“ธนาสิริ” ย้ำโต “ช้าแต่ชัวร์” เผยครึ่งปีแรกรายได้ 290 ล้านบาท จาก 8 โครงการ ระหว่างทำตลาดมูลค่ารวม 3,684 ล้านบาท เผยแผนครึ่งปีหลังเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “ธนา ฮาบิแทต” มูลค่า 372 ล้านบาท พร้อมตุนที่ดินเปล่ารอพัฒนาในมืออีก 7 ผืน รวมถึงที่ดินผืนใหญ่ที่ หาดกมลา จ.ภูเก็ต รอดูจังหวะเหมาะพัฒนาได้ทันที
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA กล่าวว่า ครึ่งแรกของปี 57 บริษัทฯ มีรายได้สุทธิ 290 ล้านบาท และมียอดรอโอนอยู่ที่ 125 ล้านบาท ซึ่งมาจากโครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดขายทั้งหมด 8 โครงการ (5 โครงการที่นนทบุรี 2 โครงการที่ภูเก็ต และ 1 โครงการที่สกลนคร) มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 3,684 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อต้นปีบริษัทได้เปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ในจังหวัดนนทบุรี ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว ธนาวิลเลจ พระราม 5-บางใหญ่ ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 3 ล้านบาท จำนวน 82 ยูนิต มูลค่าโครงการ 271 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายแล้ว 18% และโครงการทาวน์โฮม ธนาซิโอ รัตนาธิเบศร์ ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท จำนวน 157 ยูนิต มูลค่า 393 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการ อยู่ในจังหวัดนนทบุรี ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง และสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา-ท่าน้ำนนท์ (คาดว่าจะเปิดให้บริการ มี.ค.58) รวมถึงทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 81 (มอเตอร์เวย์) บางใหญ่-กาญจนบุรี (ปีงบประมาณ 56-59) คาดจะแล้วเสร็จ ปี 61
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 57 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 372 ล้านบาท จำนวน 92 ยูนิต เนื้อที่พัฒนาโครงการประมาณ 15 ไร่ ราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 4.1 ล้านบาท ใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยจะเปิดขายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วนแผนการพัฒนาที่ดินในมือ เนื้อที่ประมาณ 104 ไร่ ที่ ต.กมลา จ.ภูเก็ต ที่เคยวางแผนไว้จะพัฒนาเป็นโครงการ Mixed Use Products ได้แก่ วิลล่า โรงแรม และคอนโดมิเนียม แต่เมื่อประเมินจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวนลดลง จึงทำให้มีการตัดสินใจชะลอการลงทุนในปีนี้ออกไปก่อน คาดการณ์ว่ากลางปี 58 อาจจะได้เห็นความคืบหน้าภายในโครงการ
สำหรับกลยุทธ์ในครึ่งหลังของปีนี้ จะเน้นการตลาดผ่านระบบ Online ทั้งหมดเพื่อผลักดันให้เกิด Business Turnover ซึ่งถือเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นอกจากนี้ เรายังเน้นการสร้าง Brand ธนาสิริให้มี “เอกลักษณ์” ผ่านแบบบ้าน และภาพลักษณ์โครงการที่ “โดดเด่นและแตกต่าง” ใน “ราคาที่ลูกค้าอยากซื้อ” และในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายทำเลการลงทุนออกไปทางภาคอีสาน เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกันมากจนเกินไป ในปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมีที่ดินรอการพัฒนาในมืออีก 7 ผืน (รวมที่ดินที่ภูเก็ต ประมาณ 104 ไร่) ซึ่งจะทำให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง