โลกกำลังเผชิญกับปัญหาสารพัด ความจริงข้อนี้คงเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดแล้ว ผู้มองเห็นปัญหาและมีจิตวิญญาณมักต้องการจะช่วยแก้ไข แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรได้บ้าง หรือรู้สึกว่าตนเพียงคนเดียวจะทำอะไรก็คงไม่เกิดผล ย้อนไปในสมัยหนึ่ง ผมก็คิดเช่นนั้น จนกระทั่งได้อ่านทฤษฎีความอลวนของศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ (Edward Lorenz) ทฤษฎีนี้มีผีเสื้อเป็นจุดเด่น ผมจึงเรียกว่าเป็นทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก
ย้อนไปเมื่อสมัยศาสตราจารย์ลอเรนซ์เริ่มเสนอทฤษฎีเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้เชี่ยวชาญในวงการวิทยาศาสตร์พากันมองว่า เขาไม่บ้าก็เมา ทั้งนี้ เพราะเขาเสนอว่า ในภาวะที่เหมาะสม แรงลมจากการกระพือปีกของผีเสื้อที่ประเทศบราซิลในทวีปอเมริกาใต้จะทำให้เกิดพายุใหญ่ที่รัฐเท็กซัสในทวีปอเมริกาเหนือ หลังจากเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจึงถึงบางอ้อและต่อมาได้ยกย่องทฤษฏีผีเสื้อกระพือปีกว่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้ทฤษฎีของไอสไตน์
หลังจากเกิดความมั่นใจในทฤษฎีนั้น ผมได้เริ่มทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พอทำได้และเขียนกลอนปลอบใจไว้ดังนี้
จะขอเป็น เช่นผีเสื้อ ผู้เชื่อมั่น
ว่าสักวัน ภาวะ จะเหมาะสม
ปีกบางบาง จะสร้าง กระแสลม
เป็นพายุ แห่งสังคม อุดมการณ์
ในบรรดาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมทำมานับสิบปี มีเรื่องหนึ่งซึ่งผมใคร่เชิญชวนให้คนไทยหลายๆ คนลองทำด้วย เรื่องนี้ผมมองว่าไม่น่ายากถึงแม้ว่าตอนเริ่มใหม่ๆ เราอาจต้องฝืนใจบ้างก็ตาม นั่นคือ เปลี่ยนการรับประทานอาหารจำพวกแป้ง
ตามธรรมดา อาหารในหมู่แป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต เรารับประทานข้าวเป็นตัวยืน ข้าวอาจเป็นข้าวสวย ข้าวเหนียว เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นขนมจีน ฯลฯ ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสโลกกว้างอาจรับประทานขนมปังและอาหารที่ทำจากแป้งข้าวสาลี เช่น เส้นสปาเกตตี้ หรือบางทีอาจมีมันฝรั่งนึ่งและทอด
ผมเปลี่ยนการรับประทานอาหารในหมู่แป้งอย่างไร?
ขอเรียนว่า ผมก็เหมือนคนไทยทั่วไปที่เติบโตในชนบทคือ คุ้นเคยกับการรับประทานข้าววันละสามมื้อ ในตอนเด็กๆ มักเป็นข้าวสารซ้อมมือที่นำมาหุงแบบชาวชนบททั่วไปในสมัยก่อน เมื่อเวลาผ่านไป ข้าวซ้อมมือก็กลายเป็นข้าวสารขัดขาวที่ซื้อจากโรงสี นอกจากนั้น แม่ผมมักทำขนมจีนขายในช่วงฤดูแล้ง ฉะนั้น อาหารแป้งที่ผมคุ้นเคยรองลงมาจากข้าวสวยคือขนมจีน เวลาผ่านไปหลายสิบปีก่อนที่ผมจะมีความรู้และกล้าพอที่จะลดการรับประทานอาหารแป้งทั้งสองนั้นและรับประทานอาหารอื่นแทน
ตามปกติถ้าผมอยู่บ้าน อาหารในหมู่แป้งของผมหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปหลายอย่างและมักประกอบด้วย ข้าวกล้อง ข้าวโพด เผือก มันสำปะหลัง มันฝรั่ง มันเทศ ฟักทองและกล้วย ทุกอย่างทำให้สุกแบบง่ายๆ โดยใช้การหุง ต้ม นึ่ง หรือใส่ไมโครเวฟ ยกเว้นกล้วยสุกที่ปอกรับประทานทันที
