00 จะเป็นเพราะแบกภาระไว้บนบ่าหนักอึ้ง แบกความคาดหวังจากพี่น้องประชาชนเอาสูงลิบ สูงจนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ "ลุงตู่" ของเราเกิดความเครียดจนระยะหลังมีอาการ "หลุด" ออกมาให้เห็นบ่อยครั้งขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีคนคอยเตือนอยู่ตลอดเวลาว่าให้ "เก็บอาการ" ให้มากที่สุด หรือบอกให้ "พูดให้น้อยลง" หน่อย แต่ก็อย่างว่าแหละ คนที่ดำรงตำแหน่งสูงสุด มีอำนาจมากที่สุด มีภารกิจต้องทำร้อยแปด มีเรื่องจุกจิกกวนใจอยู่ตลอดเวลา ยิ่งมาเจอกับสื่อที่มีทั้งถามแหย่ ถามชง หลอกล่อให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา มันก็ยิ่งไปกันใหญ่
00 อย่าลืมว่า "สัญญาประชาคม" ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศเอาไว้หลังจากเกิด คสช. ใหม่ๆว่า จะเข้ามาปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ถึงกับระบุเวลาไว้เสร็จสรรพไว้ล่วงหน้าทำนองว่าภายในเดือน ต.ค.58 จะมีการเลือกตั้งกันด้วยซ้ำ แม้ว่าวันที่ยังไม่เป๊ะ แต่ปี พ.ศ. มีการจดจำนับถอยหลังกันแล้ว อย่างน้อยฝ่ายกลุ่มการเมือง เท่าที่เห็นอาการ "รอ" ก็มีกลุ่ม ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มหนึ่งละที่ส่งสัญญาณออกมาให้บรรดาลิ่วล้ออดใจรอ เพราะถือว่าไม่นานเกินไป หลักๆ ว่ากันแบบนี้ ส่วนระหว่างที่รอนั้นอาจใช้วิธีตอดเล็กตอดน้อย แหย่ๆไปบ้าง เพื่อไม่ให้ชาวบ้านลืม ก็ทำได้เรื่อยๆ
00 อย่างไรก็ดีสำหรับ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นเวลาเริ่มหมุนไปเรื่อยๆ นี่เผลอแป๊บเดียวก็เข้าเดือนที่ 5 ของการเข้ามาควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ยังเหลือภารกิจใหญ่ยักษณ์รออยู่ แต่ยังไม่ได้เริ่มเป็นเรื่องเป็นราว อย่างเรื่องปฏิรูปทุกภาคส่วน การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็เพิ่งมี สปช. แม้ว่าทุกอย่างไปตามโรดแมป ยังถือว่าควบคุมได้อยู่ก็ตาม แต่ในวันข้างหน้ามันก็เป็นไปได้ที่จะมีปัจจัยแทรกซ้อนเหนือความคาดหมาย และเท่าที่เห็นในตอนนี้ก็คือ "เรื่องเศรษฐกิจ-ปากท้อง" ยังไม่ค่อยเป็นไปตามเป้าหมาย จากเดิมที่คาดว่าในเริ่มแรก "ความเชื่อมั่น" กลับมา ทุกอย่างก็ต้องฟื้น แต่เอาเข้าจริงมันเชื่อมั่นแค่เดือนสองเดือนแรกเท่านั้น เดือนถัดมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อย่างเดือน ส.ค. ที่สรุปกันล่าสุดกลับ "ถดถอย" เสียนี่ การส่งออกติดลบ ราคาผลผลิตรทางการเกษตรรูดลงทุกวัน และทุกรายการหลักเสียด้วย การท่องเที่ยวก็ไม่กระเตื้อง แม้ว่าปัจจัยหลักจะมาจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น ทำให้เราส่งออกยาก แต่ก็นั่นแหละชาวบ้านเขาไม่ค่อยฟัง ไม่เข้าใจหรอก มองแต่เฉพาะหน้าที่เห็นอยู่ ตราบใดที่ขายของไม่ได้ราคา ค่าครองชีพสูง ชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็ต้องชี้หน้าไปที่รัฐบาล และ "ลุงตู่" ทั้งนั้นแหละ
00 นี่ยังทราบมาว่า ภายในเดือนนี้ คือราววันที่ 22 ต.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่มีนายกฯเป็นประธาน จะมีการปรับขึ้นราคาพลังงานกัน อ้างว่าเพื่อให้รับกับต้นทุนที่แท้จริง ไม่ให้บิดเบือนกลไกตลาดอีกต่อไป และจากการยืนยันของ รมว.พลังงาน ณรงค์ชัย อัครเศรณี สรุปว่า ภายในเดือนนี้จะมีการขึ้นราคาแก๊สแอลพีจี และเอ็นจีวี ภาคขนส่งอย่างแน่นอน ส่วนดีเซล จะขึ้นไปทะลุลิตร 30 บาท หรือไม่ ต้องลุ้นกันระทึก เพราะถ้าเกินไปกว่านี้รับรองว่าโกลาหลแน่ เพราะขนาดปรับราคาแก๊สรอบแรกไปไม่กี่วันก่อน บรรดารถสองแถว รถร่วมฯ รถแท็กซี่ต่างตบเท้าขอขึ้นค่าโดยสารกันเป็นแถว และแน่นอนว่าอีกไม่นาน จะมีรายการขอขึ้นราคาสินค้าตามมาแน่ ซึ่งก็ตามสูตร จะมีรายการขอความร่วมมือ "ตรึงราคา" ไปก่อน อย่างมากแค่สิ้นปี แต่ต้นปีหน้าก็อ่วม ไหนจะมีเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม จากร้อยละ 7 จะขึ้นเป็นร้อยละ 10 ก็ต้องรอดูว่าจะปรับตามนั้นหรือเปล่า แต่ขึ้นแน่ !!
00 ขณะที่เมื่อนับนิ้วตามระยะเวลา 5-6 เดือนในทางการเมือง ถือว่าหมดระยะ "ฮันนีมูน" กันแล้ว ต่อไปอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรก็จะออกมาเรื่อยๆ เสียงวิจารณ์ก็เริ่มดังขึ้น จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มหงุดหงิด "หลุด" ออกมาให้เห็นมากขึ้น สาเหตุเพราะหลายอย่าง "ไม่ได้ดั่งใจ" สั่งไปแล้วทำไม่ได้ ช้า ไม่ทันใจตามระบบราชการ หรืออีกด้านหนึ่งเป็นการรับฟังรายงาน "เกินจริง" อันนี้สำคัญ แม้ไม่ถึงขั้น"ถูกวางยา" แต่ผลงานหลายอย่างเริ่มไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีเสียงวิจารณ์จากรอบข้างดังขึ้น ประกอบกับการเมืองไม่เหมือนกับระบบทหารที่สั่งซ้ายหันขวาหันได้ตลอดเวลา ไม่หือไม่อือ รับคำสั่งอย่างเดียว เมื่อมาเจอกับข้าราชการที่ "รอบจัดเขี้ยวลากดิน" ทำให้เสียคนมาเยอะแล้ว !!
00 น่าจับตามากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับตำแหน่งประธาน สปช. นาทีนี้ต้อง "จุฬาฯทีม" และก็ต้องเป็น เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตอธิการจุฬาฯ สายเดียวกับ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และที่ "กุนซือใหญ่" ของคสช. ส่วนอีกคน แทบไม่ต้องลุ้นกับตำแหน่งประธาน กมธ.ยกร่างรธน. เพราะเขาล็อกใส่พานมาให้ตั้งหลายเดือนแล้ว คือบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และถ้าเป็นคนนี้จริง ก็ให้จับตาโรดแมปตาม มาตรา 35 ตาม "บัญญัติ 10 ประการ" ที่จะ"เขี่ย" พวกถูกตัดสิทธิ์การเมือง พวกทุจริตห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิตนั่นแหละ รอดูว่าทำได้หรือเปล่า และจะป่วนหรือไม่ !!
00 อย่าลืมว่า "สัญญาประชาคม" ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศเอาไว้หลังจากเกิด คสช. ใหม่ๆว่า จะเข้ามาปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ถึงกับระบุเวลาไว้เสร็จสรรพไว้ล่วงหน้าทำนองว่าภายในเดือน ต.ค.58 จะมีการเลือกตั้งกันด้วยซ้ำ แม้ว่าวันที่ยังไม่เป๊ะ แต่ปี พ.ศ. มีการจดจำนับถอยหลังกันแล้ว อย่างน้อยฝ่ายกลุ่มการเมือง เท่าที่เห็นอาการ "รอ" ก็มีกลุ่ม ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มหนึ่งละที่ส่งสัญญาณออกมาให้บรรดาลิ่วล้ออดใจรอ เพราะถือว่าไม่นานเกินไป หลักๆ ว่ากันแบบนี้ ส่วนระหว่างที่รอนั้นอาจใช้วิธีตอดเล็กตอดน้อย แหย่ๆไปบ้าง เพื่อไม่ให้ชาวบ้านลืม ก็ทำได้เรื่อยๆ
00 อย่างไรก็ดีสำหรับ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นเวลาเริ่มหมุนไปเรื่อยๆ นี่เผลอแป๊บเดียวก็เข้าเดือนที่ 5 ของการเข้ามาควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ยังเหลือภารกิจใหญ่ยักษณ์รออยู่ แต่ยังไม่ได้เริ่มเป็นเรื่องเป็นราว อย่างเรื่องปฏิรูปทุกภาคส่วน การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็เพิ่งมี สปช. แม้ว่าทุกอย่างไปตามโรดแมป ยังถือว่าควบคุมได้อยู่ก็ตาม แต่ในวันข้างหน้ามันก็เป็นไปได้ที่จะมีปัจจัยแทรกซ้อนเหนือความคาดหมาย และเท่าที่เห็นในตอนนี้ก็คือ "เรื่องเศรษฐกิจ-ปากท้อง" ยังไม่ค่อยเป็นไปตามเป้าหมาย จากเดิมที่คาดว่าในเริ่มแรก "ความเชื่อมั่น" กลับมา ทุกอย่างก็ต้องฟื้น แต่เอาเข้าจริงมันเชื่อมั่นแค่เดือนสองเดือนแรกเท่านั้น เดือนถัดมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อย่างเดือน ส.