ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยันคดีฆ่านักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บพยานหลักฐานคืบหน้าแล้ว 80-90% แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการควบคุมตัว หรือจับกุมใครมาดำเนินคดี ขณะที่ผลตรวจดีเอ็นเอจากกลุ่มแรงงานต่างด้าวยังไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่พบในตัวผู้เสียชีวิต พร้อมเผยตั้งสถานีตำรวจที่เกาะเต่า สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว
สำหรับความคืบหน้าการสืบสวนคดีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆาตกรรมบนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งล่วงเลยมาเป็นเวลา 11 วันแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเดินหน้าเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่บนเกาะเต่า อย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ (25 ก.ย.) ตำรวจชุดสืบสวนได้นำแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ที่ทำงานบนเกาะเต่า อีกจำนวน 7 ราย มาจัดทำประวัติ และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับตัวอย่างดีเอ็นเอที่พบจากศพ น.ส.ฮานนา นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นดีเอ็นเอของชายชาวเอเชีย หลังจากตำรวจได้ปรับแนวทางสืบสวนคดีขึ้นใหม่ ได้มีการระดมชุดสืบสวนปูพรมลงพื้นที่เกาะเต่า เพื่อนำแรงงานต่างด้าวมาเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเพิ่มเติม ภายหลังตัวอย่างจากผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยที่เก็บมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ เปรียบเทียบแล้วไม่ตรงกัน
ขณะที่วันนี้ (25 ก.ย.) พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวที่จังหวัดภูเก็ต ถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษทั้ง 2 ราย ว่า ขณะนี้การสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยมุ่งเป้าหมายที่แคบลง เป็นการสืบสวนสอบส่วนในส่วนของบุคคลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลา 02.00-05.00 น. ของวันที่เกิดเหตุ การตรวจแยกบุคคลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และมีพยานหลักฐานไปถึง หรือมีข้อมูลในการสืบสวนนั้นได้มีการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ไปแล้ว 80-90% ส่วนบุคคลที่ยังหลงเหลืออยู่นั้นอาจจะอยู่ในกลุ่มที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่ และจากการตรวจสอบที่ผ่านมา ยังไม่พบว่าผู้ใดมีวัตถุพยาน หรือมีหลักฐานที่จะเกี่ยวโยงไปถึงผู้กระทำความผิดได้ จนถึงขณะนี้ขอยืนยันว่า ยังไม่มีการออกหมายจับใคร และยังไม่มีการแจ้งข้อหาใคร แต่ที่บอกว่ามีความคืบหน้าไปแล้ว 80-90% ก็เนื่องจากขณะนี้เราสามารถจำกัดกลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดได้แคบลงมาแล้ว และเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในรัศมี 100-200 เมตรบริเวณจุดที่เกิดเหตุ ในช่วงวันเวลาที่เกิดเหตุ
ส่วนเรื่องของวัตถุพยาน และภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีการตรวจสอบนั้นถือว่าเป็นวัตถุพยานที่สำคัญที่ไม่สามารถจะเปิดเผยได้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงเวลาทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุว่ามีภาพอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะจะเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดี ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมานั้นได้มีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเป็นขั้นเป็นตอน หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่มีการดำเนินคดีต่อคนโน้น คนนี้ ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันว่าทางทางตำรวจดำเนินคดีแบบเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตำรวจมีวัตถุพยาน และมีพยานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว และคนที่กระทำความความผิดเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุในช่วงเวลาตั้งแต่ 02.00-04.00 น. แน่นอน
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ผลการตรวจดีเอ็นเอของบุคคลต่างๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่นำตัวมาทำประวัติ และตรวจสอบผลที่ออกมายังไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่เจอในตัวผู้เสียชีวิตเลย ซึ่งรวมถึงในส่วนของบุคคลที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นผู้กว้างขวางบนเกาะเต่า ก็ได้มีการตรวจดีเอ็นเอแล้วเช่นกัน ซึ่งผลก็ไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่พบที่ตัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ของทางตำรวจเมื่อมีการกล่าวอ้างก็เลยเชิญตัวมาให้ปากคำ ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวอ้างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งการตรวจสอบดีเอ็นเอของคนงานของเขาเอง รวมทั้งเครือญาติ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ซึ่งนอกจากนั้น คนบนเกาะเต่ายังให้ความร่วมมือต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดีมีการตั้งเป็นชมรมขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือตำรวจในการทำงาน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนกรณีของนักท่องเที่ยวที่โพสต์ข้อความว่ามีถูกข่มขู่นั้น ทางตำรวจได้สอบปากคำไปแล้ว ซึ่งการจะโพสต์ข้อความนั้นทางตำรวจไม่สามารถที่จะห้ามได้ แต่ถ้าพาดพิงใครคนโพสต์ก็ต้องรับผิดชอบเองถ้ามีการฟ้องร้องกันขึ้น
ขณะที่การทำงานที่หลายคนมองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานล่าช้านั้น พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า จริงๆ แล้วการทำงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าการสืบสวนยังไม่เจอตัวเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่เราทำ และมีความก้าวหน้าไปมากคือ เรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐานที่จะนำมายืนยันต่อการจับกุมคนร้าย ถ้าได้ตัวมาและนำมายืนยันกับหลักฐานที่มีอยู่ก็จะยืนยันได้ทันทีว่าคนคนนี้เป็นคนร้ายหรือไม่ ไม่ต้องซักถามกันมากหลักฐานที่มีอยู่สามารถยืนยันได้เลย ซึ่งเรื่องของความคืบหน้าคดีฆ่านักท่องเที่ยวที่เกาะเต่านั้นต่อไปนี้ตนจะเป็นผู้ให้ข่าวเพียงคนเดียวเท่านั้นเพื่อป้องกันความสับสนของข่าวที่สื่อออกไป ส่วนประเด็นการสังหารโหดนักท่องเที่ยวนั้นยังไม่ระบุชัดเจนลงไปว่าคนร้ายทำไปเพราะสาเหตุอะไร
พล.ต.ต.ปัญญา ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุคนร้ายฆ่านักท่องเที่ยวอังกฤษนั้น ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มในการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวทุกแหล่งท่องเที่ยวแล้ว จุดไหนมีศักยภาพในการติดกล้องวงจรปิดก็ให้ดำเนินการ รวมทั้งจะต้องมีการขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยว ส่วนที่เกาะเต่านั้นขณะนี้ก็ได้เสนอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอตั้งสถานีตำรวจบนเกาะเต่าแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้นอย่างแน่นอน และขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของบ้านที่ดี เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว