วานนี้ (4 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ศาลอุทธรณ์กลาง ไต่สวนพยานฝ่ายผู้คัดค้าน คดีหมายเลขดำ 1/2557 ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต. )ผู้ร้อง กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ผู้คัดค้าน เรื่องขอให้ศาลอุทธรณ์กลาง มีคำสั่งให้จัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ จากกรณีที่กกต. มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้ใบเหลืองแก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ภายหลังมีผู้ร้องเรียนว่า มีผู้สนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 56 ได้ปราศรัยโจมตี ให้ร้ายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทีมทนายความฝ่ายผู้คัดค้าน ได้นำพยานขึ้นเบิกความรวม 4 ปาก ประกอบด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และ นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ขึ้นเบิกความกล่าวสรุปถึงเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงระหว่างปี 2553 ว่ามีการใช้ความรุนแรง อาทิ กรณีบุกรุกกระทรวงมหาดไทย และสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ การล้มประชุมผู้นำอาเซียน ที่พัทยา จ.ชลบุรี รวมถึงเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ อีกหลายเหตุการณ์
จากนั้นเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ทีมทนายความฝ่ายผู้คัดค้าน ได้นำพยานขึ้นเบิกความอีกจำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เบิกความถึงที่มาของระบอบทักษิณ ซึ่งนำมาสู่การรวมตัวของ นปช. และชุมนุม เมื่อปี 2553 ซึ่งภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีการสรุปสำนวนว่าแกนนำ นปช. และสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน ได้กระทำผิดกฎหมายซึ่งได้มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลไปแล้ว ขณะที่นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เบิกความในข้อกฎหมายเกี่ยวกับกับจัดการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ภายหลังพยานฝ่ายผู้คัดค้านเบิกความเสร็จสิ้นรวม 7 ปาก ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 5 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เปิดเผยว่า ในวันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และทีมทนายความจะมาฟังคำพิพากษา โดยทีมทนายความมีความมั่นใจในพยานหลักฐานของฝ่ายเรา เพราะเห็นว่าประเด็นดังกล่าว เป็นเพียงการนำเอาข้อเท็จจริงที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต ทั้งเหตุการณ์ความ
รุนแรง เมื่อปี 2553 หรือ เหตุการณ์เมื่อปี 2549 มาให้สาธารณชนได้รับทราบ ไม่ได้จงใจนำข้อมูลเท็จมาใส่ร้ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็มีความพยายามให้ข่าวโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อมาตอบโต้่เท่านั้น
โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทีมทนายความฝ่ายผู้คัดค้าน ได้นำพยานขึ้นเบิกความรวม 4 ปาก ประกอบด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และ นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ขึ้นเบิกความกล่าวสรุปถึงเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงระหว่างปี 2553 ว่ามีการใช้ความรุนแรง อาทิ กรณีบุกรุกกระทรวงมหาดไทย และสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ การล้มประชุมผู้นำอาเซียน ที่พัทยา จ.ชลบุรี รวมถึงเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ อีกหลายเหตุการณ์
จากนั้นเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ทีมทนายความฝ่ายผู้คัดค้าน ได้นำพยานขึ้นเบิกความอีกจำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เบิกความถึงที่มาของระบอบทักษิณ ซึ่งนำมาสู่การรวมตัวของ นปช. และชุมนุม เมื่อปี 2553 ซึ่งภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีการสรุปสำนวนว่าแกนนำ นปช. และสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน ได้กระทำผิดกฎหมายซึ่งได้มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลไปแล้ว ขณะที่นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เบิกความในข้อกฎหมายเกี่ยวกับกับจัดการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ภายหลังพยานฝ่ายผู้คัดค้านเบิกความเสร็จสิ้นรวม 7 ปาก ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 5 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เปิดเผยว่า ในวันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และทีมทนายความจะมาฟังคำพิพากษา โดยทีมทนายความมีความมั่นใจในพยานหลักฐานของฝ่ายเรา เพราะเห็นว่าประเด็นดังกล่าว เป็นเพียงการนำเอาข้อเท็จจริงที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต ทั้งเหตุการณ์ความ
รุนแรง เมื่อปี 2553 หรือ เหตุการณ์เมื่อปี 2549 มาให้สาธารณชนได้รับทราบ ไม่ได้จงใจนำข้อมูลเท็จมาใส่ร้ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็มีความพยายามให้ข่าวโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อมาตอบโต้่เท่านั้น