การหมุนเวียนกันอย่างนี้มีข้อดีหลายอย่าง เช่น มีโอกาสได้รับธาตุอาหารครบถ้วนกว่าการรับประทานข้าวสวยเพียงอย่างเดียว แคลอรีที่ได้รับต่ำกว่าการรับประทานข้าว ส่งผลให้คุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น (ซึ่งเหมาะกับผู้ทำงานในสำนักงานที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวมาก) และใช้น้ำและพลังงานน้อยลง ข้อสุดท้ายนี้คงต้องชี้แจงเพิ่ม
ประเด็นแรกเกี่ยวกับการใช้น้ำ การปลูกข้าวต้องใช้น้ำไม่ต่ำกว่า 6 เท่าของพืชอื่น ฤดูฝนอาจเหมาะกับการปลูกข้าว แต่ฤดูแล้งเหมาะแก่การปลูกอย่างอื่นมากกว่า ถ้าเรารับประทานอาหารแป้งอื่นๆ มากขึ้น เกษตรกรย่อมหันไปปลูกสิ่งเหล่านั้นมากขึ้น เราทราบดีว่า นั่นย่อมทำให้เกิดการปลูกพืชหลากหลายแทนการปลูกเชิงเดี่ยวมากขึ้น อันเป็นการส่งผลดีต่อธรรมชาติและลดความเสี่ยงให้แก่เกษตรกร
ประเด็นที่สองเกี่ยวกับการใช้พลังงาน ก่อนจะมาเป็นข้าวสวยรับประทานได้ เราต้องนำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวจากนามาสี/ซ้อมแล้วจึงนำมาหุง นั่นเป็นการใช้พลังงาน 2 ครั้ง ส่วนสิ่งอื่นเรานำมาทำให้สุกได้ทันทีอันเป็นการใช้พลังงานครั้งเดียวหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ส่วนกล้วยไม่ต้องใช้พลังงานแม้แต่ครั้งเดียวนอกจากการปอกและเคี้ยวของเราเท่านั้น
สำหรับขนมจีนและก๋วยเตี๋ยวซึ่งผมหลีกเลี่ยงนอกจากในสภาพที่ไม่มีทางเลือกเท่านั้น ก่อนจะเป็นเส้น ต้องมีกรรมวิธีเพิ่มอีกคือ จากสี/ซ้อม ต้องทำเป็นแป้ง ทำเป็นเส้น และก่อนรับประทานต้องมาทำให้สุกอีกครั้ง นั่นเป็นการเพิ่มการใช้พลังงานอีก 2 ขั้นตอน เราทราบกันดีแล้วว่า การใช้พลังงานเพิ่มค่าใช้จ่ายและส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน
ถ้าเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้องเพิ่มการนำไปทำให้แห้งก่อนบรรจุห่อ ต่อด้วยการต้มอีกครั้งก่อนรับประทาน นอกจากจะเพิ่มการใช้พลังงานแล้ว อาหารในกลุ่มนี้มีอันตรายต่อร่างกายซึ่งการวิจัยได้พิสูจน์แล้ว (การวิจัยล่าสุดทำในเกาหลีใต้ซึ่งเป็นชาติที่นิยมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากที่สุดในโลกและลงพิมพ์ในวารสาร The Journal of Nutrition เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา) อันตรายมาจากการใช้เกลือ ผงชูรสและสารกันบูดปริมาณมาก ฉะนั้น ผมจะไม่รับประทานอาหารจำพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแม้บางครั้งจะต้องอยู่ในสภาพที่ไม่มีแม่บ้านทำอาหารให้เป็นเวลานับเดือนก็ตาม
ในทำนองเดียวกัน ผมหลีกเลี่ยงอาหารฝรั่งจำพวกขนมปังและสปาเกตตี้ ทั้งนี้เพราะอาหารเหล่านั้นใช้พลังงานหลายขั้นตอนเช่นเดียวกับก๋วยเตี๋ยวและขนมจีน
อาจมีผู้สงสัยว่า การรับประทานอาหารดังกล่าวแทนข้าวจะทำให้เรารู้สึกอิ่มหรือ ขอเรียนว่าในช่วงเวลาเริ่มต้น ผมมีความรู้สึกว่าขาดอะไรไปสักอย่าง แต่หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน ความรู้สึกนั้นก็หายไป
สำหรับท่านที่มองว่า การกระทำที่เล่ามาเป็นการกระทำของคนบ้าที่คงไม่ช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ขอเรียนว่า ท่านอาจมองถูก ส่วนผมยังมั่นใจในทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก ภาวะที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อไรผมไม่ทราบ จึงขอกระพือปีกต่อไป ผมแน่ใจว่า การกระทำที่เล่ามานี้ไม่น่าจะมีผลร้ายแม้ผลดีจะไม่มีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ก็ตาม สำหรับท่านผู้อ่านที่มองว่าผมมีเหตุผลน่าคล้อยตาม ขอเชิญมาร่วมกันทำดังที่ผมทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ
