ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในส่วนของคณะกรรมการสรรหา 11 คณะ จำนวน 173 คนถูกประกาศออกมาอย่างไม่เป็นทางการแล้ว โดยไม่มีใครแสดงความดีใจหรือเสียใจมากนัก
เพราะภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คัดกรองคนมาได้ขนาดนี้ ภาพโดยรวมพอไปวัดไปวาได้ ควรจะพอใจแล้ว
ส่วนกลุ่มที่ไม่พอใจ เรียงหน้าออกมาร้องโวยวาย มีแต่คนของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น เพราะพรรคพวกสายเสื้อแดงหลุดเข้ามาเป็น สปช.น้อยมาก ขณะที่กลุ่มอดีต 40 ส.ว.ตบเท้าเข้ามาเป็นพรวน
รายชื่อว่าที่ 173 สมาชิก สปช.มีทั้งคนที่สมควรได้รับการคัดเลือก และคนที่ไม่ควรถูกเลือก เช่นเดียวกันคนที่หลุดโผ มีทั้งคนที่น่าเสียดาย และคนที่สมน้ำหน้าแล้วที่ไม่ถูกเลือกเข้ามา
สปช.ชุดนี้แม้ไม่สะสวย แต่ก็ไม่ขี้เหร่ จนไม่รู้จะวิจารณ์อะไรตรงไหน นอกจากปล่อยให้ทำงานไปสักพัก จึงค่อยประเมินผลงานกันใหม่
สำหรับคนของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาปะฉะดะ วิจารณ์การคัดเลือก สปช.โดยอ้างว่า มีแต่คนหน้าเดิมซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งของพรรคเพื่อไทย และจะทำให้การปฏิรูปไม่บรรลุเป้าหมาย แต่จะสร้างความแตกแยกไม่มีที่สิ้นสุดนั้น คงพอเข้าใจอารมณ์ของคนที่ออกมาตีโพยตีพายได้
แต่ก็เข้าใจ คสช.เหมือนกันว่า ทำไมไม่เอาคนในสายพรรคเพื่อไทย ทำไมจึงหลีกเลี่ยงเลือกคนเสื้อแดงเข้ามาใน สปช.
แม้ คสช.จะไม่เคยออกมาพูด แต่การคัดเลือก สปช.พอทึกทักเอาได้ไหมว่า คสช.รู้ดีว่า ความแตกแยกในบ้านเมืองเกิดขึ้นจากจุดไหน คนกลุ่มใดเป็นตัวการสำคัญในการจุดชนวนความแตกแยก
เมื่อรู้แล้วว่า ใครเป็นต้นตอสร้างความแตกแยก จะเลือกคนเหล่านั้นเข้ามาป็นตัวถ่วงใน สปช.ทำไม ปล่อยให้ครวญครางอยู่นอกเวทีไม่ดีกว่าหรือ
นักการเมืองพรรคเพื่อไทยป่านนี้แล้วยังไม่มีความละอาย 13 ปีที่ผ่านมา สังคมแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ประชาชนถูกเสี้ยมให้เกิดความรู้สึกเป็นศัตรูกัน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ประเทศวุ่นวาย บ้านเมืองไร้ขื่อแปจนแทบเป็นกลียุค ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคที่พรรคเพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจบริหารประเทศหรือ
ความแตกแยกรุนแรง ไม่ได้เกิดภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยหรืออย่างไร
วันนี้บ้านเมืองมีความสงบขึ้น ไม่เป็นเพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสิ้นอำนาจหรือ
ไม่เป็นไร พรรคเพื่อไทยยังมีแรง ก็ร้องเข้าไป แต่อย่าคาดหวังว่า ใครจะฟัง นักการเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย ล้มละลายในความเชื่อถือไปหมดแล้ว
แม้แต่ คสช.ยังไม่ให้ราคา ไม่สนใจจะตอบโต้หรือชี้แจงแม้แต่น้อย มีปากพูดก็ปล่อยให้พูดไปเท่าที่อยากจะพูด แต่ คสช.แกล้งหูทวนลมเสียอย่างจะทำไม
