ศูนย์ข่าวศรีราชา - รัฐระดมกำลังเจ้าหน้าที่นับร้อยลงพื้นที่หาข้อมูลจัดระเบียบร่มเตียงชายหาดพัทยา ยืนกรานนโยบายปรับลดพื้นที่เหลือ 1 รายต่อ 1 ล็อก ไม่สนแรงกระเพื่อมยึดเกณฑ์ทะเบียนปี 51 เป็นหลัก แต่เปิดช่องผู้ประกอบการตัวจริงเดือดร้อนให้ยื่นคำร้องเพื่อพิจารณาผ่อนปรนเป็นบางกรณี ระบุสิ้นเดือนตุลาคมได้พื้นที่ชายหาดคืน
จากกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดระเบียบการประกอบการร่มเตียงชายหาดในพื้นที่เมืองพัทยาขึ้น 1 ชุด ซึ่งรวมเอาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจังหวัดชลบุรี อำเภอบางละมุง เมืองพัทยา มทบ.14 สภ.เมืองพัทยา สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค ตำรวจท่องเที่ยว และองค์กรภาคธุรกิจในพื้นที่ เพื่อเข้าร่วมในการกำหนดแนวทางการจัดระเบียบความเรียบร้อยบนพื้นที่ชายหาดพัทยา และจอมเทียน และเพื่อให้เกิดความสอดคล้องต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านความเป็นระเบียบในแหล่งท่องเที่ยวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ได้ดำเนินการไปแล้วในหลายพื้นที่
เช่น ชายหาดจังหวัดภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกำหนดนโยบายในการให้ทำการลดพื้นที่ทำกินในส่วนของผู้ประกอบการร่มเตียงทั้ง 2 ชายหาด เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่นั้น
ล่าสุด วันนี้ (25 ก.ย.) นายเชาวลิตร แสงอุทัย ปลัดจังหวัดชลบุรี ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการฯ ได้จัดประชุมร่วมผู้เกี่ยวข้อง และชุดปฏิบัติงานที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อชี้แจงนโยบาย และแผนการปฏิบัติในการจัดชุดกำลังเจ้าหน้าที่ที่สนธิกำลังกันระหว่างหน่วยงานต่างๆรวม 10 ชุด ลงพื้นที่ชายหาดทั้ง 2 แห่ง เพื่อทำการสำรวจพื้นที่ทำกิน และสืบค้นข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ประกอบการร่มเตียงในแต่ละราย
เช่น ประวัติผู้ครอบครอง จำนวนร่มเตียง ปัญหาลูกจ้าง การได้มาซึ่งสิทธิ เรื่องของการเช่าซื้อ และเรื่องของการเรียกผลประโยชน์จากบุคคลภายนอก รวมทั้งการสอบถามความคิดเห็นในกรณีของการปรับลดพื้นที่ทำกินตามนโยบายของภาครัฐ ก่อนจะทำการปล่อยแถวกำลังในเวลาต่อมาซึ่งมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเข้าร่วมกว่า 100 นาย
นายเชาวลิตร เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นการลงปฏิบัติวันแรกซึ่งมีกำหนดระยะเวลาการทำงาน 2 วัน ซึ่งจะเน้นให้ชุดปฏิบัติทำการรังวัดพื้นที่ทำกิน รวมทั้งสืบประวัติจากผู้ประกอบการให้ครอบคลุมในทุกด้านตามกรอบกติกาที่เคยออกระเบียบไว้ เพื่อนำมาใช้ประกอบในการพิจารณาของคณะกรรมการชุดใหญ่ โดยจะเน้นเรื่องของพื้นที่ และผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของเดิมที่ลงทะเบียนไว้กับเมืองพัทยาในปี 2551 เป็นหลัก
ทั้งนี้ จะยังคงเน้นนโยบายเรื่องของการปรับลดพื้นที่จากเดิมที่มีการครอบครองสิทธิคนละหลายล็อก ให้เหลือเพียง 1 รายต่อ 1 ล็อกเท่านั้น เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวสามารถใช้ประโยชน์บนพื้นที่ชายหาดได้สูงสุด
สำหรับปัญหาเรื่องของการเช่าช่วง หรือการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์หลังปี 51 นั้น กรณีดังกล่าวคงต้องหยิบยกมาพิจารณาเป็นรายๆ ไปว่ามีการเช่าซื้อมาจากใคร มีการเรียกเก็บผลประโยชน์อย่างใด เหมือนกรณีที่มีการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คนในครอบครัวหลังปี 51 ซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องนำมาพิจารณาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับชายหาดถือเป็นที่สาธารณะที่ทุกคนมีสิทธิใช้ประโยชน์ ดังนั้น ในส่วนของผู้ประกอบการร่มเตียงก็ถือว่าหากิน และทำประโยชน์มานานก็ควรคืนพื้นที่แก่สังคมบ้าง และผู้ได้ประโยชน์ก็ควรเป็นภาครัฐที่อนุญาตให้ทำกินไม่ใช่เอาพื้นที่ไปขาย ให้เช่า หรือเซ้งหารายได้กันเหมือนที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า การดำเนินการจะเป็นไปอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งคาดว่าคงจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้
ด้าน นายวีระศักดิ์ เชี่ยวกิจ ผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดพัทยา กล่าวถึงการจัดระเบียบร่มเตียงของภาครัฐในครั้งนี้ว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้วเห็นด้วยที่จะมีการจัดระเบียบร่มเตียงอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ แต่การที่จะให้มีการลดพื้นที่ทำกินในการครอบครองให้เหลือเพียง 1 รายต่อ 1 ล็อกนั้นไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้รายได้ของผู้ประกอบการลดลงอย่างมาก
อีกทั้งหากมีการเพิ่มพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวในการมานั่งอาบแดดก็จะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวรวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจลดลง จึงอยากจะขอความเป็นธรรมจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของการพิจารณาเรื่องขอการปรับลดพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการด้วย
ส่วนที่มีคนในสังคมมองว่า กลุ่มผู้ประกอบการเป็นกลุ่มคนที่ทำลายภาพลักษ์การท่องเที่ยวให้เกิดความเสียหายนั้น เรื่องนี้จะต้องขอความเป็นธรรมว่า อยากให้มองภาพของความเป็นจริง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นหลายอย่างไม่ได้มาจากผู้ประกอบการเพียงฝ่ายเดียว แต่อาจเกิดจากนักท่องเที่ยวบางรายที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วย แต่ทุกคนกลับมองว่าเป็นการรังแกนักท่องเที่ยวเท่านั้น