ผู้จัดการรายวัน 360 - เปิดปม 1 ใน 4 ผู้ว่าฯโดนเด้งฟ้าผ่า ภาค ปชช.สุดทนร่อนหนังสือถึง “ประยุทธ์” แฉยับพฤติกรรมไม่เหมาะสม-ส่อทุจริต ลากไส้เก็บหัวคิวแทบทุกโครงการ น่าไม่อายเรี่ยไรเงินบริษัทห้างร้านจัดปาร์ตี้เบิร์ทเดย์ “เมีย” ธีมคาวบอยไนท์ คนนินทาทั้งจังหวัด สุดกร่างทั้งผัว-เมีย พูดหยาบไม่พอ ตบหน้าปลัดฯกลางงานศพด้วย
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 12/2559 ในการโยกย้าย 4 ผู้ว่าราชการจังหวีดออกจากตำแหน่ง ประกอบด้วยผู้ว่าฯศรีสะเกษ ตาก จันทบุรี และปัตตานี เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา โดยที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ระบุเหตุผลเพียงว่า เป็นการโยกย้ายตำแหน่งเพื่อความเหมาะสม โดยทุกรายมีคดีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า 3 ใน 4 ของผู้ว่าฯ ที่ถูกโยกย้ายในครั้งนี้มีอายุราชการเหลือเพียง 6 เดือน และจะเกษียณในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.59 ได้แก่ นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าฯศรีสะเกษ นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าฯตาก และนายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าฯจันทบุรี ขณะที่ นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าฯปัตตานี ยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี 6 เดือน โดยก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ผู้ว่าฯทั้ง 4 รายดังกล่าว อยู่ระหว่างการถูกสอบสวนความผิดมาจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และส่อไปในทางทุจริตหลายกรณี
** แฉไถเงินพ่อค้าจัดงานวันเกิดเมีย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ผู้ว่าฯรายหนึ่งที่ถูกโยกย้ายในครั้งนี้ ได้ถูกเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดดังกล่าวทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกฯเมื่อช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยขอให้ย้ายผู้ว่าฯคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ พร้อมบรรยายข้อร้องเรียนที่ได้รับจากประชาชนในพื้นที่ สรุปได้เป็น 5 ข้อดังนี้ 1.บริหารราชการโดยไม่ยึกหลักธรรมาภิบาล จากการบริหารงบพัฒนาจังหวัดในส่วนของเงินเหลือจ่าย ซึ่งตามปกติต้องมีการอนุมัติขอใช้เงินเหลือจ่ายผ่านคณะกรรมการพัฒนาจังหวัด แต่เมื่อผู้ว่าฯรายนี้กลับดำเนินการใช้งบประมาณ โดยที่ไม่มีการประชุมกับคณะกรรมการพัฒนาจังหวัดแต่อย่างใด
2. มีการเรี่ยไรเงินจากบริษัทห้างร้านภายในจังหวัด เพื่อจัดงานคล้ายวันเกิดให้กับภรรยาของตนเอง โดยอ้างว่าเป็นการจัดงานสังสรรค์กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า งานดังกล่าวได้กำหนดธีมเป็นคาวบอยไนท์ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมทั้งในพื้นที่ และมีกระแสข่าวมาถึงส่วนกลางด้วยฃ
** สวาปามงบ อปท.-เมียกร่าง
3. มีการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง โดยเมื่อมีการเบิกจ่ายงบประมาณ ก็จะส่งตัวแทนหรือให้บริษัทห้างร้านเข้าไปตกลงเรื่องผลประโยชน์ก่อนที่จะได้เบิกจ่ายเงิน ถ้าไม่ยินยอมก็จะเบิกจ่ายล่าช้า โดยเฉพาะงบประมาณของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
4. มีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติหัวหน้าส่วนราชการและผู้ใต้บังคับบัญชา โดยใช้วาจาไม่สุภาพ หยาบคาย และบังคับข่มขืนใจข้าราชการชั้นผู้น้อยให้กระทำตามที่ตนเองต้องการ จนมีการฟ้องร้องต่อศาลอยู่ในขณะนี้
และ 5.ภรรยาผู้ว่าฯรายนี้เข้ามาก้าวก่ายการทำงานทั้งที่ศาลากลางและทั่วไป เมื่อไม่นานมานี้ยังได้ลุแก่อำนาจ โดยตบหน้าปลัดอำเภอรายหนึ่งภายในงานศพของมารดาตัวเอง
ทั้งนี้ในช่วงท้ายของหนังสือยังได้ระบุว่า ขอให้ย้าย นาย.......................... ไปราชการที่อื่น แล้วส่งข้าราชการดีๆที่มีฝีมือมาแทน เพราะว่าผู้ว่าราชการจังหวัดคนนี้มาอยู่จังหวัด................ เพื่อ “มาฝึกผู้ว่าฯ มารอเกษียณ”.
