**กลิ่นคาวฉาวโฉ่เรื่องไมโครโฟนแพงระยับ ยังไม่จางหายไปจากกระแสสังคมง่ายๆ เมื่อมันเน่าเหม็นไปแล้วยังไม่สะสางกลบฝังมันก็ยังไม่จบ
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งยุติโครงการ โละทิ้งไปแล้วก็ตาม
ล่าสุด จึงมีการมอบหมายให้ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน สอบขั้นตอนต่างๆ ทั้งการทำทีโออาร์ การว่าจ้างบริษัท การทำสัญญา ว่ามีใครกระทำความผิดหรือไม่
เรื่องนี้มันทะแม่งๆ มาตั้งแต่การตั้งราคาแพงถึงอันละ 145,000 บาท ถ้าไม่มีการทักท้วงทัดทาน ป่านนี้ไม่รู้เงินไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง งาบไปสบายคอแล้วหลายล้าน เมื่อมีการท้วงติงก็สามารถปรับลดราคาลงได้อย่างเหลือเชื่อเหลืออันละ 9 หมื่นกว่าบาท ลดไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
**ไปถามบริษัทห้างร้านที่ทำการค้าขาย ส่ายหน้าร้องไอ้หยา ลดขนาดนี้ทำได้ที่ไหน
มันไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ต้น ที่บอกว่ายังไม่เซ็นสัญญา แต่เอามาติดตั้งก่อน ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น มันผิดหลักการค้าไปหมด ไม่มีที่ไหนทำกัน
ไอ้การปรับลดราคาลงมากระทอกหนึ่งไม่ใช่อื่นใด ก็เพื่อดูกระแสสังคมอีกกระทอกหนึ่งว่า จะเออออห่อหมกด้วยหรือไม่ เรียกว่าจะเอากันให้ได้ แต่แล้วสังคมไม่เล่นด้วย เพราะมันตุกติกกันตั้งแต่แรก ยังจะแถกเหงือกกันต่อไปอีก สังคมก็ไม่วางใจเสียแล้ว
เรื่องนี้คนที่รับบทเป็นหนังหน้าไฟตั้งแต่ต้นยันชั่วโมงนี้ กลายเป็น “หม่อมเหลน”ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พี่แกก็แมนมาก แม้บุคลิกจะดูนุ่มนิ่ม แต่เรื่องใจเกินร้อย แอ่นอกเปิดปากชี้แจงเรื่อยมา ทั้งที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบโดยตรง
**เพราะว่าที่จริงแล้วกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการทำสัญญาบริษัท คนมีอำนาจ ตั้งงบจ่ายงบ คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก่อนหน้านี้ “บิ๊กอู๋” เข้าทำเนียบฯ มาเป็นคนแรกๆ และก็บริหารจัดการงานแทบทุกอย่าง และก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้
ช่วงแรกๆมาดูงานมาตรวจงานด้วยตัวเอง แต่พักหลังเงียบหายไป ยิ่งมีเรื่องฉาวโฉ่ออกมา ก็หายเข้ากลีบเมฆ น่าสงสัยเหมือนกันว่าบริษัทที่ทำเรื่องไมโครโฟนขึ้นมาคือใคร คนเสื้อแดงออกมาป้องปากนินทาว่าเป็น “ญาติของอดีตบิ๊กทหาร”
ต้องย้อนรอยไปดูเส้นทางความไม่ชอบมาพากลให้ลึกเชื่อมโยงเครือข่ายที่จ้องจะโกงกินภาษีประชาชน แล้วจัดการให้ตายอนาถทั้งขบวนการ คสช.อุตส่าห์ยึดอำนาจมาเพื่อปัดกวาดบ้านเมือง และประกาศล้างโกงเป็นนโยบายลำดับต้นๆ
**ไม่ทันไรก็ทำเรื่องงามหน้าเสียวไส้กันเข้าให้แล้ว
เรื่องนี้ต้องขยายความให้จนมุม ห้ามลูบหน้าปะจมูก เอาเครื่องซักฟอกมาฟอกขาว หวังว่าคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) จะไม่สอบแบบมวยล้มต้มคนดู อ้างประเภทว่ายังไม่เกิดการจัดซื้อจริงๆ ได้ยกเลิกไปเสียก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความผิด
**ขืนทำแบบนั้น ไม่สวยแน่ แค่เริ่มรำมวยยังไม่ขึ้นชก กระจับก็หลุดแล้ว จะไปต่อยกับใครก็เสี่ยงหน้าเขียว คสช. มีหวังได้อายตั้งแต่ยกแรกเลยทีเดียว !!!
