เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (15ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปร่วมประชุมผู้นำอาเซียน - ยุโรป ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 15-18 ต.ค. ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า การประชุมดังกล่าวจะมีผู้นำเข้าร่วม53 ประเทศ โดยสหภาพยุโรปเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม มีสมาชิกเดิม 51 ประเทศ และสมาชิกใหม่อีก 2 ประเทศ เป็นการประชุมความร่วมมือระหว่างประชาคมอาเซียนและยุโรป ส่วนประเทศที่จะหารือร่วมกับตนมี 5-6 ประเทศ มีทั้งอาเซียนและยุโรป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินการประสาน โดยการพูดคุยจะมีเรื่องการค้า การลงทุน ในทุกมิติทั้งสามเสาหลัก ที่เราจะมีความสัมพันธ์ต่อกัน
โดยคาดหวังว่าการประชุม จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความร่วมมือระหว่างอาเซียน–ยุโรป จะพัฒนาขึ้น ซึ่งแต่เดิมก็ดีอยู่แล้ว โดย 3 นาทีที่ตนได้พูด จะพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และการเตรียมการของเราที่จะไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น ในเรื่องความมั่นคงและความเชื่อมโยง และพูดในนามของอาเซียน ดังนั้น ต้องพูดในสิ่งที่ได้หารือร่วมกับอาเซียน เรื่องการสร้างความเข้มแข็งของตัวเองในทุกมิติ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน รวมถึงการที่เราเป็นกลุ่มประเทศหลักด้านการเกษตรกรรม ผลผลิตทางการเกษตรจะทำอย่างไร อาจจะเจรจาเรื่องข้อตกลงในระยะต่อไป ซึ่งต้องเป็นรูปแบบของคณะกรรมการ เพื่อให้ผลการพูดคุยเดินหน้าเพราะ ที่ผ่านมาอาจจะมีการพูดคุยกันน้อยไป
เมื่อถามว่า จะพูดคุยถึงเรื่องสินค้าที่เราถูกกีดกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าอย่าใช้คำว่ากีดกัน มันเป็นเรื่องของการพัฒนาตามสถานการณ์โลก อันนี้คือสิ่งที่เราต้องช่วยกันคิด ถ้าเรารอรับกติกาต่างๆไม่ได้ เราก็ต้องคิดในเชิงรุกว่าจะเดินเศรษฐกิจของเราอย่างไร ดังนั้น ต้องมีมาตรการเตรียมรับ โดยสิ่งที่ต้องทำเวลานี้คือพัฒนาภาคเศรษฐกิจของเราให้เข้มแข็งขึ้น รัฐต้องเข้าไปมีส่วนร่วมสงเสริมการลงทุนให้เข้าถึงกองทุนในธุรกิจทุกประเภท วันนี้เรามีธุรกิจหลายประเภทที่เป็นสินค้าออก ฉะนั้นต้องดูเรื่องราคา ตลาด การกีดกันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นกติกาโลก คนมากขึ้น การแข่งขันมากขึ้น ผลผลิตมากขึ้น จึงต้องมีการแข่งขันกัน เราจึงต้องมีการเตรียมความพร้อม ปรับคุณภาพ เพิ่มเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มา หากยังทำงานเชิงรับอยู่เหมือนเดิม ในอนาคตเราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เพราะเวลาน้อยมาก ปีสองปีเขาปรับหมดในข้อตกลงต่างๆ
เมื่อถามถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต่างชาติยังมองเป็นอุปสรรคการค้าการลงทุน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน วันนี้ปัญหาภาคใต้มีอยู่บางพื้นที่ ไม่ใช่ภาคใต้ทั้งหมด ขอฝากพวกเราทุกคน ถ้าจะพูดทั้งหมด มันไม่ใช่ เพราะการค้าการลงทุนต่างๆ ยังเดินอยู่ เพียงแต่การลงทุนขนาดใหญ่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะติดปัญหาด้านความมั่นคง ดังนั้นเราต้องสร้างความมั่นคงความปลอดภัยให้กับเขา และวันนี้มีการส่งเสริมการลงทุนบีโอไอมากขึ้น ตนได้แก้กติกาต่างๆ พร้อมเพิ่มระยะเวลาการให้การสนับสนุนกองทุนต่างๆ โดยปีนี้จะเร่งให้เกิดขึ้นให้ได้ โดยเฉพาะการแปรรูปยาง ในชั้นต้นต้องเร่งมูลค่ายางแผ่นดิบให้มากขึ้น เพื่อให้ราคายางในพื้นที่สูงขึ้น ลดต้นทุนการขนส่งเข้ามาส่วนกลาง และการส่งออก