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 12/2559 ในการโยกย้าย 4 ผู้ว่าราชการจังหวีดออกจากตำแหน่ง ประกอบด้วยผู้ว่าฯศรีสะเกษ ตาก จันทบุรี และปัตตานี เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา โดยที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ระบุเหตุผลเพียงว่า เป็นการโยกย้ายตำแหน่งเพื่อความเหมาะสม โดยทุกรายมีคดีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า 3 ใน 4 ของผู้ว่าฯ ที่ถูกโยกย้ายในครั้งนี้มีอายุราชการเหลือเพียง 6 เดือน และจะเกษียณในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.59 ได้แก่ นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าฯศรีสะเกษ นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าฯตาก และนายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าฯจันทบุรี ขณะที่ นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าฯปัตตานี ยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี 6 เดือน โดยก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ผู้ว่าฯทั้ง 4 รายดังกล่าว อยู่ระหว่างการถูกสอบสวนความผิดมาจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และส่อไปในทางทุจริตหลายกรณี
** แฉไถเงินพ่อค้าจัดงานวันเกิดเมีย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ผู้ว่าฯรายหนึ่งที่ถูกโยกย้ายในครั้งนี้ ได้ถูกเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดดังกล่าวทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกฯเมื่อช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยขอให้ย้ายผู้ว่าฯคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ พร้อมบรรยายข้อร้องเรียนที่ได้รับจากประชาชนในพื้นที่ สรุปได้เป็น 5 ข้อดังนี้ 1.บริหารราชการโดยไม่ยึกหลักธรรมาภิบาล จากการบริหารงบพัฒนาจังหวัดในส่วนของเงินเหลือจ่าย ซึ่งตามปกติต้องมีการอนุมัติขอใช้เงินเหลือจ่ายผ่านคณะกรรมการพัฒนาจังหวัด แต่เมื่อผู้ว่าฯรายนี้กลับดำเนินการใช้งบประมาณ โดยที่ไม่มีการประชุมกับคณะกรรมการพัฒนาจังหวัดแต่อย่างใด
2. มีการเรี่ยไรเงินจากบริษัทห้างร้านภายในจังหวัด เพื่อจัดงานคล้ายวันเกิดให้กับภรรยาของตนเอง โดยอ้างว่าเป็นการจัดงานสังสรรค์กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า งานดังกล่าวได้กำหนดธีมเป็นคาวบอยไนท์ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมทั้งในพื้นที่ และมีกระแสข่าวมาถึงส่วนกลางด้วยฃ
** สวาปามงบ อปท.-เมียกร่าง
3. มีการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง โดยเมื่อมีการเบิกจ่ายงบประมาณ ก็จะส่งตัวแทนหรือให้บริษัทห้างร้านเข้าไปตกลงเรื่องผลประโยชน์ก่อนที่จะได้เบิกจ่ายเงิน ถ้าไม่ยินยอมก็จะเบิกจ่ายล่าช้า โดยเฉพาะงบประมาณของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
4. มีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติหัวหน้าส่วนราชการและผู้ใต้บังคับบัญชา โดยใช้วาจาไม่สุภาพ หยาบคาย และบังคับข่มขืนใจข้าราชการชั้นผู้น้อยให้กระทำตามที่ตนเองต้องการ จนมีการฟ้องร้องต่อศาลอยู่ในขณะนี้
และ 5.ภรรยาผู้ว่าฯรายนี้เข้ามาก้าวก่ายการทำงานทั้งที่ศาลากลางและทั่วไป เมื่อไม่นานมานี้ยังได้ลุแก่อำนาจ โดยตบหน้าปลัดอำเภอรายหนึ่งภายในงานศพของมารดาตัวเอง
ทั้งนี้ในช่วงท้ายของหนังสือยังได้ระบุว่า ขอให้ย้าย นาย.......................... ไปราชการที่อื่น แล้วส่งข้าราชการดีๆที่มีฝีมือมาแทน เพราะว่าผู้ว่าราชการจังหวัดคนนี้มาอยู่จังหวัด................ เพื่อ “มาฝึกผู้ว่าฯ มารอเกษียณ”.