ย้อนไปเมื่อสมัยศาสตราจารย์ลอเรนซ์เริ่มเสนอทฤษฎีเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้เชี่ยวชาญในวงการวิทยาศาสตร์พากันมองว่า เขาไม่บ้าก็เมา ทั้งนี้ เพราะเขาเสนอว่า ในภาวะที่เหมาะสม แรงลมจากการกระพือปีกของผีเสื้อที่ประเทศบราซิลในทวีปอเมริกาใต้จะทำให้เกิดพายุใหญ่ที่รัฐเท็กซัสในทวีปอเมริกาเหนือ หลังจากเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจึงถึงบางอ้อและต่อมาได้ยกย่องทฤษฏีผีเสื้อกระพือปีกว่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้ทฤษฎีของไอสไตน์
หลังจากเกิดความมั่นใจในทฤษฎีนั้น ผมได้เริ่มทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พอทำได้และเขียนกลอนปลอบใจไว้ดังนี้
จะขอเป็น เช่นผีเสื้อ ผู้เชื่อมั่น
ว่าสักวัน ภาวะ จะเหมาะสม
ปีกบางบาง จะสร้าง กระแสลม
เป็นพายุ แห่งสังคม อุดมการณ์
ในบรรดาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมทำมานับสิบปี มีเรื่องหนึ่งซึ่งผมใคร่เชิญชวนให้คนไทยหลายๆ คนลองทำด้วย เรื่องนี้ผมมองว่าไม่น่ายากถึงแม้ว่าตอนเริ่มใหม่ๆ เราอาจต้องฝืนใจบ้างก็ตาม นั่นคือ เปลี่ยนการรับประทานอาหารจำพวกแป้ง
ตามธรรมดา อาหารในหมู่แป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต เรารับประทานข้าวเป็นตัวยืน ข้าวอาจเป็นข้าวสวย ข้าวเหนียว เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นขนมจีน ฯลฯ ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสโลกกว้างอาจรับประทานขนมปังและอาหารที่ทำจากแป้งข้าวสาลี เช่น เส้นสปาเกตตี้ หรือบางทีอาจมีมันฝรั่งนึ่งและทอด
ผมเปลี่ยนการรับประทานอาหารในหมู่แป้งอย่างไร?
ขอเรียนว่า ผมก็เหมือนคนไทยทั่วไปที่เติบโตในชนบทคือ คุ้นเคยกับการรับประทานข้าววันละสามมื้อ ในตอนเด็กๆ มักเป็นข้าวสารซ้อมมือที่นำมาหุงแบบชาวชนบททั่วไปในสมัยก่อน เมื่อเวลาผ่านไป ข้าวซ้อมมือก็กลายเป็นข้าวสารขัดขาวที่ซื้อจากโรงสี นอกจากนั้น แม่ผมมักทำขนมจีนขายในช่วงฤดูแล้ง ฉะนั้น อาหารแป้งที่ผมคุ้นเคยรองลงมาจากข้าวสวยคือขนมจีน เวลาผ่านไปหลายสิบปีก่อนที่ผมจะมีความรู้และกล้าพอที่จะลดการรับประทานอาหารแป้งทั้งสองนั้นและรับประทานอาหารอื่นแทน
ตามปกติถ้าผมอยู่บ้าน อาหารในหมู่แป้งของผมหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปหลายอย่างและมักประกอบด้วย ข้าวกล้อง ข้าวโพด เผือก มันสำปะหลัง มันฝรั่ง มันเทศ ฟักทองและกล้วย ทุกอย่างทำให้สุกแบบง่ายๆ โดยใช้การหุง ต้ม นึ่ง หรือใส่ไมโครเวฟ ยกเว้นกล้วยสุกที่ปอกรับประทานทันที
การหมุนเวียนกันอย่างนี้มีข้อดีหลายอย่าง เช่น มีโอกาสได้รับธาตุอาหารครบถ้วนกว่าการรับประทานข้าวสวยเพียงอย่างเดียว แคลอรีที่ได้รับต่ำกว่าการรับประทานข้าว ส่งผลให้คุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น (ซึ่งเหมาะกับผู้ทำงานในสำนักงานที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวมาก) และใช้น้ำและพลังงานน้อยลง ข้อสุดท้ายนี้คงต้องชี้แจงเพิ่ม
