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยได้อย่างไร และฝ่ายที่ปกป้องรัฐบาลเพียงเพราะคิดว่าเป็นรัฐบาลที่ตัวเองเลือกเข้ามาโดยไม่ได้มองถึงพฤติกรรมของรัฐบาลจะเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้อย่างไร
สื่อมวลชนบางค่ายที่เรารู้กันสนับสนุนรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลของระบอบทักษิณ เพราะรัฐบาลตอบแทนผลประโยชน์ให้จากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่เพราะพวกเขารักประชาธิปไตย แต่พวกเขาสวมรอยประชาธิปไตยที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของรัฐบาลที่เขาสนับสนุนและชี้หน้าด่าคนอื่นว่า เป็นพวกต่อต้านประชาธิปไตย
พวกเคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเหตุการณ์เดือนตุลาที่สนับสนุนทักษิณก็เพราะได้รับประโยชน์จากทักษิณไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อีกพวกเป็นพวกไม่ชอบสถาบันพระมหากษัตริย์หันมาสนับสนุนทักษิณเพราะเชื่อว่า ระบอบทักษิณได้รับศรัทธาจากประชาชนมากและสามารถสั่นคลอนระบอบกษัตริย์ได้
ฝ่ายประชาธิปไตยควรจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองหรือของประชาชนด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลที่เราเลือกตั้งเข้ามาใช้อำนาจตามอำเภอใจ หรือถ้าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เพราะเข้าใจสิทธิของตัวเองจริงก็ต้องเลือกผู้นำที่มีความสามารถมาปกครองตัวเอง ไม่ใช่เลือกใครก็ได้ที่เขาส่งมาให้เลือกแม้คนคนนั้นจะเป็น “คนโง่” ก็ตาม
ห้วง 10 ปีมานี้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย เพราะคนส่วนหนึ่งเข้าใจถึงสิทธิของตัวเองในระบอบประชาธิปไตยว่า เขามีความชอบธรรมที่จะขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งคิดเพียงว่า รัฐบาลจะมีความทุจริตหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญว่าเขาหยิบยื่นผลประโยชน์ให้และมาจากการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก และพวกนี้จะมีวาทกรรมที่เป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า ถ้ารัฐบาลไม่ดีถึงเวลาก็ไม่ต้องเลือกตั้งกลับเข้ามาอีก หมายความว่าไม่ว่ารัฐบาลจะทุจริตขี้โกงอย่างไรก็ต้องทนไปจนหมดวาระ
แต่คนที่เข้าใจสิทธิเข้าใจประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่ารัฐบาลฉ้อฉลนั้นไม่ควรจะอยู่ต่อแม้แต่วันเดียว ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในขณะที่รัฐบาลยังไม่หมดวาระก็คือการเดินขบวนขับไล่ แต่ความวุ่นวายเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลที่ฉ้อฉลก็ปลุกปั่นมวลชนของตัวเองออกมาต่อต้านจนเกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองจนเข้าทางทหารมาแล้วหลายครั้ง
ประเทศไทยผ่านการรัฐประหารมาแล้ว 13 ครั้งแล้วใช้รัฐธรรมนูญมาแล้ว 19 ฉบับ เชื่อเถอะครับว่าในอนาคตเราต้องมีการรัฐประหารและร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีก หากระบบการเมืองของเราไม่สามารถป้องกันคนชั่วเข้ามาสู่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติได้ และไม่ทำให้ประชาชนเข้าใจสิทธิของตัวเองในระบอบประชาธิปไตย
ถึงตอนนี้กำลังพูดกันถึงรูปแบบการเมืองกันใหญ่ว่าควรจะใช้แบบไหนถึงจะเหมาะสมกับสังคมไทย มีคนเสนอให้เลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดละ 1 คน มีคนเสนอให้ 2 พรรคที่มีเสียงข้างมากร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล มีคนเสนอว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต้องได้คะแนนมากกว่า 50% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ถ้าไม่ถึงให้คนที่ได้ที่ 1 และ 2 แข่งขันกันใหม่ หรือผู้ชนะต้องได้คะแนนมากกว่า Vote No
แต่ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะถูกเขียนอย่างไร ผมว่าหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตยก็คือ ประชาชนรู้ถึงสิทธิของตัวเอง และเข้าใจว่า ประชาธิปไตยคือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ อย่างท่านพุทธทาสว่า และรู้เท่าทันนักการเมืองไม่เป็นเครื่องมือของนักการเมืองชั่วชาติเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ
ถ้าประชาชนเข้าใจถึงสิทธิของตัวเองรัฐบาลที่ชั่วช้าก็ไม่สามารถเกณฑ์มวลชนออกมาปกป้องตัวเองด้วยการหลอกลวงมวลชนว่า ชนชั้นปกครองในอดีตต้องการล้มรัฐบาลของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งเพราะอิจฉาที่รัฐบาลทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีได้ เพราะประชาชนที่เข้าใจสิทธิของตัวเองจะเข้าใจทันทีว่า ผลประโยชน์ที่เขาหยิบยื่นมาให้ประชาชนนั้นเป็นเงินภาษีของเขาเอง แต่ผลประโยชน์ที่กลุ่มทุนพรรคการเมืองเอาไปนั้นมากกว่าสิ่งที่แบ่งปันให้ประชาชน
ดังนั้นรัฐบาลที่ปลุกประชาชนออกมาปะทะกับประชาชนที่ขับไล่ตัวเองนั่นแหละครับ เป็นฝ่ายที่ทำให้ผู้ทำรัฐประหารอ้างความชอบธรรมเข้ามายึดอำนาจและล้มล้างระบอบประชาธิปไตยฉีกรัฐธรรมนูญ
ผู้นำจากรัฐประหารนั่นแหละครับที่เราไม่สามารถตอบโต้ได้ เพราะเขาถือปืนเข้ามายึดอำนาจ ไม่ว่าผู้นำคนนั้นจะเป็น “คนโง่” หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าผู้นำคนนั้นจะมีความสามารถฉลาดหลักแหลมหรือไม่ ไม่มีใครมีปากเสียงแม้แต่ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยและประณามคนอื่นว่าฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยก็ปิดปากเงียบสนิทและทำเป็นแกล้งตาย
รัฐบาลของระบอบทักษิณถูกรัฐประหารถึงสองครั้ง ถ้าพวกเขาเป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล คณะรัฐประหารคงไม่มีความชอบธรรมเข้ามายึดอำนาจ และคงไม่มีประชาชนออกมายินดีกับการรัฐประหาร ผมคิดว่าประชาชนที่ออกมาแสดงความยินดีกับทหารที่เข้ามายึดอำนาจเขาไม่ได้สนับสนุนเผด็จการ แต่เขาเห็นว่า เป็นการหยุดรัฐบาลที่ชั่วช้าเท่านั้น หลังเขาใช้วิธีการในระบอบประชาธิปไตยในการชุมนุมขับไล่แล้วไม่เป็นผล แถมยังถูกรัฐบาลปล่อยให้อำนาจมืดเข้ามายิงทำร้ายประชาชนจนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
เพียงแต่ประชาชนอาจโชคร้ายถ้าได้เผด็จการแบบสมบัติผลัดกันชม
แล้วอย่างไรเสียเผด็จการทหารก็ไม่สามารถใช้อำนาจอย่างยั่งยืนได้ ประชาชนยอมจำนนเพียงชั่วคราวแล้วทหารต้องคืนอำนาจให้ประชาชนในที่สุด ส่วนเผด็จการที่คิดจะสืบทอดอำนาจก็คงมีบทเรียนมาแล้วในอดีตว่าประชาชนจะลุกฮือขับไล่ แต่ถ้าเราปล่อยให้เผด็จการรัฐสภาใช้ข้ออ้างว่ามาจากการเลือกตั้งแล้วเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยถือครองอำนาจไปเรื่อยๆเอาเงินเข้ามาซื้ออำนาจเราก็กลายเป็นประชาชนที่ยอมจำนนตลอดไปแม้ว่ารัฐบาลจะชั่วช้าก็ตาม
แม้จะเป็นกบเลือกนายอีกกี่ครั้ง และเสียเวลากับเผด็จการไปบ้าง แต่ถ้ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งฉ้อฉลประชาชนก็ไม่ควรจำนนและอดทน
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วฝ่ายต่อต้านทักษิณไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย พวกเขาสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถึงเวลาก็ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ต่อต้านรัฐบาลที่ทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ และต่อต้านกลุ่มทุนที่ครอบงำพรรคการเมืองต่างหาก
ความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะคนกลุ่มหนึ่งมองเห็นว่ารัฐบาลทุจริตมีความเป็นทรราชเลยออกมาขับไล่รัฐบาล ในขณะที่อีกฝ่ายออกมาปกป้องรัฐบาลเพราะคิดว่าตัวเองเลือกเข้ามา ฝ่ายขับไล่ใช้สิทธิอะไรล่ะครับ ก็สิทธิที่ในระบอบประชาธิปไตยนั่นแหละ จึงไม่เข้าใจเลยว่า การขับไล่รัฐบาลที่ทุจริตจะเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยได้อย่างไร และฝ่ายที่ปกป้องรัฐบาลเพียงเพราะคิดว่าเป็นรัฐบาลที่ตัวเองเลือกเข้ามาโดยไม่ได้มองถึงพฤติกรรมของรัฐบาลจะเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้อย่างไร
สื่อมวลชนบางค่ายที่เรารู้กันสนับสนุนรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลของระบอบทักษิณ เพราะรัฐบาลตอบแทนผลประโยชน์ให้จากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่เพราะพวกเขารักประชาธิปไตย แต่พวกเขาสวมรอยประชาธิปไตยที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของรัฐบาลที่เขาสนับสนุนและชี้หน้าด่าคนอื่นว่า เป็นพวกต่อต้านประชาธิปไตย
พวกเคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเหตุการณ์เดือนตุลาที่สนับสนุนทักษิณก็เพราะได้รับประโยชน์จากทักษิณไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อีกพวกเป็นพวกไม่ชอบสถาบันพระมหากษัตริย์หันมาสนับสนุนทักษิณเพราะเชื่อว่า ระบอบทักษิณได้รับศรัทธาจากประชาชนมากและสามารถสั่นคลอนระบอบกษัตริย์ได้
ฝ่ายประชาธิปไตยควรจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองหรือของประชาชนด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลที่เราเลือกตั้งเข้ามาใช้อำนาจตามอำเภอใจ หรือถ้าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เพราะเข้าใจสิทธิของตัวเองจริงก็ต้องเลือกผู้นำที่มีความสามารถมาปกครองตัวเอง ไม่ใช่เลือกใครก็ได้ที่เขาส่งมาให้เลือกแม้คนคนนั้นจะเป็น “คนโง่” ก็ตาม
ห้วง 10 ปีมานี้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย เพราะคนส่วนหนึ่งเข้าใจถึงสิทธิของตัวเองในระบอบประชาธิปไตยว่า เขามีความชอบธรรมที่จะขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งคิดเพียงว่า รัฐบาลจะมีความทุจริตหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญว่าเขาหยิบยื่นผลประโยชน์ให้และมาจากการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก และพวกนี้จะมีวาทกรรมที่เป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า ถ้ารัฐบาลไม่ดีถึงเวลาก็ไม่ต้องเลือกตั้งกลับเข้ามาอีก หมายความว่าไม่ว่ารัฐบาลจะทุจริตขี้โกงอย่างไรก็ต้องทนไปจนหมดวาระ
แต่คนที่เข้าใจสิทธิเข้าใจประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่ารัฐบาลฉ้อฉลนั้นไม่ควรจะอยู่ต่อแม้แต่วันเดียว ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในขณะที่รัฐบาลยังไม่หมดวาระก็คือการเดินขบวนขับไล่ แต่ความวุ่นวายเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลที่ฉ้อฉลก็ปลุกปั่นมวลชนของตัวเองออกมาต่อต้านจนเกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองจนเข้าทางทหารมาแล้วหลายครั้ง
ประเทศไทยผ่านการรัฐประหารมาแล้ว 13 ครั้งแล้วใช้รัฐธรรมนูญมาแล้ว 19 ฉบับ เชื่อเถอะครับว่าในอนาคตเราต้องมีการรัฐประหารและร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีก หากระบบการเมืองของเราไม่สามารถป้องกันคนชั่วเข้ามาสู่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติได้ และไม่ทำให้ประชาชนเข้าใจสิทธิของตัวเองในระบอบประชาธิปไตย
ถึงตอนนี้กำลังพูดกันถึงรูปแบบการเมืองกันใหญ่ว่าควรจะใช้แบบไหนถึงจะเหมาะสมกับสังคมไทย มีคนเสนอให้เลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดละ 1 คน มีคนเสนอให้ 2 พรรคที่มีเสียงข้างมากร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล มีคนเสนอว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต้องได้คะแนนมากกว่า 50% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ถ้าไม่ถึงให้คนที่ได้ที่ 1 และ 2 แข่งขันกันใหม่ หรือผู้ชนะต้องได้คะแนนมากกว่า Vote No
แต่ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะถูกเขียนอย่างไร ผมว่าหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตยก็คือ ประชาชนรู้ถึงสิทธิของตัวเอง และเข้าใจว่า ประชาธิปไตยคือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ อย่างท่านพุทธทาสว่า และรู้เท่าทันนักการเมืองไม่เป็นเครื่องมือของนักการเมืองชั่วชาติเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ
ถ้าประชาชนเข้าใจถึงสิทธิของตัวเองรัฐบาลที่ชั่วช้าก็ไม่สามารถเกณฑ์มวลชนออกมาปกป้องตัวเองด้วยการหลอกลวงมวลชนว่า ชนชั้นปกครองในอดีตต้องการล้มรัฐบาลของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งเพราะอิจฉาที่รัฐบาลทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีได้ เพราะประชาชนที่เข้าใจสิทธิของตัวเองจะเข้าใจทันทีว่า ผลประโยชน์ที่เขาหยิบยื่นมาให้ประชาชนนั้นเป็นเงินภาษีของเขาเอง แต่ผลประโยชน์ที่กลุ่มทุนพรรคการเมืองเอาไปนั้นมากกว่าสิ่งที่แบ่งปันให้ประชาชน
ดังนั้นรัฐบาลที่ปลุกประชาชนออกมาปะทะกับประชาชนที่ขับไล่ตัวเองนั่นแหละครับ เป็นฝ่ายที่ทำให้ผู้ทำรัฐประหารอ้างความชอบธรรมเข้ามายึดอำนาจและล้มล้างระบอบประชาธิปไตยฉีกรัฐธรรมนูญ
ผู้นำจากรัฐประหารนั่นแหละครับที่เราไม่สามารถตอบโต้ได้ เพราะเขาถือปืนเข้ามายึดอำนาจ ไม่ว่าผู้นำคนนั้นจะเป็น “คนโง่” หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าผู้นำคนนั้นจะมีความสามารถฉลาดหลักแหลมหรือไม่ ไม่มีใครมีปากเสียงแม้แต่ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยและประณามคนอื่นว่าฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยก็ปิดปากเงียบสนิทและทำเป็นแกล้งตาย
รัฐบาลของระบอบทักษิณถูกรัฐประหารถึงสองครั้ง ถ้าพวกเขาเป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล คณะรัฐประหารคงไม่มีความชอบธรรมเข้ามายึดอำนาจ และคงไม่มีประชาชนออกมายินดีกับการรัฐประหาร ผมคิดว่าประชาชนที่ออกมาแสดงความยินดีกับทหารที่เข้ามายึดอำนาจเขาไม่ได้สนับสนุนเผด็จการ แต่เขาเห็นว่า เป็นการหยุดรัฐบาลที่ชั่วช้าเท่านั้น หลังเขาใช้วิธีการในระบอบประชาธิปไตยในการชุมนุมขับไล่แล้วไม่เป็นผล แถมยังถูกรัฐบาลปล่อยให้อำนาจมืดเข้ามายิงทำร้ายประชาชนจนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
เพียงแต่ประชาชนอาจโชคร้ายถ้าได้เผด็จการแบบสมบัติผลัดกันชม
แล้วอย่างไรเสียเผด็จการทหารก็ไม่สามารถใช้อำนาจอย่างยั่งยืนได้ ประชาชนยอมจำนนเพียงชั่วคราวแล้วทหารต้องคืนอำนาจให้ประชาชนในที่สุด ส่วนเผด็จการที่คิดจะสืบทอดอำนาจก็คงมีบทเรียนมาแล้วในอดีตว่าประชาชนจะลุกฮือขับไล่ แต่ถ้าเราปล่อยให้เผด็จการรัฐสภาใช้ข้ออ้างว่ามาจากการเลือกตั้งแล้วเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยถือครองอำนาจไปเรื่อยๆเอาเงินเข้ามาซื้ออำนาจเราก็กลายเป็นประชาชนที่ยอมจำนนตลอดไปแม้ว่ารัฐบาลจะชั่วช้าก็ตาม
แม้จะเป็นกบเลือกนายอีกกี่ครั้ง และเสียเวลากับเผด็จการไปบ้าง แต่ถ้ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งฉ้อฉลประชาชนก็ไม่ควรจำนนและอดทน