ASTVผู้จัดการรายวัน - ชีวาทัยฯ เร่งเปิดโครงการใหม่ปั๊มรายได้ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 1-2 ปีข้างหน้า เผยปี 58 เปิดคอนโดฯ บ้านเดี่ยว 3 -4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้ากวาดรายได้ 2,500 ล้านบาท ล่าสุดเปิดคอนโดฯ แบรนด์ใหม่ "ฮอลล์ มาร์ค" ราคา 1-3 ล้านบาท
นายชาติชาย พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชีวาทัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้กลับเข้ามาบุกตลาดคอนโดมิเนียมมากขึ้น หลังจากในช่วงหลังน้ำท่วมได้หันไปขยายธุรกิจให้เช่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว โดยสร้างโรงงานอุตสาหกรรมสำเร็จรูปให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง จำนวน 20 หลัง บนเนื้อที่ 30 ไร่ ต้นทุนรวมค่าที่ดินประมาณ 30-40 ล้านบาท/โรง ปัจจุบันซึ่งมีผู้เช่าเต็มแล้ว อัตราค่าเช่า 3-4 แสนบาท/โรง/เดือน ล่าสุดได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1 แปลง ขนาด 14 ไร่เพื่อสร้างโรงงานสำเร็จเพิ่มอีกประมาณ 10-20 โรง
“ช่วงหลังน้ำท่วม และการเมืองร้อนแรง บริษัทได้ทยอยซื้อที่ดินสะสม เพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต และยังได้ซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ไว้จำนวน 30 ไร่ พัฒนาเป็นโรงงานให้เช่า ล่าสุดได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณ 14 ไร่ เพื่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มเติม โดยต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้เช่าเป็น 15-25% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 5%"
อย่างไรก็ตาม ชีวาทัยยังคงมีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาอสังหาฯ โดยคอนโดมิเนียมจะเป็นสินค้าหลักเช่นเดิม แต่การลงทุนต้องมีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยและเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า การลงทุนของบริษัทฯจะพยายามรักษาตัวเลขรายได้ให้มีการเติบโตปีละ 15% โดยในปี 2558 ตั้งเป้ารายได้ที่ 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่บริษัทเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะยื่นไฟลิ่งในช่วงไตรมาส 2-3 โดยมอบหมายให้บริษัท อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาว่าก่อนเข้ายื่นไฟลิ่งจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นเท่าใด จากปัจจุบันอยู่ที่ 240 ล้านบาท และคาดว่าจะขายหุ้น IPO ในสัดส่วน 20-25% จากหุ้นทั้งหมด
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 จะเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 3-4 โครงการ ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม โลว์ไลท์ 2 โครงการ คอนโดมิเนียมไฮไลท์ 1 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมมี 1 โครงการบนแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงเป็นการเข้าซื้อโครงการ(เทกโอเวอร์)มาจากผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง และโครงการไม่ประสบความสำเร็จ
“ที่ผ่านมามีผู้ประกอบหลายรายนำโครงการมาเสนอขายให้ ทั้งที่เป็นที่ดินเปล่า และมีใบอนุญาตแล้ว บางโครงการผ่าน EIA แล้วก็มี แต่ส่วนใหญ่จะเสนอขายในราคาที่สูงเกินไป บางโครงการยังไม่มีศักยภาพพอ”
ล่าสุดได้เปิดตัวคอนโดมิเนียม Low-rise แบรนด์ใหม่ "ฮอลล์มาร์ค (HALLMARK) แจ้งวัฒนะ” ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 3.5 ไร่ สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ขนาด 28.5-48 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.29 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 60,000 บาท รวม 427 ยูนิต มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 18-19 ตุลาคม 2557 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 50-60% และสามารถปิดการขายได้ในปลายปี2557 หรือไตรมาส1/2558 ด้านการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2558
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น จะเห็นว่าผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ต่างเริ่มที่จะรุกการทำตลาดเพิ่มขึ้น มีโครงการใหม่ๆ ถูกนำเสนอสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ารัฐบาล"ประยุทธ์1"น่าจะอยู่ยาวถึงไตรมาส 3-4 ปี 2558 แต่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมคงไม่โตมาก แต่ภาคเอกชนก็ยังเป็นผู้ขับเคลื่อนหลัก ทำให้คาดการณ์ได้ว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยิ่งคึกคักและเติบโตแบบคู่ขนานไปกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ที่มีการ ต่อขยายอย่างต่อเนื่อง ณ ปัจจุบัน
