ASTVผู้จัดการรายวัน-คมนาคมสั่งรฟม.เปิดโต๊ะเจรจาบีทีเอส-กทม.เดินรถสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ระบุทำให้การเดินรถต่อเชื่อมประชาชนสะดวก เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมดันรถไฟฟ้าสีส้ม,ชมพู,เหลือและแอร์พอร์ตลิ้งค์เชื่อมดอนเมือง วงเงินกว่า 2 แสนล. เข้าครม.เห็นชอบในปีนี้
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ที่ประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานได้เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทบทวนแผนการลงทุนการก่อสร้างงานโยธา ของโครงการสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 5.59 หมื่นล้านบาทและสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 36 กม.วงเงิน 5.82 หมื่นล้านบาท ในส่วนของงานก่อสร้างอู่จอดและศูนย์ซ่อม (เดปโป้) โดยให้ตัดงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ออกไปจากการก่อสร้างในพื้นที่เดปโป้ออกไปก่อนเพื่อให้การดำเนินงานในส่วนของงานโยธาทำได้รวดเร็วมากขึ้น และให้รฟม.นำเสนอการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลับมาใหม่ภายหลัง ส่วนสายสีส้ม เฟสแรก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) วงเงิน 1 .01แสนล้านบาทนั้น รฟม.ได้เสนอเรื่องมาที่กระทรวงคมนาคมแล้ว ซึ่งจะสามารถเสนอครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายได้ภายในปี 2557 แน่นอน พร้อมกันนี้ เตรียมที่จะเสนอครม.ขออนุมัติโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ส่วนต่อขยาย (พญาไท-ดอนเมือง) ระยะทาง 21.87 กม. วงเงิน 3.11 หมื่นล้านเพื่อเดินหน้าประกวดราคาก่อสร้าง ซึ่งทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เสนอแผนมาที่กระทรวงแล้ว
ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ พล.อ.อ.ประจิน จะเดินทางไปตรวจพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณสถานีกลางบางซื่อซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างในส่วนของทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบรอบ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ด้วย โดยจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้ง ร.ฟ.ท. กทพ.และเอกชนผู้รับเหมา มาร่วมหารือภาพรวมในการก่อสร้าง
นางสร้อยทิพย์กล่าวถึงการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) จะยึดหลักประโยชน์ของประชาชน และไม่ขัดข้อกฎหมายซึ่งมติครม.ให้รฟม.ดำเนินการก่อสร้างงานโยธา ส่วนการเดินรถให้พิจารณาและนำเสนอต่อไป โดยนโยบายกระทรวงต้องการให้รฟม.ไปเจรจากับะบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสในการเดินรถต่อเชื่อม โดยให้ยึดมติครม.ที่เกี่ยวข้องและต้องไม่ขัดกับข้อกฎหมาย
นายรณชิต แย้มสะอาด รักษาการผู้ว่าการฯ รฟม. กล่าวว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ได้ให้ความเห็นชอบให้รฟม.เดินรถเองทั้งสายสีเขียวเหนือและใต้ในรูปแบบ PSC โดยรฟม.เป็นผู้จัดซื้อรถไฟฟ้าเอง แต่ขณะนี้ทางกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้เจรจากับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส ในการเดินรถต่อเชื่อมเพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความสะดวกสูงสุด ซึ่งรฟม.จะเร่งเจรจา 3 ฝ่ายเพื่อหาข้อสรุปและนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกับแนวทางการเดินรถเอง
“สายสีเขียวเหนือและใต้ มีข้อแตกต่างกัน เนื่องจาก สีเขียวส่วนเหนือจะเป็นการต่อเชื่อมกับบีทีเอสจากหมอชิต –สะพานใหม่-คูคต ซึ่งเป็นสัมปทานของบีทีเอส ส่วนสีเขียวใต้ เป็นการต่อเชื่อมกับ ช่วงสำโรง-แบริ่ง ซึ่งกทม.จ้างบีทีเอสเดินรถ จึงต้องเจรจา 3 ฝ่าย และยังมีประเด็นการเดินรถนอกเขตพื้นที่กทม. และสัญญาสัมปทานระหว่างกทม.และบีทีเอสจะครบกำหนดด้วย อย่างไรก็ตาม จะสรุปแนวทางการเจรจาให้เรียบร้อยภายในปีนี้”นายรณชิตกล่าว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ที่ประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานได้เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทบทวนแผนการลงทุนการก่อสร้างงานโยธา ของโครงการสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 5.59 หมื่นล้านบาทและสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 36 กม.วงเงิน 5.82 หมื่นล้านบาท ในส่วนของงานก่อสร้างอู่จอดและศูนย์ซ่อม (เดปโป้) โดยให้ตัดงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ออกไปจากการก่อสร้างในพื้นที่เดปโป้ออกไปก่อนเพื่อให้การดำเนินงานในส่วนของงานโยธาทำได้รวดเร็วมากขึ้น และให้รฟม.นำเสนอการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลับมาใหม่ภายหลัง ส่วนสายสีส้ม เฟสแรก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) วงเงิน 1 .01แสนล้านบาทนั้น รฟม.ได้เสนอเรื่องมาที่กระทรวงคมนาคมแล้ว ซึ่งจะสามารถเสนอครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายได้ภายในปี 2557 แน่นอน พร้อมกันนี้ เตรียมที่จะเสนอครม.ขออนุมัติโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ส่วนต่อขยาย (พญาไท-ดอนเมือง) ระยะทาง 21.87 กม. วงเงิน 3.11 หมื่นล้านเพื่อเดินหน้าประกวดราคาก่อสร้าง ซึ่งทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เสนอแผนมาที่กระทรวงแล้ว
ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ พล.อ.อ.ประจิน จะเดินทางไปตรวจพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณสถานีกลางบางซื่อซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างในส่วนของทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบรอบ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ด้วย โดยจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้ง ร.ฟ.ท. กทพ.และเอกชนผู้รับเหมา มาร่วมหารือภาพรวมในการก่อสร้าง
นางสร้อยทิพย์กล่าวถึงการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) จะยึดหลักประโยชน์ของประชาชน และไม่ขัดข้อกฎหมายซึ่งมติครม.ให้รฟม.ดำเนินการก่อสร้างงานโยธา ส่วนการเดินรถให้พิจารณาและนำเสนอต่อไป โดยนโยบายกระทรวงต้องการให้รฟม.ไปเจรจากับะบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสในการเดินรถต่อเชื่อม โดยให้ยึดมติครม.ที่เกี่ยวข้องและต้องไม่ขัดกับข้อกฎหมาย
นายรณชิต แย้มสะอาด รักษาการผู้ว่าการฯ รฟม. กล่าวว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ได้ให้ความเห็นชอบให้รฟม.เดินรถเองทั้งสายสีเขียวเหนือและใต้ในรูปแบบ PSC โดยรฟม.เป็นผู้จัดซื้อรถไฟฟ้าเอง แต่ขณะนี้ทางกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้เจรจากับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส ในการเดินรถต่อเชื่อมเพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความสะดวกสูงสุด ซึ่งรฟม.จะเร่งเจรจา 3 ฝ่ายเพื่อหาข้อสรุปและนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกับแนวทางการเดินรถเอง
“สายสีเขียวเหนือและใต้ มีข้อแตกต่างกัน เนื่องจาก สีเขียวส่วนเหนือจะเป็นการต่อเชื่อมกับบีทีเอสจากหมอชิต –สะพานใหม่-คูคต ซึ่งเป็นสัมปทานของบีทีเอส ส่วนสีเขียวใต้ เป็นการต่อเชื่อมกับ ช่วงสำโรง-แบริ่ง ซึ่งกทม.จ้างบีทีเอสเดินรถ จึงต้องเจรจา 3 ฝ่าย และยังมีประเด็นการเดินรถนอกเขตพื้นที่กทม. และสัญญาสัมปทานระหว่างกทม.และบีทีเอสจะครบกำหนดด้วย อย่างไรก็ตาม จะสรุปแนวทางการเจรจาให้เรียบร้อยภายในปีนี้”นายรณชิตกล่าว