"ประยุทธ์"ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 4 ทิศรอบทำเนียบฯ ก่อนออกเดินทางเยือนเมียนมาร์ เผยจะหารือ "เต็ง เส่ง" เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในทุกมิติ ทั้งด้านพลังงาน เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง
เมื่อเวลา 8.30 น. วานนี้ (9ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง เวลา 14.00 น. ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ตามกำหนดการเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค. ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรก ในฐานะนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.11 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางออกจากทำเนียบฯ ไปยังสนามบิน บน.6 โดยก่อนขึ้นรถที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า นายกฯได้ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ทั้ง 4 ทิศ และระหว่างรถนายกฯ เคลื่อนออกจากตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลดกระจกลง พร้อมโบกมือทักทายช่างภาพ และสื่อมวลชน
ทั้งนี้ นายกฯ มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือข้อราชการกับ นาย เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีแห่งเมียนมาร์ และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับได้แก่ 1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง จ.เชียงใหม่-เชียงตุง 2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง จ.ประจวบคีรีขันธ์-มะริด และ 3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง จ.ระนอง-เกาะสอง
จากนั้น เวลา 19.00 น. ประธานาธิบดีเมียนมาร์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ สำนักประธานาธิบดี
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วัตถุประสงค์การเดินทางไปครั้งนี้ เพื่อหารือกับ นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ โดยจะพูดถึงกรอบความร่วมมืออาเซียนในภาพรวมว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อให้มีความสามารถในการต่อรอง ค้าขาย กับประชาคมอื่นๆ จากนั้นจะมีการพูดคุยทวิภาคี ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง อาทิ เรื่องพลังงาน เรื่องแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในประเทศไทย จะมีการประสานอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งย้ำไปยังผู้ประกอบการ ให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้เรียบร้อย เพราะใกล้กำหนดเวลาที่ขยายให้แล้ว อย่าอ้างว่าเวลาไม่ทันไม่ได้ เราให้เวลามามากพอสมควรแล้ว เพราะขั้นตอนต่อไปเราต้องพิสูจน์สัญชาติอีก เพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีซ้ำซ้อนขึ้นอีก
สำหรับเรื่องคดีความที่เกาะเต่า ที่ยังเป็นที่สนใจนั้น เราจะต้องทำให้เรื่องลดระดับลง จึงอยากให้ระบุว่า ผู้กระทำผิดเป็นแรงงานต่างด้าว เพราะขณะนี้ประเทศเมียนมาร์ ก็กำลังพิสูจน์สัญชาติอยู่เช่นกัน ซึ่งก็พบว่าบางสัญชาติ ยังมีปัญหาเช่นกัน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง ความร่วมมือระหว่างประเทศว่า เราต้องให้เกียรติกับประเทศนั้นๆ การหารือจะไม่ไปพูดถึงประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพียงฝ่ายเดียว แต่จะต้องพูดคุยกันถึงผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ อย่างเท่าเทียมกัน คนไทยต้องเป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมาตนเคยพบปะกับผู้นำของเมียนมาร์ มาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งใช้ช่องทางการทหารทุกเหล่าทัพ หารือร่วมกันมาตลอด แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีเหตุขัดข้องบางประการก็ตาม เวลานี้เรามีรัฐบาล และเมียนมาร์ ก็มีรัฐบาลเช่นกัน เราจึงต้องส่งเสริมร่วมกันในความเป็นประชาธิปไตยในประเทศเมียนมาร์ด้วย
ส่วนด้านความมั่นคง เราจะทำอย่างไรให้ได้รับความร่วมมือตามแนวชายแดนให้มากขึ้น ทำอย่างไรให้เส้นเขตแดนที่ติดต่อกันสามารถได้รับความร่วมมือมากที่สุด และต้องดูแลประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ตามแนวชายแดนต้องไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก เกิดความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดูแลสวัสดิภาพ
เมื่อเวลา 8.30 น. วานนี้ (9ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง เวลา 14.00 น. ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ตามกำหนดการเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค. ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรก ในฐานะนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.11 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางออกจากทำเนียบฯ ไปยังสนามบิน บน.6 โดยก่อนขึ้นรถที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า นายกฯได้ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ทั้ง 4 ทิศ และระหว่างรถนายกฯ เคลื่อนออกจากตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลดกระจกลง พร้อมโบกมือทักทายช่างภาพ และสื่อมวลชน
ทั้งนี้ นายกฯ มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือข้อราชการกับ นาย เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีแห่งเมียนมาร์ และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับได้แก่ 1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง จ.เชียงใหม่-เชียงตุง 2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง จ.ประจวบคีรีขันธ์-มะริด และ 3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง จ.ระนอง-เกาะสอง
จากนั้น เวลา 19.00 น. ประธานาธิบดีเมียนมาร์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ สำนักประธานาธิบดี
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วัตถุประสงค์การเดินทางไปครั้งนี้ เพื่อหารือกับ นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ โดยจะพูดถึงกรอบความร่วมมืออาเซียนในภาพรวมว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อให้มีความสามารถในการต่อรอง ค้าขาย กับประชาคมอื่นๆ จากนั้นจะมีการพูดคุยทวิภาคี ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง อาทิ เรื่องพลังงาน เรื่องแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในประเทศไทย จะมีการประสานอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งย้ำไปยังผู้ประกอบการ ให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้เรียบร้อย เพราะใกล้กำหนดเวลาที่ขยายให้แล้ว อย่าอ้างว่าเวลาไม่ทันไม่ได้ เราให้เวลามามากพอสมควรแล้ว เพราะขั้นตอนต่อไปเราต้องพิสูจน์สัญชาติอีก เพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีซ้ำซ้อนขึ้นอีก
สำหรับเรื่องคดีความที่เกาะเต่า ที่ยังเป็นที่สนใจนั้น เราจะต้องทำให้เรื่องลดระดับลง จึงอยากให้ระบุว่า ผู้กระทำผิดเป็นแรงงานต่างด้าว เพราะขณะนี้ประเทศเมียนมาร์ ก็กำลังพิสูจน์สัญชาติอยู่เช่นกัน ซึ่งก็พบว่าบางสัญชาติ ยังมีปัญหาเช่นกัน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง ความร่วมมือระหว่างประเทศว่า เราต้องให้เกียรติกับประเทศนั้นๆ การหารือจะไม่ไปพูดถึงประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพียงฝ่ายเดียว แต่จะต้องพูดคุยกันถึงผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ อย่างเท่าเทียมกัน คนไทยต้องเป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมาตนเคยพบปะกับผู้นำของเมียนมาร์ มาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งใช้ช่องทางการทหารทุกเหล่าทัพ หารือร่วมกันมาตลอด แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีเหตุขัดข้องบางประการก็ตาม เวลานี้เรามีรัฐบาล และเมียนมาร์ ก็มีรัฐบาลเช่นกัน เราจึงต้องส่งเสริมร่วมกันในความเป็นประชาธิปไตยในประเทศเมียนมาร์ด้วย
ส่วนด้านความมั่นคง เราจะทำอย่างไรให้ได้รับความร่วมมือตามแนวชายแดนให้มากขึ้น ทำอย่างไรให้เส้นเขตแดนที่ติดต่อกันสามารถได้รับความร่วมมือมากที่สุด และต้องดูแลประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ตามแนวชายแดนต้องไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก เกิดความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดูแลสวัสดิภาพ
