xs
xsm
sm
md
lg

จำกัดเป้าคดีนักท่องเที่ยว "บิ๊กตู่"ปรามอย่าเต้นตามสื่อนอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผบช.ภ. 8 ยันคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษ บีบเป้าหมายแคบลงเหลือคนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เวลา 02.00-05.00 น. ของวันเกิดเหตุในรัศมี 100-200 เมตร เก็บพยานหลักฐานแล้ว 80-90% แต่ยังไม่ควบคุมตัวหรือออกหมายจับใคร ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถเปิดเผยได้ เหตุเป็นหลักฐานสำคัญ ด้าน"ประยุทธ์"ปรามอย่าเต้นตามสื่อนอก-ขยายปัญหา ฟิวส์ขาดเจอสื่อถามถึงฝีมือตำรวจ ลั่นอย่าดูถูก

จากเหตุคนร้ายลงมือฆ่าโหดนายเดวิด วิลเลี่ยม และน.ส.ฮันนาห์ วิคทอเรีย นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ อายุ 24 ปีทั้งสองคน บริเวณชายหาดทรายรี เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 15 กันยายน ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และตำรวจภูธรภาค 8 ได้ร่วมกับสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งชุดสืยสวนจากกองปราบปราม และตำรวจนครบาล ลงไปช่วยคลี่คลายคดีนั้น

วานนี้(25 ก.ย.)พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ. 8 ให้สัมภาณ์ที่จ.ภูเก็ต ว่าการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยมุ่งเป้าหมายที่แคบลงเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุช่วงเวลา 02.00-05.00 น. ของวันที่เกิดเหตุ ซึ่งได้มีการตรวจสอบพยานหลักฐานไปแล้ว 80 -90% ส่วนบุคคลที่ยังหลงเหลืออยู่ อาจจะอยู่ในกลุ่มที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบ ซึ่งจนถึงขณะนี้ขอยืนยันว่ายังไม่มีการออกหมายจับและยังไม่แจ้งข้อหาใคร แต่ที่บอกว่าคืบหน้าไป 80-90% เนื่องจากขณะนี้เราสามารถจำกัดกลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดได้แคบลงแล้ว เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในรัศมี 100-200 เมตรจากจุดที่เกิดเหตุ

ส่วนเรื่องวัตถุพยานและภาพจากกล้องวงจรปิด ถือเป็นวัตถุพยานที่สำคัญ ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าว่ามีภาพอะไบ้าง เพราะเป็นหลักฐานสำคัญ ที่ผ่านมาหลายคนสงสัยว่าทำไมไม่ดำเนินคดีกับคนโน้นคนนี้ ซึ่งขอยืนยันว่าตำรวจทำแบบเป็นขั้นเป็นตอน คนที่กระทำความความผิดอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุช่วงเวลา 02.00-04.00 น. แน่นอน

พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า สำหรับผลการตรวจดีเอ็นเอของบุคคลที่นำตัวมาทำประวัติ ยังไม่ตรงกับดีเอ็นเอในตัวผู้เสียชีวิต ซึ่งรวมถึงบุคคลที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นผู้กว้างขวางบนเกาะเต่า คนงานของเขา รวมทั้งเครือญาติ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ผู้ต้องสงสัยที่เป็นข่าวว่าหลบหนีมากบดานอยู่ในกรุงเทพฯ ตรวจสอบแล้วไม่ได้อยู่บนเกาะเต่าช่วงวันเกิดเหตุ จึงไม่มีน้ำหนักทางคดี สำหรับคนบนเกาะเต่าก็ให้ความร่วมมือ มีการตั้งชมรมช่วยตำรวจทำงาน ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวที่โพสข้อความถูกข่มขู่นั้นได้สอบปากคำไปแล้ว ซึ่งการจะโพสข้อความไม่สามารถห้ามได้ แต่ถ้าพาดพิงใครคนโพสก็ต้องรับผิดชอบเอง ถ้ามีการฟ้องร้องกันขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หลายคนมองว่าตำรวจทำงานล่าช้า พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า การทำงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่การสืบสวนยังไม่เจอตัวเท่านั้ แต่สิ่งที่ทำแลก้าวหน้าไปมาก คือ การรวบรวมพยานหลักฐานที่จะนำมจับกุมคนร้าย ถ้าได้ตัวมาก็ไม่ต้องซักถามกันมาก หลักฐานที่มีอยู่สามารถยืนยันได้ โดยความคืบหน้าคดีต่อไปนี้ ตนจะเป็นผู้ให้ข่าวเพียงคนเดียว พื่อป้องกันความสับสนของข่าว ส่วนประเด็นการสังหาร ยังไม่ระบุชัดเจนว่าเพราะสาเหตุอะไร