"เดี๋ยวจะมีการเจรจาพูดคุยกับบริษัทเอกชน ในการขอความร่วมมือเรื่องการผลิตยางรถยนต์ให้มากขึ้น เพื่อใช้ในประเทศ พร้อมให้เหล่าทัพ โดยกระทรวงกลาโหมไปพิจารณาหาทางส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้ยางมากขึ้น ถ้ามองแต่เรื่องราคาตกอย่างเดียว และคิดว่าจะขายให้ใคร มันเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ต้องเริ่มการใช้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจในไทย ที่มีจำนวนมาก ทั้ง ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา ให้เกิดผลประโยชน์ในประเทศมากที่สุด ถ้าเกินจากการใช้ในประเทศ ก็ส่งออกขาย ซึ่งการส่งขายต้องพูดอีกในมิติหนึ่ง เพื่อทำให้ราคาขายได้รับการยอมรับ สมาคมยางอาเซียน – ยุโรปต้องคุยกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ต่อข้อถามว่า การเดินทางไปครั้งนี้ หากมีโอกาสจะพูดคุยเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากมีโอกาสจะคุย ขึ้นอยู่กับเวลา เพราะการประชุมครั้งนี้ มีทั้งการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ และการพูดคุยเต็มคณะ แต่เน้นพูดในมิติของการประชุม ซึ่งมีหัวข้อมาแล้ว เรื่องอื่นๆ คงไม่ได้พูด นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างอาเซียนและยุโรป โดยมี 5 - 6 ประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ กำลังติดต่อ ซึ่งตนยินดีคุยกับผู้นำทุกประเทศที่พร้อมคุย และขึ้นอยู่กับเวลาด้วย เ
มื่อถามอีกว่า ในโอกาสพูดคุยนอกรอบกับ 5-6 ประเทศนี้ จะคุยนอกมิติ เกี่ยวกับสถานการณ์ในไทยด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเขาสงสัย ตนต้องตอบ และตอบได้หมด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ที่เดินทางเป็นส่วนล่วงหน้าไปก่อนหน้านี้ ไม่เห็นแจ้งว่าเขาจะมีการพูดถึงเรื่องภายในประเทศของเรา เขาเป็นกำลังใจให้เรา เพียงแต่บอกว่า ขอให้ทำให้รวดเร็วเท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่ตนไม่อยู่ ไปทำหน้าที่ให้กับบ้านเมืองในต่างประเทศ ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้ดี ช่วยกันทำให้สงบเงียบเรียบร้อย อย่าขยายความขัดแย้งกันไปมากนัก ไม่ได้หมายความว่า ต้องการให้คนคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกับตน ไม่ใช่ ตนคิดเป็นแนวทางให้กับพวกเราเฉยๆ รัฐบาลและทุกคนช่วยกันคิด แต่การเดินหน้าประเทศมีหลายกลุ่ม โดยมีรัฐบาลบริหารประเทศ ต้องเดินหน้าและแก้ปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน หลายคนอาจจะบอกว่า ตนประกาศตัวเป็นม้าขาว ไม่ใช่ ไม่เคยยกตัวเองขนาดนั้น แต่ต้องการแก้ปัญหา แต่ประเด็นปัญหาที่ผ่านมาตนไม่อยากพูดมาก เพราะจะเปิดประเด็นความขัดแย้งขึ้นไปอีก ฉะนั้นทุกอย่างทุกคนพอจะทราบอยู่แล้วเกิดจากอะไรมาบ้าง รัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหา แต่มันแก้ไม่ได้ ตอนนี้เราเข้ามาแก้ โดยใช้อำนาจพิเศษบ้างอะไรบ้าง แต่การแก้ปัญหาเป็นไปในทางสร้างสรรค์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างดีขึ้น ทีนี้ปัญหาคือ บ้านเมืองดีขึ้นสะอาดเรียบร้อย แต่จะทำอย่างไรเพราะความเหลือมล้ำทางรายได้ของคนในบ้านเมืองมีมาก จึงต้องไปดูเรื่องภาษี คนรวยจะดูแลคนจนอย่างไร ซึ่งเรื่องการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับคนจนกำลังทำอยู่ และบางอย่างทำไปแล้ว โดยเฉพาะการดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย เช่น ชาวนา น่าสงสาร ปีนี้การทำนาปรัง ก็ลำบาก น้ำน้อย ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหลายมาตรการที่ออกมาให้เลือก ไม่ได้บังคับใคร ประเทศเราเป็นประชาธิปไตย บังคับมากไม่ได้ แต่กฎหมาย ก็คือ กฎหมาย ต้องแยกออกจากกัน กฎหมายทำให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย พูดจาและอยู่ร่วมกันได้ ถ้าตัดสินไม่ได้ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน ถ้าเราไม่ฟังกระบวนการยุติธรรม จะเสียหายทั้งหมด เรื่องการปฎิรูปก็ว่ากันไป นี่คือการบริหารราชการแผ่นดิน ปรับทุกเรื่องที่มีปัญหา ซึ่งปัญหามีเยอะ ทุกคนพยายามแก้กันมา แต่ทุกรัฐบาลแก้ไม่ได้ อีกประการคือ ทำอย่างไรไม่ให้เกิดกระบวนการทุจริต
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่อิตาลีได้ฝากฝังงานกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ทำหน้าที่รักษาการอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องฝาก เพราะทำงานมาด้วยกันในช่วงที่เป็นรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องฝากฝังอะไร เพราะสั่งกันทุกวันอยู่ และมีการกำหนดแนวทางและนโยบายไว้อยู่แล้ว ก่อนจะสั่งงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีการหารือกับ ครม.คงไม่ต้องฝากงานอะไร เพราะตนไม่อยู่ ก็เหมือนอยู่ และไม่ใช่จะติดต่อกันไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ยังสามารถใช้ได้ตลอดเวลา แต่ตนไม่ห่วง เพราะคนไทยน่ารักอยู่แล้ว ไม่ทะเลาะกัน
โดยคาดหวังว่าการประชุม จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความร่วมมือระหว่างอาเซียน–ยุโรป จะพัฒนาขึ้น ซึ่งแต่เดิมก็ดีอยู่แล้ว โดย 3 นาทีที่ตนได้พูด จะพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และการเตรียมการของเราที่จะไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น ในเรื่องความมั่นคงและความเชื่อมโยง และพูดในนามของอาเซียน ดังนั้น ต้องพูดในสิ่งที่ได้หารือร่วมกับอาเซียน เรื่องการสร้างความเข้มแข็งของตัวเองในทุกมิติ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน รวมถึงการที่เราเป็นกลุ่มประเทศหลักด้านการเกษตรกรรม ผลผลิตทางการเกษตรจะทำอย่างไร อาจจะเจรจาเรื่องข้อตกลงในระยะต่อไป ซึ่งต้องเป็นรูปแบบของคณะกรรมการ เพื่อให้ผลการพูดคุยเดินหน้าเพราะ ที่ผ่านมาอาจจะมีการพูดคุยกันน้อยไป