พรรคเพื่อไทยเสพอำนาจมากเกินพอแล้ว ช่วงเป็นรัฐบาล อยากตั้งใครเป็นใหญ่ คุมอะไรที่ไหน ตั้งข้าราชการข้ามหัวใคร เคยนึกถึงหัวอกคนอื่นไหม แม้จะมีเสียงคัดค้านกว้างขวาง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มทั่วประเทศ แต่รัฐบาลเพื่อไทยเคยฟังประชาชนหรือไม่
แต่งตั้งคนทุเรศๆ ขึ้นมาใหญ่โต คุมหน่วยงานสำคัญๆ ทั้งที่คุณสมบัติและพฤติกรรมไม่เหมาะสม รัฐบาลพรรคเพื่อไทยดันทุรังมาแล้ว คราวนี้ยังจะมีหน้ามาโวยวายได้ยังไง ไม่อายปากตัวเองหรือ
สปช.ชุดนี้ เว้นแต่พรรคเพื่อไทย เว้นแต่กลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว คนกลุ่มอื่นๆ ไม่มีเสียงบ่นเท่าไหร่ เพราะ คสช.ได้จิ้มรายชื่อบุคคลที่มีความหลากหลายอาชีพพอสมควร เป็นสูตรผสมที่รับได้ ภายใต้สถานการณ์ที่ทางเลือกไม่มาก
แม้จะมีสาวก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดมาบ้างหลายคน เช่น ตัวแทนสายวิชาชีพสื่อมวลชนบางคน หรือแทรกเข้ามาในสายโน่น นี่ นั่น แต่ถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยมาก
น้อยจนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ หรือใครต่อใครในพรรคเพื่อไทยทนไม่ได้ ขอออกมาโวยเสียหน่อย
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ได้ติดใจอะไรกับว่าที่ สปช. 173 คน ไม่หงุดหงิดกับ คสช.ที่เลือกเฟ้นมา รายชื่อโดยรวมแล้ว “รับได้”
ส่วนกลุ่มคนที่ถูกพรรคเพื่อไทยระบุว่า เป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง คงรู้สึกเฉยๆกับรายชื่อ สปช.ไม่ยินดียินร้าย อาจมีบ้างคือความสะใจเท่านั้น
สะใจที่สายพรรคเพื่อไทยแทบไม่มีที่ยืนใน สปช.สะใจที่พรรคเพื่อไทยถูกตอนจนแทบสูญพันธุ์จากกิจกรรมทางการเมือง
เวทีไหนๆ ก็ไม่ได้รับการต้อนรับ ยังบังอาจแหกปากเป็นที่หนวกหูรำคาญอีก
เพราะภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คัดกรองคนมาได้ขนาดนี้ ภาพโดยรวมพอไปวัดไปวาได้ ควรจะพอใจแล้ว
ส่วนกลุ่มที่ไม่พอใจ เรียงหน้าออกมาร้องโวยวาย มีแต่คนของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น เพราะพรรคพวกสายเสื้อแดงหลุดเข้ามาเป็น สปช.น้อยมาก ขณะที่กลุ่มอดีต 40 ส.ว.ตบเท้าเข้ามาเป็นพรวน
รายชื่อว่าที่ 173 สมาชิก สปช.มีทั้งคนที่สมควรได้รับการคัดเลือก และคนที่ไม่ควรถูกเลือก เช่นเดียวกันคนที่หลุดโผ มีทั้งคนที่น่าเสียดาย และคนที่สมน้ำหน้าแล้วที่ไม่ถูกเลือกเข้ามา
สปช.ชุดนี้แม้ไม่สะสวย แต่ก็ไม่ขี้เหร่ จนไม่รู้จะวิจารณ์อะไรตรงไหน นอกจากปล่อยให้ทำงานไปสักพัก จึงค่อยประเมินผลงานกันใหม่
สำหรับคนของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาปะฉะดะ วิจารณ์การคัดเลือก สปช.โดยอ้างว่า มีแต่คนหน้าเดิมซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งของพรรคเพื่อไทย และจะทำให้การปฏิรูปไม่บรรลุเป้าหมาย แต่จะสร้างความแตกแยกไม่มีที่สิ้นสุดนั้น คงพอเข้าใจอารมณ์ของคนที่ออกมาตีโพยตีพายได้
แต่ก็เข้าใจ คสช.เหมือนกันว่า ทำไมไม่เอาคนในสายพรรคเพื่อไทย ทำไมจึงหลีกเลี่ยงเลือกคนเสื้อแดงเข้ามาใน สปช.
