ท่านที่เป็นชาวพุทธ และคุ้นเคยกับภาษาธรรมะ อันเป็นข้อปฏิบัติของผู้ประพฤติธรรมเพื่อความหลุดพ้น คงจะเคยได้ยินคำว่า สันโดษ เมื่อมีการพูดถึงผู้ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย หรือพื้นๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ด้วยการเรียกขานหรือพรรณนาเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนเยี่ยงนี้ว่าเป็นคนสันโดษ หรือในบางครั้งเรียกคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ว่าเป็นคนสมถะ
ในความเป็นจริง คำว่า สมถะ มิได้มีความหมายว่าเป็นคนเรียบง่าย แต่หมายถึงธรรมะข้อหนึ่งที่ผู้ถือปฏิบัติเพื่อการฝึกจิตให้สงบ เรียกเป็นคำเต็มว่าสมถะกัมมัฏฐาน และผู้ที่จะถือปฏิบัติข้อนี้ได้จะต้องเป็นผู้สันโดษคือมีความเป็นอยู่เรียบง่าย
ดังนั้น คำว่า สันโดษ กับคำว่า สมถะ จึงเป็นธรรมะ 2 ประการที่มีความหมายแตกต่างกันแต่เกื้อกูลกัน
โดยอรรถหรือความหมายตามรากศัพท์ คำว่า สันโดษหมายถึงความยินดี ความพอใจมี 3 ประการคือ
1. ยถาลาภสันโดษ คือ ยินดีตามที่ได้ ยินดีตามพึงได้อันหมายถึง ตนได้สิ่งใดมา หรือเพียรหาสิ่งใดมาได้ เมื่อเป็นสิ่งที่ตนพึงได้ ไม่ว่าจะหยาบหรือประณีตแค่ไหน ก็ยินดีพอใจด้วยสิ่งนั้น ไม่ติดใจอยากได้สิ่งอื่น ไม่เดือดร้อนกระวนกระวายเพราะสิ่งที่ตนไม่ได้ไม่ปรารถนาสิ่งที่ตนไม่พึงได้ หรือเกินกว่าที่ตนพึงได้ โดยถูกต้องชอบธรรม ไม่เพ่งเล็งปรารถนาของที่คนอื่นได้ ไม่ริษยาเขา
2. ยถาพลสันโดษ ยินดีตามกำลัง คือยินดีแต่พอแก่กำลัง ร่างกายสุขภาพ และวิสัยแห่งการใช้สอยไม่ยินดีอยากได้เกินกำลัง ตนมีหรือได้สิ่งใด อันไม่ถูกกับกำลังกายหรือสุขภาพ ก็ไม่ควรหวงแหนเสียดายเก็บไว้ให้เสียเปล่า หรือฝืนใช้ให้เป็นโทษแก่ตน ยอมสละให้แก่ผู้อื่นที่จะใช้ได้ และยอมรับหรือแลกเอาสิ่งที่ถูกกับตน แต่เพียงพอแก่กำลังการใช้สอยของตน
3. ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีตามสมควรคือยินดีตามที่เหมาะสมกับตน อันสมควรแก่ภาวะฐานะแนวทางแห่งชีวิต และจุดหมายแห่งการบำเพ็ญกิจของตน เช่น ภิกษุไม่ปรารถนาสิ่งของอันไม่สมควรแก่สมณภาวะ หรือภิกษุบางรูปได้ปัจจัยที่มีค่ามาก เห็นว่าเป็นสิ่งสมควรแก่ท่านผู้ทรงคุณสมบัติน่านับถือ ก็นำไปมอบให้ท่านผู้นั้น เป็นต้น
นอกจากสันโดษแล้ว ยังมีธรรมอีกข้อหนึ่งที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนในการปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับสันโดษ
ธรรมข้อนั้นก็คือ มักน้อย หมายถึงการบริโภคปัจจัย 4 เท่าที่จำเป็นหรือเพียงพอที่จะยังอัตภาพให้เป็นไปได้เพื่อการปฏิบัติธรรม ดังนั้น ถึงมีโอกาสได้มาก ก็ยินดีรับแต่น้อย ด้วยเหตุนี้มักน้อยจึงเหมาะแก่นักบวชมากกว่าคฤหัสถ์
เมื่อเปรียบเทียบสันโดษกับนักบวชแล้ว จะเห็นว่าสันโดษเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ตามนัยแห่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน่าจะเป็นแนวทางเดียวที่จะทำให้คนไทย และประเทศไทยอยู่ได้โดยปราศจากการเป็นหนี้ และพึ่งพาตนเองได้โดยไม่ทำตนเองให้เป็นภาระของผู้อื่นในด้านการเงิน
ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงดีใจและนิยมยกย่องชื่นชมกับแนวทางการจัดทำนโยบายบริหารประเทศของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาเป็นนวทางในการจัดทำนโยบายบริหารประเทศ และพอใจยิ่งขึ้นเมื่อมีการระบุว่านโยบายทุกด้านจะต้องมีมาตรการป้องกันทุจริตสอดแทรกอยู่ด้วย
แต่ความพอใจและนิยมชอบได้สะดุดทันที เมื่อได้ฟังข่าวการจัดซื้อไมโครโฟนมาใช้ในห้องประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลในราคาที่แพง เมื่อเทียบกับราคาในท้องตลาด และที่สำคัญยิ่งกว่านี้น่าจะเกินความจำเป็น เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้งานของอุปกรณ์ชนิดนี้คือ รับสัญญาณเสียงจากผู้พูด และส่งต่อไปยังเครื่องขยายแล้วส่งเสียงผ่านทางลำโพง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ฟังเป็นการสื่อสารระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังเป็นอันสำเร็จประโยชน์
ดังนั้น ไมโครโฟนที่ใช้กันอยู่ทั่วไป และราคาไม่แพงขนาดนี้ ก็น่าจะสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่า
อีกประการหนึ่ง ก่อนการปรับปรุงในห้องประชุมก็คงจะมีไมโครโฟนอยู่แล้ว และเชื่อว่าใช้งานได้ ถ้ามองในแง่ของความพอเพียงที่ยึดติดประโยชน์ในการใช้สอยเป็นที่ตั้ง จึงไม่มีความจำเป็นต้องการซื้อใหม่แต่อย่างใด
ยิ่งถ้ามองสถานะทางการเงินการคลังของประเทศในภาวะที่หนี้สาธารณะท่วมท้นเกินครึ่งของจีดีพีด้วยแล้ว ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าการจัดซื้อไมโครโฟนในครั้งนี้ไม่สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ซ้ำร้ายยิ่งกว่านี้ ถ้านำแนวคิดที่ว่านโยบายทุกด้านจะเน้นความโปร่งใสตรวจสอบได้ อันเป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันการทุจริต ก็น่าจะอนุมานได้ว่าการจัดซื้อไมโครโฟนไม่โปร่งใสถึงแม้จะไม่ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าทุจริตเกิดขึ้นแล้ว ก็น่าจะเรียกได้ว่าเข้าข่ายส่อเค้าทุจริตได้ ทั้งนี้โดยอาศัยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้
โดยปกติในการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ และองค์กรของรัฐ จะต้องดำเนินการตามระเบียบพัสดุซึ่งกำหนดแนวทางไว้แน่นอน ไม่ว่าจะการประมูลทั่วไปหรือวิธีพิเศษโดยการสอบราคาตกลงราคา ก็จะต้องกำหนดสเปกสิ่งของจะซื้อหรือจ้างทำ และตีราคาที่ตกลงกัน วันส่งมอบสินค้ารวมไปถึงเงื่อนไขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจะต้องมีการทำสัญญาซึ่งลงนามโดยหัวหน้าส่วนราชการในฐานะผู้ซื้อ และผู้ประกอบธุรกิจในฐานะผู้ขาย หรือผู้รับจ้างเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการ
แต่ในการจัดซื้อไมโครโฟนในครั้งนี้ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไม่มีการทำสัญญา และตกลงราคาก่อนนำมาติดตั้ง
เมื่อปรากฏเป็นข่าวว่าราคาแพงเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายในตลาดทั่วไป จึงได้มีการต่อรองลดราคาลงมา
ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้ถ้ายึดแนวเศรษฐกิจพอเพียง และความโปร่งใสก็ควรจะได้ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง โดยการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และถ้าพบว่ามีความผิดก็จะต้องมีการลงโทษผู้กระทำผิด ไม่ควรหยุดแต่มีการต่อรองลดราคาได้ เพราะจะมีข้อกังขาว่า ถ้าไม่ปรากฏเป็นข่าวดังขึ้นมา จะมีการต่อรองลดราคาลงมาได้ขนาดนี้หรือไม่ และถ้ารัฐต้องซื้อของแพงกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนเกินที่ว่านี้จะไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่ปรากฏล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ยกเลิกการซื้อไมโครโฟนชุดนี้ไปแล้ว
ในความเป็นจริง คำว่า สมถะ มิได้มีความหมายว่าเป็นคนเรียบง่าย แต่หมายถึงธรรมะข้อหนึ่งที่ผู้ถือปฏิบัติเพื่อการฝึกจิตให้สงบ เรียกเป็นคำเต็มว่าสมถะกัมมัฏฐาน และผู้ที่จะถือปฏิบัติข้อนี้ได้จะต้องเป็นผู้สันโดษคือมีความเป็นอยู่เรียบง่าย
ดังนั้น คำว่า สันโดษ กับคำว่า สมถะ จึงเป็นธรรมะ 2 ประการที่มีความหมายแตกต่างกันแต่เกื้อกูลกัน
โดยอรรถหรือความหมายตามรากศัพท์ คำว่า สันโดษหมายถึงความยินดี ความพอใจมี 3 ประการคือ
1. ยถาลาภสันโดษ คือ ยินดีตามที่ได้ ยินดีตามพึงได้อันหมายถึง ตนได้สิ่งใดมา หรือเพียรหาสิ่งใดมาได้ เมื่อเป็นสิ่งที่ตนพึงได้ ไม่ว่าจะหยาบหรือประณีตแค่ไหน ก็ยินดีพอใจด้วยสิ่งนั้น ไม่ติดใจอยากได้สิ่งอื่น ไม่เดือดร้อนกระวนกระวายเพราะสิ่งที่ตนไม่ได้ไม่ปรารถนาสิ่งที่ตนไม่พึงได้ หรือเกินกว่าที่ตนพึงได้ โดยถูกต้องชอบธรรม ไม่เพ่งเล็งปรารถนาของที่คนอื่นได้ ไม่ริษยาเขา
2. ยถาพลสันโดษ ยินดีตามกำลัง คือยินดีแต่พอแก่กำลัง ร่างกายสุขภาพ และวิสัยแห่งการใช้สอยไม่ยินดีอยากได้เกินกำลัง ตนมีหรือได้สิ่งใด อันไม่ถูกกับกำลังกายหรือสุขภาพ ก็ไม่ควรหวงแหนเสียดายเก็บไว้ให้เสียเปล่า หรือฝืนใช้ให้เป็นโทษแก่ตน ยอมสละให้แก่ผู้อื่นที่จะใช้ได้ และยอมรับหรือแลกเอาสิ่งที่ถูกกับตน แต่เพียงพอแก่กำลังการใช้สอยของตน
3. ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีตามสมควรคือยินดีตามที่เหมาะสมกับตน อันสมควรแก่ภาวะฐานะแนวทางแห่งชีวิต และจุดหมายแห่งการบำเพ็ญกิจของตน เช่น ภิกษุไม่ปรารถนาสิ่งของอันไม่สมควรแก่สมณภาวะ หรือภิกษุบางรูปได้ปัจจัยที่มีค่ามาก เห็นว่าเป็นสิ่งสมควรแก่ท่านผู้ทรงคุณสมบัติน่านับถือ ก็นำไปมอบให้ท่านผู้นั้น เป็นต้น
นอกจากสันโดษแล้ว ยังมีธรรมอีกข้อหนึ่งที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนในการปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับสันโดษ
ธรรมข้อนั้นก็คือ มักน้อย หมายถึงการบริโภคปัจจัย 4 เท่าที่จำเป็นหรือเพียงพอที่จะยังอัตภาพให้เป็นไปได้เพื่อการปฏิบัติธรรม ดังนั้น ถึงมีโอกาสได้มาก ก็ยินดีรับแต่น้อย ด้วยเหตุนี้มักน้อยจึงเหมาะแก่นักบวชมากกว่าคฤหัสถ์
เมื่อเปรียบเทียบสันโดษกับนักบวชแล้ว จะเห็นว่าสันโดษเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ตามนัยแห่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน่าจะเป็นแนวทางเดียวที่จะทำให้คนไทย และประเทศไทยอยู่ได้โดยปราศจากการเป็นหนี้ และพึ่งพาตนเองได้โดยไม่ทำตนเองให้เป็นภาระของผู้อื่นในด้านการเงิน
ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงดีใจและนิยมยกย่องชื่นชมกับแนวทางการจัดทำนโยบายบริหารประเทศของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาเป็นนวทางในการจัดทำนโยบายบริหารประเทศ และพอใจยิ่งขึ้นเมื่อมีการระบุว่านโยบายทุกด้านจะต้องมีมาตรการป้องกันทุจริตสอดแทรกอยู่ด้วย