นายชาติชาย พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชีวาทัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้กลับเข้ามาบุกตลาดคอนโดมิเนียมมากขึ้น หลังจากในช่วงหลังน้ำท่วมได้หันไปขยายธุรกิจให้เช่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว โดยสร้างโรงงานอุตสาหกรรมสำเร็จรูปให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง จำนวน 20 หลัง บนเนื้อที่ 30 ไร่ ต้นทุนรวมค่าที่ดินประมาณ 30-40 ล้านบาท/โรง ปัจจุบันซึ่งมีผู้เช่าเต็มแล้ว อัตราค่าเช่า 3-4 แสนบาท/โรง/เดือน ล่าสุดได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1 แปลง ขนาด 14 ไร่เพื่อสร้างโรงงานสำเร็จเพิ่มอีกประมาณ 10-20 โรง
“ช่วงหลังน้ำท่วม และการเมืองร้อนแรง บริษัทได้ทยอยซื้อที่ดินสะสม เพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต และยังได้ซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ไว้จำนวน 30 ไร่ พัฒนาเป็นโรงงานให้เช่า ล่าสุดได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณ 14 ไร่ เพื่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มเติม โดยต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้เช่าเป็น 15-25% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 5%"
อย่างไรก็ตาม ชีวาทัยยังคงมีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาอสังหาฯ โดยคอนโดมิเนียมจะเป็นสินค้าหลักเช่นเดิม แต่การลงทุนต้องมีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยและเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า การลงทุนของบริษัทฯจะพยายามรักษาตัวเลขรายได้ให้มีการเติบโตปีละ 15% โดยในปี 2558 ตั้งเป้ารายได้ที่ 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่บริษัทเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะยื่นไฟลิ่งในช่วงไตรมาส 2-3 โดยมอบหมายให้บริษัท อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาว่าก่อนเข้ายื่นไฟลิ่งจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นเท่าใด จากปัจจุบันอยู่ที่ 240 ล้านบาท และคาดว่าจะขายหุ้น IPO ในสัดส่วน 20-25% จากหุ้นทั้งหมด
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 จะเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 3-4 โครงการ ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม โลว์ไลท์ 2 โครงการ คอนโดมิเนียมไฮไลท์ 1 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมมี 1 โครงการบนแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงเป็นการเข้าซื้อโครงการ(เทกโอเวอร์)มาจากผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง และโครงการไม่ประสบความสำเร็จ
“ที่ผ่านมามีผู้ประกอบหลายรายนำโครงการมาเสนอขายให้ ทั้งที่เป็นที่ดินเปล่า และมีใบอนุญาตแล้ว บางโครงการผ่าน EIA แล้วก็มี แต่ส่วนใหญ่จะเสนอขายในราคาที่สูงเกินไป บางโครงการยังไม่มีศักยภาพพอ”
ล่าสุดได้เปิดตัวคอนโดมิเนียม Low-rise แบรนด์ใหม่ "ฮอลล์มาร์ค (HALLMARK) แจ้งวัฒนะ” ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 3.5 ไร่ สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ขนาด 28.5-48 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.29 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 60,000 บาท รวม 427 ยูนิต มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 18-19 ตุลาคม 2557 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 50-60% และสามารถปิดการขายได้ในปลายปี2557 หรือไตรมาส1/2558 ด้านการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2558
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น จะเห็นว่าผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ต่างเริ่มที่จะรุกการทำตลาดเพิ่มขึ้น มีโครงการใหม่ๆ ถูกนำเสนอสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ารัฐบาล"ประยุทธ์1"น่าจะอยู่ยาวถึงไตรมาส 3-4 ปี 2558 แต่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมคงไม่โตมาก แต่ภาคเอกชนก็ยังเป็นผู้ขับเคลื่อนหลัก ทำให้คาดการณ์ได้ว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยิ่งคึกคักและเติบโตแบบคู่ขนานไปกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ที่มีการ ต่อขยายอย่างต่อเนื่อง ณ ปัจจุบัน