แม้ คสช.จะไม่เคยออกมาพูด แต่การคัดเลือก สปช.พอทึกทักเอาได้ไหมว่า คสช.รู้ดีว่า ความแตกแยกในบ้านเมืองเกิดขึ้นจากจุดไหน คนกลุ่มใดเป็นตัวการสำคัญในการจุดชนวนความแตกแยก
เมื่อรู้แล้วว่า ใครเป็นต้นตอสร้างความแตกแยก จะเลือกคนเหล่านั้นเข้ามาป็นตัวถ่วงใน สปช.ทำไม ปล่อยให้ครวญครางอยู่นอกเวทีไม่ดีกว่าหรือ
นักการเมืองพรรคเพื่อไทยป่านนี้แล้วยังไม่มีความละอาย 13 ปีที่ผ่านมา สังคมแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ประชาชนถูกเสี้ยมให้เกิดความรู้สึกเป็นศัตรูกัน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ประเทศวุ่นวาย บ้านเมืองไร้ขื่อแปจนแทบเป็นกลียุค ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคที่พรรคเพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจบริหารประเทศหรือ
ความแตกแยกรุนแรง ไม่ได้เกิดภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยหรืออย่างไร
วันนี้บ้านเมืองมีความสงบขึ้น ไม่เป็นเพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสิ้นอำนาจหรือ
ไม่เป็นไร พรรคเพื่อไทยยังมีแรง ก็ร้องเข้าไป แต่อย่าคาดหวังว่า ใครจะฟัง นักการเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย ล้มละลายในความเชื่อถือไปหมดแล้ว
แม้แต่ คสช.ยังไม่ให้ราคา ไม่สนใจจะตอบโต้หรือชี้แจงแม้แต่น้อย มีปากพูดก็ปล่อยให้พูดไปเท่าที่อยากจะพูด แต่ คสช.แกล้งหูทวนลมเสียอย่างจะทำไม
พรรคเพื่อไทยเสพอำนาจมากเกินพอแล้ว ช่วงเป็นรัฐบาล อยากตั้งใครเป็นใหญ่ คุมอะไรที่ไหน ตั้งข้าราชการข้ามหัวใคร เคยนึกถึงหัวอกคนอื่นไหม แม้จะมีเสียงคัดค้านกว้างขวาง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มทั่วประเทศ แต่รัฐบาลเพื่อไทยเคยฟังประชาชนหรือไม่
แต่งตั้งคนทุเรศๆ ขึ้นมาใหญ่โต คุมหน่วยงานสำคัญๆ ทั้งที่คุณสมบัติและพฤติกรรมไม่เหมาะสม รัฐบาลพรรคเพื่อไทยดันทุรังมาแล้ว คราวนี้ยังจะมีหน้ามาโวยวายได้ยังไง ไม่อายปากตัวเองหรือ
สปช.ชุดนี้ เว้นแต่พรรคเพื่อไทย เว้นแต่กลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว คนกลุ่มอื่นๆ ไม่มีเสียงบ่นเท่าไหร่ เพราะ คสช.ได้จิ้มรายชื่อบุคคลที่มีความหลากหลายอาชีพพอสมควร เป็นสูตรผสมที่รับได้ ภายใต้สถานการณ์ที่ทางเลือกไม่มาก
แม้จะมีสาวก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดมาบ้างหลายคน เช่น ตัวแทนสายวิชาชีพสื่อมวลชนบางคน หรือแทรกเข้ามาในสายโน่น นี่ นั่น แต่ถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยมาก
น้อยจนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ หรือใครต่อใครในพรรคเพื่อไทยทนไม่ได้ ขอออกมาโวยเสียหน่อย
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ได้ติดใจอะไรกับว่าที่ สปช. 173 คน ไม่หงุดหงิดกับ คสช.ที่เลือกเฟ้นมา รายชื่อโดยรวมแล้ว “รับได้”
ส่วนกลุ่มคนที่ถูกพรรคเพื่อไทยระบุว่า เป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง คงรู้สึกเฉยๆกับรายชื่อ สปช.ไม่ยินดียินร้าย อาจมีบ้างคือความสะใจเท่านั้น
สะใจที่สายพรรคเพื่อไทยแทบไม่มีที่ยืนใน สปช.สะใจที่พรรคเพื่อไทยถูกตอนจนแทบสูญพันธุ์จากกิจกรรมทางการเมือง
เวทีไหนๆ ก็ไม่ได้รับการต้อนรับ ยังบังอาจแหกปากเป็นที่หนวกหูรำคาญอีก