แต่ความพอใจและนิยมชอบได้สะดุดทันที เมื่อได้ฟังข่าวการจัดซื้อไมโครโฟนมาใช้ในห้องประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลในราคาที่แพง เมื่อเทียบกับราคาในท้องตลาด และที่สำคัญยิ่งกว่านี้น่าจะเกินความจำเป็น เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้งานของอุปกรณ์ชนิดนี้คือ รับสัญญาณเสียงจากผู้พูด และส่งต่อไปยังเครื่องขยายแล้วส่งเสียงผ่านทางลำโพง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ฟังเป็นการสื่อสารระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังเป็นอันสำเร็จประโยชน์
ดังนั้น ไมโครโฟนที่ใช้กันอยู่ทั่วไป และราคาไม่แพงขนาดนี้ ก็น่าจะสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่า
อีกประการหนึ่ง ก่อนการปรับปรุงในห้องประชุมก็คงจะมีไมโครโฟนอยู่แล้ว และเชื่อว่าใช้งานได้ ถ้ามองในแง่ของความพอเพียงที่ยึดติดประโยชน์ในการใช้สอยเป็นที่ตั้ง จึงไม่มีความจำเป็นต้องการซื้อใหม่แต่อย่างใด
ยิ่งถ้ามองสถานะทางการเงินการคลังของประเทศในภาวะที่หนี้สาธารณะท่วมท้นเกินครึ่งของจีดีพีด้วยแล้ว ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าการจัดซื้อไมโครโฟนในครั้งนี้ไม่สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ซ้ำร้ายยิ่งกว่านี้ ถ้านำแนวคิดที่ว่านโยบายทุกด้านจะเน้นความโปร่งใสตรวจสอบได้ อันเป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันการทุจริต ก็น่าจะอนุมานได้ว่าการจัดซื้อไมโครโฟนไม่โปร่งใสถึงแม้จะไม่ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าทุจริตเกิดขึ้นแล้ว ก็น่าจะเรียกได้ว่าเข้าข่ายส่อเค้าทุจริตได้ ทั้งนี้โดยอาศัยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้
โดยปกติในการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ และองค์กรของรัฐ จะต้องดำเนินการตามระเบียบพัสดุซึ่งกำหนดแนวทางไว้แน่นอน ไม่ว่าจะการประมูลทั่วไปหรือวิธีพิเศษโดยการสอบราคาตกลงราคา ก็จะต้องกำหนดสเปกสิ่งของจะซื้อหรือจ้างทำ และตีราคาที่ตกลงกัน วันส่งมอบสินค้ารวมไปถึงเงื่อนไขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจะต้องมีการทำสัญญาซึ่งลงนามโดยหัวหน้าส่วนราชการในฐานะผู้ซื้อ และผู้ประกอบธุรกิจในฐานะผู้ขาย หรือผู้รับจ้างเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการ
แต่ในการจัดซื้อไมโครโฟนในครั้งนี้ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไม่มีการทำสัญญา และตกลงราคาก่อนนำมาติดตั้ง
เมื่อปรากฏเป็นข่าวว่าราคาแพงเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายในตลาดทั่วไป จึงได้มีการต่อรองลดราคาลงมา
ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้ถ้ายึดแนวเศรษฐกิจพอเพียง และความโปร่งใสก็ควรจะได้ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง โดยการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และถ้าพบว่ามีความผิดก็จะต้องมีการลงโทษผู้กระทำผิด ไม่ควรหยุดแต่มีการต่อรองลดราคาได้ เพราะจะมีข้อกังขาว่า ถ้าไม่ปรากฏเป็นข่าวดังขึ้นมา จะมีการต่อรองลดราคาลงมาได้ขนาดนี้หรือไม่ และถ้ารัฐต้องซื้อของแพงกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนเกินที่ว่านี้จะไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่ปรากฏล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ยกเลิกการซื้อไมโครโฟนชุดนี้ไปแล้ว