ประเด็นแรกเกี่ยวกับการใช้น้ำ การปลูกข้าวต้องใช้น้ำไม่ต่ำกว่า 6 เท่าของพืชอื่น ฤดูฝนอาจเหมาะกับการปลูกข้าว แต่ฤดูแล้งเหมาะแก่การปลูกอย่างอื่นมากกว่า ถ้าเรารับประทานอาหารแป้งอื่นๆ มากขึ้น เกษตรกรย่อมหันไปปลูกสิ่งเหล่านั้นมากขึ้น เราทราบดีว่า นั่นย่อมทำให้เกิดการปลูกพืชหลากหลายแทนการปลูกเชิงเดี่ยวมากขึ้น อันเป็นการส่งผลดีต่อธรรมชาติและลดความเสี่ยงให้แก่เกษตรกร
ประเด็นที่สองเกี่ยวกับการใช้พลังงาน ก่อนจะมาเป็นข้าวสวยรับประทานได้ เราต้องนำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวจากนามาสี/ซ้อมแล้วจึงนำมาหุง นั่นเป็นการใช้พลังงาน 2 ครั้ง ส่วนสิ่งอื่นเรานำมาทำให้สุกได้ทันทีอันเป็นการใช้พลังงานครั้งเดียวหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ส่วนกล้วยไม่ต้องใช้พลังงานแม้แต่ครั้งเดียวนอกจากการปอกและเคี้ยวของเราเท่านั้น
สำหรับขนมจีนและก๋วยเตี๋ยวซึ่งผมหลีกเลี่ยงนอกจากในสภาพที่ไม่มีทางเลือกเท่านั้น ก่อนจะเป็นเส้น ต้องมีกรรมวิธีเพิ่มอีกคือ จากสี/ซ้อม ต้องทำเป็นแป้ง ทำเป็นเส้น และก่อนรับประทานต้องมาทำให้สุกอีกครั้ง นั่นเป็นการเพิ่มการใช้พลังงานอีก 2 ขั้นตอน เราทราบกันดีแล้วว่า การใช้พลังงานเพิ่มค่าใช้จ่ายและส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน
ถ้าเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้องเพิ่มการนำไปทำให้แห้งก่อนบรรจุห่อ ต่อด้วยการต้มอีกครั้งก่อนรับประทาน นอกจากจะเพิ่มการใช้พลังงานแล้ว อาหารในกลุ่มนี้มีอันตรายต่อร่างกายซึ่งการวิจัยได้พิสูจน์แล้ว (การวิจัยล่าสุดทำในเกาหลีใต้ซึ่งเป็นชาติที่นิยมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากที่สุดในโลกและลงพิมพ์ในวารสาร The Journal of Nutrition เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา) อันตรายมาจากการใช้เกลือ ผงชูรสและสารกันบูดปริมาณมาก ฉะนั้น ผมจะไม่รับประทานอาหารจำพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแม้บางครั้งจะต้องอยู่ในสภาพที่ไม่มีแม่บ้านทำอาหารให้เป็นเวลานับเดือนก็ตาม
ในทำนองเดียวกัน ผมหลีกเลี่ยงอาหารฝรั่งจำพวกขนมปังและสปาเกตตี้ ทั้งนี้เพราะอาหารเหล่านั้นใช้พลังงานหลายขั้นตอนเช่นเดียวกับก๋วยเตี๋ยวและขนมจีน
อาจมีผู้สงสัยว่า การรับประทานอาหารดังกล่าวแทนข้าวจะทำให้เรารู้สึกอิ่มหรือ ขอเรียนว่าในช่วงเวลาเริ่มต้น ผมมีความรู้สึกว่าขาดอะไรไปสักอย่าง แต่หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน ความรู้สึกนั้นก็หายไป
สำหรับท่านที่มองว่า การกระทำที่เล่ามาเป็นการกระทำของคนบ้าที่คงไม่ช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ขอเรียนว่า ท่านอาจมองถูก ส่วนผมยังมั่นใจในทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก ภาวะที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อไรผมไม่ทราบ จึงขอกระพือปีกต่อไป ผมแน่ใจว่า การกระทำที่เล่ามานี้ไม่น่าจะมีผลร้ายแม้ผลดีจะไม่มีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ก็ตาม สำหรับท่านผู้อ่านที่มองว่าผมมีเหตุผลน่าคล้อยตาม ขอเชิญมาร่วมกันทำดังที่ผมทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