ค. ที่สรุปกันล่าสุดกลับ "ถดถอย" เสียนี่ การส่งออกติดลบ ราคาผลผลิตรทางการเกษตรรูดลงทุกวัน และทุกรายการหลักเสียด้วย การท่องเที่ยวก็ไม่กระเตื้อง แม้ว่าปัจจัยหลักจะมาจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น ทำให้เราส่งออกยาก แต่ก็นั่นแหละชาวบ้านเขาไม่ค่อยฟัง ไม่เข้าใจหรอก มองแต่เฉพาะหน้าที่เห็นอยู่ ตราบใดที่ขายของไม่ได้ราคา ค่าครองชีพสูง ชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็ต้องชี้หน้าไปที่รัฐบาล และ "ลุงตู่" ทั้งนั้นแหละ
00 นี่ยังทราบมาว่า ภายในเดือนนี้ คือราววันที่ 22 ต.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่มีนายกฯเป็นประธาน จะมีการปรับขึ้นราคาพลังงานกัน อ้างว่าเพื่อให้รับกับต้นทุนที่แท้จริง ไม่ให้บิดเบือนกลไกตลาดอีกต่อไป และจากการยืนยันของ รมว.พลังงาน ณรงค์ชัย อัครเศรณี สรุปว่า ภายในเดือนนี้จะมีการขึ้นราคาแก๊สแอลพีจี และเอ็นจีวี ภาคขนส่งอย่างแน่นอน ส่วนดีเซล จะขึ้นไปทะลุลิตร 30 บาท หรือไม่ ต้องลุ้นกันระทึก เพราะถ้าเกินไปกว่านี้รับรองว่าโกลาหลแน่ เพราะขนาดปรับราคาแก๊สรอบแรกไปไม่กี่วันก่อน บรรดารถสองแถว รถร่วมฯ รถแท็กซี่ต่างตบเท้าขอขึ้นค่าโดยสารกันเป็นแถว และแน่นอนว่าอีกไม่นาน จะมีรายการขอขึ้นราคาสินค้าตามมาแน่ ซึ่งก็ตามสูตร จะมีรายการขอความร่วมมือ "ตรึงราคา" ไปก่อน อย่างมากแค่สิ้นปี แต่ต้นปีหน้าก็อ่วม ไหนจะมีเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม จากร้อยละ 7 จะขึ้นเป็นร้อยละ 10 ก็ต้องรอดูว่าจะปรับตามนั้นหรือเปล่า แต่ขึ้นแน่ !!
00 ขณะที่เมื่อนับนิ้วตามระยะเวลา 5-6 เดือนในทางการเมือง ถือว่าหมดระยะ "ฮันนีมูน" กันแล้ว ต่อไปอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรก็จะออกมาเรื่อยๆ เสียงวิจารณ์ก็เริ่มดังขึ้น จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มหงุดหงิด "หลุด" ออกมาให้เห็นมากขึ้น สาเหตุเพราะหลายอย่าง "ไม่ได้ดั่งใจ" สั่งไปแล้วทำไม่ได้ ช้า ไม่ทันใจตามระบบราชการ หรืออีกด้านหนึ่งเป็นการรับฟังรายงาน "เกินจริง" อันนี้สำคัญ แม้ไม่ถึงขั้น"ถูกวางยา" แต่ผลงานหลายอย่างเริ่มไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีเสียงวิจารณ์จากรอบข้างดังขึ้น ประกอบกับการเมืองไม่เหมือนกับระบบทหารที่สั่งซ้ายหันขวาหันได้ตลอดเวลา ไม่หือไม่อือ รับคำสั่งอย่างเดียว เมื่อมาเจอกับข้าราชการที่ "รอบจัดเขี้ยวลากดิน" ทำให้เสียคนมาเยอะแล้ว !!
00 น่าจับตามากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับตำแหน่งประธาน สปช. นาทีนี้ต้อง "จุฬาฯทีม" และก็ต้องเป็น เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตอธิการจุฬาฯ สายเดียวกับ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และที่ "กุนซือใหญ่" ของคสช. ส่วนอีกคน แทบไม่ต้องลุ้นกับตำแหน่งประธาน กมธ.ยกร่างรธน. เพราะเขาล็อกใส่พานมาให้ตั้งหลายเดือนแล้ว คือบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และถ้าเป็นคนนี้จริง ก็ให้จับตาโรดแมปตาม มาตรา 35 ตาม "บัญญัติ 10 ประการ" ที่จะ"เขี่ย" พวกถูกตัดสิทธิ์การเมือง พวกทุจริตห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิตนั่นแหละ รอดูว่าทำได้หรือเปล่า และจะป่วนหรือไม่ !!