"ผมได้สั่งการให้ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวทุกแหล่งแล้ว จุดไหนมีศักยภาพติดกล้องวงจรปิดได้ก็ให้ดำเนินการ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันดูแล ส่วนที่เกาะเต่ได้เสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอตั้งสถานีตำรวจบนเกาะเต่าแล้ว เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ซึ่งต้องขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วย"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีนิตยสาร TIME ของอังกฤษ โจมตีการทำงานของตำรวจไทยว่า เราก็อย่าไปช่วยเขาโจมตี เราก็รูอยู่ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่าย เนื่องจากเป็นเกาะมีการใช้เรือ มีการคนสัญจรเป็นพันคน แต่เชื่อว่าไม่นานเจ้าหน้าที่ต้องรู้ ถ้าเร่งรัดมากอาจจะผิดตัว วันนี้เราพยายามใช้นิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วย จะไม่มีการจับแพะ เพราะถ้าตรวจดีเอ็นเอแล้วไม่ใช่ก็คือไม่ใช่

เมื่อถามว่าปัญหามาจากอะไรที่ทำให้ยังจับคนร้ายไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาคือมีคนไปทำความผิดฆ่าคนตาย แต่อย่ามาบอกว่าผิดเพราะมีผู้มีอิทธิพล มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความสามารถ พูดอย่างนี้มันไม่ได้อะไรขึ้นมา

อันนี้ยิ่งกวดขันที่สุดแล้ว ทุกเช้าต้องรายงานมาทุกวัน นี่กวดเขาแล้วน ะคดีอื่นผมไม่ได้ไปกวดเขาเลยนะ ผมว่าเขาเต้นกันผางๆหมด แต่ปัญหาอยู่ที่ความยากง่ายของคดีมันเป็นยังไง เขารู้ว่าต้องสอบจากอะไรยังไง เราต้องไปแก้ตรงนั้น ไปช่วยรัฐ นิตยสารต่างประเทศเขาพูดมาก็อย่าไปขยายความให้เขา ประเทศชาติเสียหาย เรามาแก้ของเรา ถ้าเราไม่แก้กันเองแล้วใครจะมาแก้ ไทม์เขาจะมาแก้ให้เรามั้ย"

ผู้สื่อข่าวแย้งว่าเขามาชี้ให้เราไปให้ถูกทาง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ให้ไทม์ส่งคนมาชี้ ชอบไปรับอำนาจคนอื่นเขามาเรื่อย ผมไม่เข้าใจ ไปเอาม าถ้ามีข้อมูลอะไรไปหามา แล้วส่งมาเป็นทางการ"

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ของเรามีฝีมือหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า "ไม่มีมั้ง" และว่าตำรวจทั้งประเทศมี 8 แสนกว่านาย ท่านบอกว่าตำรวจไม่ได้เรื่อง ถามว่าเขาจะมีกำลังใจทำงานหรือไม่ แล้วคดีอื่นๆอีกเท่าไหร่ เฉพาะคดีนี้คดีเดียวตำรวจเสียหายทั้งกรมเลยหรือไม่ มันก็ไม่ใชฉะนั้นพูดอะไรกันต้องระมัดระวังหน่อย ให้เกียรติคนที่เขาทำงาน คนทำงานดีก็มี คนไม่ดีก็มี ตนไม่ได้ปกป้องคนไม่ดี ถ้าเราไปทำให้องค์กรเสียหาย ต่อไปเขาจะทำงานหรือไม่ เรากำลังจะพัฒนาจะปฏิรูปตำรวจก็บอกว่าไม่สำเร็จอีก ก็มันดูถูกกันตั้งแต่วันแรก คนไทยด้วยกันดูถูกคนไทยด้วยกันแล้วมันจะทำอะไรสำเร็จ ตนขอถามหน่อย

ผู้สื่อข่าวตอบโต้ว่า สื่อเองก็หวังดีต่อประเทศชาติเช่นกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แต่วิธีการของสื่อพูดให้ดีกว่านี้หน่อย ตนรับไม่ได้ ดูถูกคนไปหมด เขาเป็นตำรวจมา 30 กว่าปี ท่านเคยไปสอบสวนใครเหมือนที่เขาทำหรือไม่ ถ้าท่านมองคนแบบนี้อยู่กันไม่ได้ ทะเลาะกันแบบเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น