เมื่อถามว่า จะพูดคุยถึงเรื่องสินค้าที่เราถูกกีดกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าอย่าใช้คำว่ากีดกัน มันเป็นเรื่องของการพัฒนาตามสถานการณ์โลก อันนี้คือสิ่งที่เราต้องช่วยกันคิด ถ้าเรารอรับกติกาต่างๆไม่ได้ เราก็ต้องคิดในเชิงรุกว่าจะเดินเศรษฐกิจของเราอย่างไร ดังนั้น ต้องมีมาตรการเตรียมรับ โดยสิ่งที่ต้องทำเวลานี้คือพัฒนาภาคเศรษฐกิจของเราให้เข้มแข็งขึ้น รัฐต้องเข้าไปมีส่วนร่วมสงเสริมการลงทุนให้เข้าถึงกองทุนในธุรกิจทุกประเภท วันนี้เรามีธุรกิจหลายประเภทที่เป็นสินค้าออก ฉะนั้นต้องดูเรื่องราคา ตลาด การกีดกันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นกติกาโลก คนมากขึ้น การแข่งขันมากขึ้น ผลผลิตมากขึ้น จึงต้องมีการแข่งขันกัน เราจึงต้องมีการเตรียมความพร้อม ปรับคุณภาพ เพิ่มเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มา หากยังทำงานเชิงรับอยู่เหมือนเดิม ในอนาคตเราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เพราะเวลาน้อยมาก ปีสองปีเขาปรับหมดในข้อตกลงต่างๆ
เมื่อถามถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต่างชาติยังมองเป็นอุปสรรคการค้าการลงทุน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน วันนี้ปัญหาภาคใต้มีอยู่บางพื้นที่ ไม่ใช่ภาคใต้ทั้งหมด ขอฝากพวกเราทุกคน ถ้าจะพูดทั้งหมด มันไม่ใช่ เพราะการค้าการลงทุนต่างๆ ยังเดินอยู่ เพียงแต่การลงทุนขนาดใหญ่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะติดปัญหาด้านความมั่นคง ดังนั้นเราต้องสร้างความมั่นคงความปลอดภัยให้กับเขา และวันนี้มีการส่งเสริมการลงทุนบีโอไอมากขึ้น ตนได้แก้กติกาต่างๆ พร้อมเพิ่มระยะเวลาการให้การสนับสนุนกองทุนต่างๆ โดยปีนี้จะเร่งให้เกิดขึ้นให้ได้ โดยเฉพาะการแปรรูปยาง ในชั้นต้นต้องเร่งมูลค่ายางแผ่นดิบให้มากขึ้น เพื่อให้ราคายางในพื้นที่สูงขึ้น ลดต้นทุนการขนส่งเข้ามาส่วนกลาง และการส่งออก
"เดี๋ยวจะมีการเจรจาพูดคุยกับบริษัทเอกชน ในการขอความร่วมมือเรื่องการผลิตยางรถยนต์ให้มากขึ้น เพื่อใช้ในประเทศ พร้อมให้เหล่าทัพ โดยกระทรวงกลาโหมไปพิจารณาหาทางส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้ยางมากขึ้น ถ้ามองแต่เรื่องราคาตกอย่างเดียว และคิดว่าจะขายให้ใคร มันเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ต้องเริ่มการใช้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจในไทย ที่มีจำนวนมาก ทั้ง ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา ให้เกิดผลประโยชน์ในประเทศมากที่สุด ถ้าเกินจากการใช้ในประเทศ ก็ส่งออกขาย ซึ่งการส่งขายต้องพูดอีกในมิติหนึ่ง เพื่อทำให้ราคาขายได้รับการยอมรับ สมาคมยางอาเซียน – ยุโรปต้องคุยกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ต่อข้อถามว่า การเดินทางไปครั้งนี้ หากมีโอกาสจะพูดคุยเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากมีโอกาสจะคุย ขึ้นอยู่กับเวลา เพราะการประชุมครั้งนี้ มีทั้งการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ และการพูดคุยเต็มคณะ แต่เน้นพูดในมิติของการประชุม ซึ่งมีหัวข้อมาแล้ว เรื่องอื่นๆ คงไม่ได้พูด นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างอาเซียนและยุโรป โดยมี 5 - 6 ประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ กำลังติดต่อ ซึ่งตนยินดีคุยกับผู้นำทุกประเทศที่พร้อมคุย และขึ้นอยู่กับเวลาด้วย เ
มื่อถามอีกว่า ในโอกาสพูดคุยนอกรอบกับ 5-6 ประเทศนี้ จะคุยนอกมิติ เกี่ยวกับสถานการณ์ในไทยด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเขาสงสัย ตนต้องตอบ และตอบได้หมด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ที่เดินทางเป็นส่วนล่วงหน้าไปก่อนหน้านี้ ไม่เห็นแจ้งว่าเขาจะมีการพูดถึงเรื่องภายในประเทศของเรา เขาเป็นกำลังใจให้เรา เพียงแต่บอกว่า ขอให้ทำให้รวดเร็วเท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่ตนไม่อยู่ ไปทำหน้าที่ให้กับบ้านเมืองในต่างประเทศ ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้ดี ช่วยกันทำให้สงบเงียบเรียบร้อย อย่าขยายความขัดแย้งกันไปมากนัก ไม่ได้หมายความว่า ต้องการให้คนคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกับตน ไม่ใช่ ตนคิดเป็นแนวทางให้กับพวกเราเฉยๆ รัฐบาลและทุกคนช่วยกันคิด แต่การเดินหน้าประเทศมีหลายกลุ่ม โดยมีรัฐบาลบริหารประเทศ ต้องเดินหน้าและแก้ปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน หลายคนอาจจะบอกว่า ตนประกาศตัวเป็นม้าขาว ไม่ใช่ ไม่เคยยกตัวเองขนาดนั้น แต่ต้องการแก้ปัญหา แต่ประเด็นปัญหาที่ผ่านมาตนไม่อยากพูดมาก เพราะจะเปิดประเด็นความขัดแย้งขึ้นไปอีก ฉะนั้นทุกอย่างทุกคนพอจะทราบอยู่แล้วเกิดจากอะไรมาบ้าง รัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหา แต่มันแก้ไม่ได้ ตอนนี้เราเข้ามาแก้ โดยใช้อำนาจพิเศษบ้างอะไรบ้าง แต่การแก้ปัญหาเป็นไปในทางสร้างสรรค์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างดีขึ้น ทีนี้ปัญหาคือ บ้านเมืองดีขึ้นสะอาดเรียบร้อย แต่จะทำอย่างไรเพราะความเหลือมล้ำทางรายได้ของคนในบ้านเมืองมีมาก จึงต้องไปดูเรื่องภาษี คนรวยจะดูแลคนจนอย่างไร ซึ่งเรื่องการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับคนจนกำลังทำอยู่ และบางอย่างทำไปแล้ว โดยเฉพาะการดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย เช่น ชาวนา น่าสงสาร ปีนี้การทำนาปรัง ก็ลำบาก น้ำน้อย ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหลายมาตรการที่ออกมาให้เลือก ไม่ได้บังคับใคร ประเทศเราเป็นประชาธิปไตย บังคับมากไม่ได้ แต่กฎหมาย ก็คือ กฎหมาย ต้องแยกออกจากกัน กฎหมายทำให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย พูดจาและอยู่ร่วมกันได้ ถ้าตัดสินไม่ได้ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน ถ้าเราไม่ฟังกระบวนการยุติธรรม จะเสียหายทั้งหมด เรื่องการปฎิรูปก็ว่ากันไป นี่คือการบริหารราชการแผ่นดิน ปรับทุกเรื่องที่มีปัญหา ซึ่งปัญหามีเยอะ ทุกคนพยายามแก้กันมา แต่ทุกรัฐบาลแก้ไม่ได้ อีกประการคือ ทำอย่างไรไม่ให้เกิดกระบวนการทุจริต
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่อิตาลีได้ฝากฝังงานกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ทำหน้าที่รักษาการอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องฝาก เพราะทำงานมาด้วยกันในช่วงที่เป็นรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องฝากฝังอะไร เพราะสั่งกันทุกวันอยู่ และมีการกำหนดแนวทางและนโยบายไว้อยู่แล้ว ก่อนจะสั่งงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีการหารือกับ ครม.คงไม่ต้องฝากงานอะไร เพราะตนไม่อยู่ ก็เหมือนอยู่ และไม่ใช่จะติดต่อกันไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ยังสามารถใช้ได้ตลอดเวลา แต่ตนไม่ห่วง เพราะคนไทยน่ารักอยู่แล้ว ไม่ทะเลาะกัน