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งยุติโครงการ โละทิ้งไปแล้วก็ตาม
ล่าสุด จึงมีการมอบหมายให้ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน สอบขั้นตอนต่างๆ ทั้งการทำทีโออาร์ การว่าจ้างบริษัท การทำสัญญา ว่ามีใครกระทำความผิดหรือไม่
เรื่องนี้มันทะแม่งๆ มาตั้งแต่การตั้งราคาแพงถึงอันละ 145,000 บาท ถ้าไม่มีการทักท้วงทัดทาน ป่านนี้ไม่รู้เงินไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง งาบไปสบายคอแล้วหลายล้าน เมื่อมีการท้วงติงก็สามารถปรับลดราคาลงได้อย่างเหลือเชื่อเหลืออันละ 9 หมื่นกว่าบาท ลดไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
**ไปถามบริษัทห้างร้านที่ทำการค้าขาย ส่ายหน้าร้องไอ้หยา ลดขนาดนี้ทำได้ที่ไหน
มันไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ต้น ที่บอกว่ายังไม่เซ็นสัญญา แต่เอามาติดตั้งก่อน ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น มันผิดหลักการค้าไปหมด ไม่มีที่ไหนทำกัน
ไอ้การปรับลดราคาลงมากระทอกหนึ่งไม่ใช่อื่นใด ก็เพื่อดูกระแสสังคมอีกกระทอกหนึ่งว่า จะเออออห่อหมกด้วยหรือไม่ เรียกว่าจะเอากันให้ได้ แต่แล้วสังคมไม่เล่นด้วย เพราะมันตุกติกกันตั้งแต่แรก ยังจะแถกเหงือกกันต่อไปอีก สังคมก็ไม่วางใจเสียแล้ว
เรื่องนี้คนที่รับบทเป็นหนังหน้าไฟตั้งแต่ต้นยันชั่วโมงนี้ กลายเป็น “หม่อมเหลน”ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พี่แกก็แมนมาก แม้บุคลิกจะดูนุ่มนิ่ม แต่เรื่องใจเกินร้อย แอ่นอกเปิดปากชี้แจงเรื่อยมา ทั้งที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบโดยตรง
**เพราะว่าที่จริงแล้วกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการทำสัญญาบริษัท คนมีอำนาจ ตั้งงบจ่ายงบ คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก่อนหน้านี้ “บิ๊กอู๋” เข้าทำเนียบฯ มาเป็นคนแรกๆ และก็บริหารจัดการงานแทบทุกอย่าง และก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้
ช่วงแรกๆมาดูงานมาตรวจงานด้วยตัวเอง แต่พักหลังเงียบหายไป ยิ่งมีเรื่องฉาวโฉ่ออกมา ก็หายเข้ากลีบเมฆ น่าสงสัยเหมือนกันว่าบริษัทที่ทำเรื่องไมโครโฟนขึ้นมาคือใคร คนเสื้อแดงออกมาป้องปากนินทาว่าเป็น “ญาติของอดีตบิ๊กทหาร”
ต้องย้อนรอยไปดูเส้นทางความไม่ชอบมาพากลให้ลึกเชื่อมโยงเครือข่ายที่จ้องจะโกงกินภาษีประชาชน แล้วจัดการให้ตายอนาถทั้งขบวนการ คสช.อุตส่าห์ยึดอำนาจมาเพื่อปัดกวาดบ้านเมือง และประกาศล้างโกงเป็นนโยบายลำดับต้นๆ
**ไม่ทันไรก็ทำเรื่องงามหน้าเสียวไส้กันเข้าให้แล้ว
เรื่องนี้ต้องขยายความให้จนมุม ห้ามลูบหน้าปะจมูก เอาเครื่องซักฟอกมาฟอกขาว หวังว่าคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) จะไม่สอบแบบมวยล้มต้มคนดู อ้างประเภทว่ายังไม่เกิดการจัดซื้อจริงๆ ได้ยกเลิกไปเสียก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความผิด
**ขืนทำแบบนั้น ไม่สวยแน่ แค่เริ่มรำมวยยังไม่ขึ้นชก กระจับก็หลุดแล้ว จะไปต่อยกับใครก็เสี่ยงหน้าเขียว คสช. มีหวังได้อายตั้งแต่ยกแรกเลยทีเดียว !!!
